ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้องปลัดมหาดไทย ‘สุทธิพงษ์ จุลเจริญ’ คดีที่ถูกทนายดังฟ้องพูดจาด้อยค่าลูกน้องที่จบ ป.ตรีจากม.สยาม ในวงประชุมมหาดไทยปี 65 ชี้ทนายผู้ฟ้องและเป็นศิษย์เก่าม.สยาม ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง โจทก์ขอยื่นอุทธรณ์ต่อ เพิ่งได้ข้อมูลปลัดเก่งก็เคยเรียนที่ม.สยามด้วย ยืนกรานคำพูดส่งผลกระทบกับน.ศ. เมื่อไปสมัครงานถูกลดทอดความเชื่อมั่น จี้ให้ออกมาขอโทษผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เหมือนวันที่พูดพาดพิงช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีกว่า
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน กทม. ศาลนัดฟังคำสั่งฟ้อง หรือคำพิพากษา ในชั้นตรวจฟ้อง ในคดีที่นายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสยาม เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) กรณีที่ปลัดสุทธิพงษ์กล่าวด้อยค่า ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง และผู้อื่น ในการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อปลายปี 2565
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสงกาญ์ เปิดเผยว่า ศาลอาญามีคำสั่งยกฟ้องคดีนี้ โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายคนเเรกคือ ข้าราชการที่ถูกนายสุทธิพงษ์ กล่าวถึง เเละมหาวิทยาลัยสยามในส่วนตนที่เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยสยามไม่ใช่ ผู้เสียหายโดยตรง ศาลจึงยกฟ้องหรือ ไม่รับฟ้องคดีไว้พิจารณา แต่ตนยืนยันขออุทธรณ์ต่อศาลสูงต่อไป ภายใน 15 วัน เนื่องจากมองว่า ศิษย์เก่าที่จบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยล้วนได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าวโดยตรง เช่น ทำให้ ไม่ได้รับความเชื่อถือเมื่อสมัครงาน เนื่องจากผู้พูดได้กล่าวในฐานะที่เป็นข้าราชการระดับสูงทำให้หลายคนเชื่อถือคล้อยตาม อย่างไรก็ตาม สำหรับข้าราชการที่ถูกด้อยค่า ซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรงนั้น เชื่อว่าจะไม่ดำเนินการฟ้องร้อง เนื่องจากเป็นข้าราชการในระบบ และผู้บังคับบัญชาสามารถให้คุณหรือโทษได้
นายสงกาญ์กล่าวต่อว่า วันเดียวกัน ได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัย สยามในปี 2554 เช่นกัน และก่อนหน้านี้ นายสุทธิพงษ์ได้ทำเอกสารชี้แจงส่งมายังศาลแล้ว รวมทั้งได้ทำหนังสือชี้แจงไป ยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยสยามและที่ประชุมอธิการบดีทั่วประเทศ โดยอ้างว่าไม่มีเจตนาในการกระทำดังกล่าว เป็นการมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรให้ดีขึ้น รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมมองว่ายังรับผิดชอบไม่เพียงพอ นายสุทธิพงษ์ควรกล่าวขอโทษผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เช่นเดียวกับตอนที่พูดพาดพิงจึงจะเยียวยาจิตใจผู้เสียหายได้มากกว่า” นายสงกาญ์กล่าว
