แค้นปมขัดแย้งมรดก ควงปืนบุกมาก่อเหตุ ตร.กล่อมจนมอบตัว ฟันข้อหาพยายามฆ่า

จับ ‘ลุง’ วัย 78 คลั่ง สาดกระสุนจากปืนพก .38 นับ 10 นัด ถูกน้องสาววัย 69 บาดเจ็บ ตร.ลุยเกลี้ยกล่อมจนยอมวางปืน มอบตัว สอบสวนอ้างเกิดจากความเครียดไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องการจัดการมรดก ของพี่น้องทั้ง 8 คน ที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว 3 ตร.ชี้ความผิดเบื้องต้นฐานพยายามฆ่า และพ.ร.บ. อาวุธปืน ส่งสน.บางโพงพาง สอบสวนต่อไป

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พ.ค. พ.ต.ท.กริช เพ็ชรสิมาลัย สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ในบ้านเลขที่ 201 ถนนจันทน์ ซอย 23/2 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ บก.สปพ.191 และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ปลูกในรั้วรอบขอบชิด พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ จากการตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง อายุประมาณ 65-70 ปี ถูกยิงถากที่บริเวณอกข้างขวา เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งร.พ.จุฬาลงกรณ์ อย่างเร่งด่วน ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นพี่ชายของคนเจ็บ ถือปืนลูกโม่ขนาด .38 กวัดแกว่งไปมาอยู่ในบ้าน มีการยิงกระสุนจนหมดโม่และสับเปลี่ยนกระสุนสำรองใส่ใหม่อีกหลายนัด จนเจ้าหน้าที่ต้องเกลี้ยกล่อมให้สงบสติอารมณ์ ใช้เวลานาน 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงยอมวางอาวุธปืนและยินยอมให้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก

พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ตำรวจสามารถควบคุมนายศักดา พัฒนะนุกิจ 78 ปีไว้ได้ เบื้องต้นมีหญิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน รับแจ้งว่าเป็นน้องสาวของผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว อาการพ้นขีดอันตราย พร้อมรายงานผบ.ตร.และ ผบช.น.ให้ทราบ และได้รับคำสั่งกำชับให้ดูแลสถานการณ์ให้ดี เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุก็มีอาการสงบลง ไม่ถือปืนแล้ว แต่ยังเก็บไว้กับตัว ซึ่งตำรวจต้องเปิดใจรับฟังผู้ก่อเหตุ เพื่อประเมินสถานการณ์จนคลายความกังวล จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้าชาร์จจับกุม เพราะไม่มีคนอยู่ในพื้นที่แล้ว และสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนเจ้าตัวจะยอมมอบปืนให้ตำรวจเอง

ลุงคลั่ง – ตร.บางโพงพางเข้าเกลี้ยกล่อมนายศักดา พัฒนะนุกิจ อายุ 78 ปี หลังคลั่งใช้ปืนยิงถูกน้องสาวบาดเจ็บ และใช้ปืนตบน้องชาย ในบ้านพักย่านถนนจันทน์ เขตสาทร ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง จึงยอมมอบตัว สาเหตุขัดแย้งเรื่องแบ่งมรดก เมื่อวันที่ 21 พ.ค.

จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ทราบว่ามีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวและอาศัยอยู่ที่อื่น แต่พกพาปืนมาก่อเหตุที่นี่ ส่วนแรงจูงใจ เจ้าตัวบอกว่าจากความเครียดที่ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจัดการมรดก ซึ่งครอบครัวมีญาติพี่น้องรวม 8 คน ยังมีชีวิตอยู่ 5 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย ก่อนเจ้าตัวมาพูดคุยถึงที่บ้านแล้วตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งกำลังสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง โดยผู้ก่อเหตุเคยทำงานด้านรักษาความปลอดภัยของเอกชน ทำให้พอมีความชำนาญด้านการใช้อาวุธปืนบ้าง แต่ไม่ได้เป็นทหาร และเลิกทำงานแล้วเพราะมี อายุมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหานั้น เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดฐานพยายามฆ่า และความผิดตาม พ.ร.บ.ปืน แต่ต้องตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะยิงปืนมากกว่า 1 นัด จากนี้จะคุมตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียด ที่สน.บางโพงพาง พร้อมตรวจร่างกายหาสารเสพติดต่อไป

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สน.บางโพงพาง รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับตัวผู้ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือนายศักดา พัฒนะนุกิจ อายุ 78 ปี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นน้องสาวคือนางอุบลรัตน์ โพธิ์กมลวงศ์ อายุ 69 ปี ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งพ้นขีดอันตรายแล้ว

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำตัวผู้ต้องหาพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน ทั้งนี้ท้ายคำร้องไม่ได้มีการคัดค้านการประกันตัวแม้แต่อย่างใดเนื่องจากตัวก่อเหตุเป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งแพทย์ได้นัดตรวจเช็กอาการในเร็วๆ นี้ ก่อนนำตัว ผู้ต้องหาส่งฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในช่วงเช้าของวันที่ 22 พ.ค.นี้ สำหรับอาวุธปืนที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุนั้นจากการตรวจสอบพบว่ามีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานให้ทางญาตินำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน