จุดไฟเผาร่างซ้ำ ระแวงมีชายอื่น
ผัวเฒ่าวัย 77 หึงโหดเมียสาวคราวลูกอายุ 40 ทุบด้วยท่อนเหล็กจนตายคาบ้านแล้ว จุดไฟเผาซ้ำ นั่งรอมอบตัวสารภาพเพิ่งอยู่กินกันได้ ไม่นาน เกิดหวาดระแวงจะปันใจไปให้ ชายอื่น ฉวยโอกาสตอนเมียหลับ คว้าท่อนเหล็กยาวเกือบเมตรทุบตีจนแน่นิ่งแล้วใช้ผ้าห่มคลุมร่างจุดไฟเผา แต่กลัวไหม้บ้านเลยนำน้ำมาดับ ปิดประตูบ้านไว้ไม่คิดหนีไปไหน นั่งบนแคร่หน้าบ้านรอตำรวจ ญาติเศร้ารับศพฝ่ายหญิงไปทำพิธีทางศาสนา
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. ร.ต.อ.ปองพล จันทร์เสนา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในบ้านเลขที่ 194 หมู่ 9 บ้านเทพประทับ ต.นางิ้ว จึงรายงานให้ พ.ต.ท.ประดุง วงชารี สว.สภ.นางิ้ว ทราบแล้วไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร ร.พ.สังคม ตำรวจชุดสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน
รักต่างวัย – ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุนายบุญทัย สีนวน อายุ 77 ปี ใช้เหล็กทุบหัวน.ส.ไพรวรรณ์ อินทะริจ อายุ 40 ปี เมียสาว เสียชีวิต แล้วใช้ผ้าห่มห่อจุดไฟเผาก่อนนึกได้จะทำบ้านไหม้เลยดับไฟ สอบสวนอ้างหึงหวงกลัวมีชายอื่น ที่บ้านเทพประทับ ต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ พบนายบุญทัย สีนวน อายุ 77 ปี เจ้าของบ้าน นั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้าน รอตำรวจ คล้ายคนเมาสุรา พูดจาวกวน โดยตามเสื้อผ้ามีคราบเลือดติดอยู่บริเวณ ลำตัวและแขนขา และยังพบท่อนเหล็กยาว 90 ซ.ม. มีคราบเลือดติดอยู่ วางอยู่หน้าประตูบ้าน ตรวจสอบภายในบ้านชั้นล่าง พบศพ น.ส.ไพรวรรณ์ อินทะริจ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 5 ต.นางิ้ว ภรรยาของนายบุญทัย สวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงยีนส์ขายาว นอนหงาย โดยมีผ้าห่มมีร่องรอย ถูกเผาบริเวณชายผ้าห่ม ชันสูตรร่างเบื้องต้น พบที่ศีรษะด้านขวาแตกเละจากการถูกของแข็งทุบตี
สอบสวนนายบุญทัยรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่าภรรยาตนเองกับมือ โดยทั้งสองคนเพิ่งมาอยู่กินเป็นสามีภรรยากันได้ไม่นาน แต่เกิดความหวาดระแวงว่ามีชายคนอื่นมาติดพันภรรยา ก่อนเกิดเหตุภรรยาได้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในบ้าน ด้วยความหึงหวงจึงคว้าท่อนเหล็กทุบตีภรรยาจนถึงแก่ความตายแล้วใช้ผ้าห่ม คลุมร่างไว้ ก่อนจะจุดไฟเผา แต่กลัวว่าไฟจะไหม้บ้านจึงนำน้ำมาดับและปิดประตูบ้าน ไว้จนตำรวจมาถึงโดยไม่คิดหนีไปไหน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายบุญทัยไปดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น แล้วคุมตัวดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตญาติ ไม่ต้องการให้มีการผ่าพิสูจน์ จึงขอรับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
