ต่อหน้าเมีย-หาดป่าตอง เตือนฝนจมเหนือ-อีสาน
หาดป่าตองภูเก็ตคลื่นลมแรง น้ำทะเลซัดนักท่องเที่ยวรัสเซียจมน้ำสำลักดับต่อหน้าภรรยา เผยเจ้าหน้าที่ปักธงแดงเตือนภัย แต่ผู้ตายฝ่าฝืนลงเล่นน้ำ จนเกิดเหตุสลด กรมอุตุฯ เตือนทุกภาคฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 27-30 พ.ค. เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก แถมภาคใต้ยังเจอไต้ฝุ่น ‘มาวาร์’ จากฟิลิปปินส์ ด้านกรมสุขภาพจิตเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจครู เด็กและชาวบ้าน เหยื่อลมพายุพัดถล่มที่พิจิตร นายกฯ ย้ำหน่วยงานติดตามสภาพอากาศ-สถานการณ์น้ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ฝนตกสะสมมากกว่า 90 ม.ม. ในช่วง 24 ชั่วโมง
หนุ่มรัสเซียจมทะเลป่าตองดับ
เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 27 พ.ค. พ.ต.ต. ชยกร ตั้งสกุล สว.(สอบสวน) สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากกลุ่มเซ็กซี่หน้าหาด ป่าตองว่า มีเหตุนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติลงไปเล่นน้ำทะเล ตรงข้ามโรงแรมโพร์พ้อยท์ สบาย เชอราตัน ภูเก็ต ถนนทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ แล้วจมน้ำหายไปในทะเล ต่อมาค้นเจอร่างแล้วบริเวณริมหาด นอนอยู่ในสภาพแน่นิ่งไม่รู้สึกตัว จึงได้ประสานหน่วยกู้ชีพกุศลธรรมภูเก็ต (ป่าตอง) พบเสียชีวิตแล้ว จึงได้นำร่างไปชันสูตรโดยละเอียดที่ร.พ.ป่าตอง

จมทะเลดับ – ภรรยาพยายามปฐมพยาบาลช่วยชีวิตสามีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่ ฝ่าธงแดงเตือนอันตรายจากคลื่นแรง ลงเล่นน้ำทะเลหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต แต่ถูกคลื่นซัดจม สุดท้ายสำลักน้ำจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 พ.ค.
จากการสอบสวน ผู้เสียชีวิตคือ นายพาเวล ราฟายโลวิช (Mr.Pavel Rafaylovich) อายุ 52 ปี สัญชาติรัสเซีย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพักอยู่ที่โรงแรมเดอะ ชาร์ม ใกล้กับหาดป่าตอง ช่วงเช้าผู้ตายและภรรยาชาวรัสเซียลงเล่นน้ำในทะเลซึ่งมีคลื่นลมแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปักธง สีแดงเตือนให้ระวังอันตราย แต่ผู้ตายก็ยังลงเล่นน้ำทะเล กระทั่งจมน้ำทะเลหายไปสักพักแล้วโผล่ขึ้นมาพบว่าสำลักน้ำและเสียชีวิตแล้ว พร้อมสอบปากคำภรรยาผู้ตายเพิ่มเติม ก่อนประสานสถานทูตรัสเซียเข้าช่วยเหลือก่อน นำศพไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป
ภาคใต้เจอฤทธิ์ไต้ฝุ่น‘มาวาร์’
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตกได้ออกประกาศเรื่อง ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 27-30 พ.ค. ความว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีพายุไต้ฝุ่น ‘มาวาร์’ บริเวณทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ตั้งแต่บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงเวลา ดังกล่าว
สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลจะมีคลื่นสูง 2-3 ม. และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 ม. ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวและขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตกอย่างใกล้ชิด
อุตุฯ เตือนทุกภาคฝนกระหน่ำ
วันเดียวกัน ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ฉบับที่ 4 (153/2566) ความว่า ในช่วงวันที่ 27-30 พ.ค.มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนล่างจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยและลงสู่อ่าวมะตะบัน ประเทศเมียนมา ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากระหว่างวันที่ 29-30 พ.ค. มีดังนี้ ภาคเหนือ : ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ชัยภูมิ และนครราชสีมา ภาคกลาง : จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก : นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 ม. บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 ม. ส่วนบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 ม. บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 ม. ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 27-30 พ.ค.นี้ไว้ด้วย จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยม วิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายกฯย้ำเตรียมรับมือน้ำท่วม
วันเดียวกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูฝนแล้วตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชน จึงกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก โดยเฉพาะในพื้นที่มีฝนตกชุกหนาแน่นและต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมการทุกด้านให้พร้อมรับมือทันต่อสถานการณ์ ตลอดจนการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผล กระทบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอนุชากล่าวว่า รัฐบาลโดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ติดตามสภาพอากาศ พบว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังแรงขึ้น หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางจะเคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศลาวและกัมพูชา ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในช่วงวันที่ 27 พ.ค.-1 มิ.ย. โดย กอนช.ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำนอง ไม่สามารถระบายได้ทันในช่วงวันที่ 27 พ.ค.-1 มิ.ย. ดังนี้
1.ภาคเหนือ เพชรบูรณ์ (อ.หล่มเก่า) 2.ภาคกลาง เพชรบุรี (อ.ท่ายาง บ้านลาด และเมืองเพชรบุรี) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน และปราณบุรี) 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สุรินทร์ (อ.เมืองสุรินทร์) จ.บุรีรัมย์ (อ.เมือง) จ.อุบลราชธานี (อ.เมือง และพิบูลมังสาหาร) 4.ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี (อ.เมือง) จ.ระยอง (อ.เมือง และแกลง) จังหวัดจันทบุรี (อ.เมือง) จ.ตราด (อ.เมือง และเขาสมิง) และ 5.ภาคใต้ จ.ชุมพร (อำเภอพะโต๊ะ) จ.ระนอง (อ.กะเปอร์ เมืองระนอง และสุขสำราญ) จ.พังงา (อ.กะปง คุระบุรี ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอกะทู้ ถลาง และเมืองภูเก็ต) จ.กระบี่ (อ.เกาะลันตา คลองท่อม เมืองกระบี่ เหนือคลอง และอ่าวลึก) จ.ตรัง (อ.เมืองตรัง กันตัง และปะเหลียน) จ.สตูล (อ.ทุ่งหว้า)
“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว นายกรัฐมนตรีย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 ม.ม. ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคย เกิดน้ำนองไม่สามารถระบายได้ทัน รวมถึงการเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที สิ่งสำคัญคือให้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์” นายอนุชากล่าว
เร่งเยียวยาจิตใจเหยื่อพายุพิจิตร
ด้านนายสุวิศิษย์ กันทา รองผู้อำนวยการสำนักงานการประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 ร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิต และร.พ.จิตเวชนครสวรรค์ ร่วมลงพื้นที่เยียวยาและฟื้นฟูสภาพจิตใจครู บุคลากรทางการศึกษา เด็กนักเรียนและชาวบ้านที่ประสบภัยจากเหตุการณ์วาตภัยในพื้นที่ ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน วัด รวมถึงโรงเรียนวัดเนินปอ โดยเฉพาะโรงเรียนวัดเนินปอซึ่งได้รับความเสียหายจากลมพายุพัดโดมขนาดใหญ่เป็นโครงสร้างเหล็กสูง 10 ม. กว้าง 20 ม. และยาว 40 ม. ถล่มทับร่างผู้ปกครองและเด็กนักเรียนเสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 18 ราย ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของครู บุคลากรทางการศึกษาและเด็กนักเรียน รวมถึงผู้ปกครองในพื้นที่ต้องพบเจอกับความสูญเสีย
นอกจากนี้ ทีมจากกรมสุขภาพจิตได้เยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจแบบรายคน เพื่อให้กำลังใจและไม่คิดมาก ไม่คิดทำร้ายตนเอง และพยายามคิดบวกต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น สำหรับโรงเรียนวัดเนินปอมีกำหนด การเปิดเรียนในวันที่ 29 พ.ค.นี้ โดยจะย้ายเด็กนักเรียนจำนวนเกือบ 100 คนทั้งในระดับชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมศึกษาไปเรียนอีกอาคารหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ลมพายุ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมืองลงพื้นที่สำรวจและออกแบบหอประชุมโรงเรียนตามแบบแปลนของกรม มีขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 27 ม. และยาวไม่น้อยกว่า 53 ม. และส่วนความสูงประมาณ 10 ม. โดยจะสร้างทดแทนอาคารหลังเดิมที่พังถล่ม ซึ่งจะมีการถมดินเพื่อก่อสร้างให้มีความมั่นคง แข็งแรง สามารถใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม รวมถึงแข่งขันกีฬาต่างๆ ของทางโรงเรียนได้ต่อไป
สำหรับความเสียหายเหตุวาตภัยในพื้นที่ อ.สามง่าม เมื่อวันที่ 22 พ.ค. จนมีผู้เสียชีวิต 7 ราย ผู้บาดเจ็บ 18 ราย มีพื้นที่ประสบภัย 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน บ้านพักอาศัยได้รับความเสียหาย 408 หลังคาเรือน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายรวมทั้งทหารกองพลทหารม้าที่ 1 กองพันทหารช่างที่ 8 จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์เร่งลงพื้นที่ซ่อมแซมฟื้นฟู สภาพความเสียหายให้กลับคืนมาโดยเร็ว