ฟีฟ่าจี้แจงด่วน ‘สมยศ’ไขก๊อก

‘บิ๊กป้อม’ โต้การเมืองแทรกแซงสมาคมฟุตบอลฯ ยันพูดในฐานะประธานโอลิมปิคไทย ไม่ใช่ฐานะรองนายกฯ คณะรัฐมนตรี เพียงแค่ให้ ‘สมยศ’ พิจารณาตัวเองเหตุล้มเหลวศึกซีเกมส์ ขณะที่สมยศระบุหากลาออกต้องเป็นไปตามข้อบังคับ ระเบียบ ‘ฟีฟ่า’ ไม่อย่างนั้นจะกระทบร้ายแรงวงการบอลไทย ล่าสุดฟีฟ่าสอบถามรายละเอียด พร้อมเป็นห่วง

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงกรณีประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยระบุเป็นไปตามคำสั่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่าอยู่ระหว่างดำเนินการให้เป็นไปตามข้อบังคับลักษณะปกครองสมาคมกีฬาฟุตบอลฯที่ระบุเรื่องการพ้นจากตำแหน่งของนายกสมาคม ไว้ว่าหมดวาระ 4 ปี ขาดการประชุมเกิน 4 ครั้ง กระทำการ หรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ และที่ประชุมใหญ่มีมติถอดถอน ตรงนี้ได้รับคำแนะนำจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย(เอเอฟซี) และการกีฬาแห่งประเทศไทยว่าหากการลาออกด้วยเหตุผลที่ขัดต่อข้อบังคับ หรือระเบียบของฟีฟ่า จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อวงการฟุตบอลไทย

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า โดยสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) เอเอฟซี และฟีฟ่าให้ความสนใจสอบถามข้อมูลถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย อาจเสียโอกาสพัฒนาจากความร่วมมือในการทำโครงการต่างๆ ร่วมกัน รวมถึงกระทบต่อการที่ประเทศไทยจะได้เป็น เจ้าภาพการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของฟีฟ่าครั้งที่ 74 เดือนพ.ค.2567 หากเหตุผลของการลาออกขัดต่อข้อบังคับ ทั้งนี้จะมีหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษรเข้ามาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวอีกว่าแต่ระหว่างนี้ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามปกติ ยืนยันไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง ไม่คิดจะหนีปัญหา โดยจะประชุมสภากรรมการในวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้สำเร็จลุล่วงตามแนวทางของสโมสรสมาชิก หากไม่ขัดต่อข้อบังคับ เพื่อให้วงการฟุตบอลเดินหน้าต่อไปได้ทั้งองคาพยพ ก็พร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนผู้มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพ ที่จะเสียสละเข้ามาแก้ปัญหา และพัฒนาวงการฟุตบอลต่อไป

“ผมยืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของพล.อ.ประวิตร ที่แจ้งในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2566 ท่านมีคำสั่งให้ผมลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อรับผิดชอบต่อผลการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ และการทะเลาะวิวาทที่ประเทศกัมพูชา โดยจากนี้จะหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามขั้นตอนตามข้อบังคับให้ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ขณะที่พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคฯ กล่าวว่าพล.อ.ประวิตรพูดในประชุมในฐานะที่เป็น ผู้กำกับดูแลการกีฬาของประเทศว่า ฟุตบอลชายในซีเกมส์มีเป้าหมายต้องคว้าแชมป์เท่านั้น และก็ไม่ได้เพิ่งมาพูดครั้งนี้ พูดมาหลายครั้งแล้วด้วย พูดมาตั้งแต่ก่อนแข่งซีเกมส์ครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ แต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็ยังเป็นแบบนี้มาตลอด กีฬามีแพ้มีชนะ แต่ครั้งนี้เราแพ้ในลักษณะที่ยอมรับไม่ได้ แพ้ในลักษณะที่ทำให้ชื่อเสียงของประเทศชาติเสียหาย

“ตรงนี้ไม่ได้เพิ่งมาพูด ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เท่านั้น แต่รวมถึงทุกสมาคมกีฬาภายใต้การดูแลของโอลิมปิคไทยด้วย ก็ต้องเข้าใจว่าพล.อ.ประวิตรเองก็สวมหมวกหลายใบ การพูดครั้งนี้ก็ไม่ได้นำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและกดดันแต่อย่างใด ผมมั่นใจว่าฟีฟ่าจะเข้าใจในเรื่องนี้” พล.อ.วิชญ์กล่าว

พล.อ.วิชญ์กล่าว อีกว่าประธานคณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯ มีเหตุผลในการสั่งการ เพราะเป็นเป้าหมายของทัพนักกีฬาไทยในแต่ละสมาคมกีฬา ที่สำคัญไม่ได้เป็นการแทรกแซงการบริหารของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เราพูดก่อนแข่งมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเป็นแบบนี้ ส่วนที่บอกว่าฟีฟ่าจะสั่งแบนประเทศไทยนั้น ไม่หนักใจ เพราะเชื่อว่าฟีฟ่ามีเหตุผล เราเองก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง หรือวุ่นวาย ลงไปล้วงลูกกับการเลือกตั้งของสมาคมกีฬาต่างๆ อยู่แล้ว เขาจะเลือกตั้งก็เลือกกันไป ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจเลือกของเหล่าสโมสรสมาชิก

ส่วนนายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่เคยประกาศกลับมาท้าชิงตำแหน่งคืน กล่าวว่าด้วยการที่ยังไม่มีใครกล้าเสนอตัวกอบกู้ฟุตบอลไทย จึงจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ที่ออกตัวเพราะผลงานที่ผ่านมาเคยทำประสบความสำเร็จทั้งฟุตบอลลีกและทีมชาติมาแล้ว ในความคิดของตนผู้บริหารสโมสรในไทยลีก โดยเฉพาะไทยลีก 1 ทุกคนมีความสามารถ และศักยภาพที่จะเป็นผู้บริหารสมาคมกีฬา ฟุตบอลฯ หรือปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติไทย ก็มีความรู้และประสบการณ์ในวงการฟุตบอล เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มี ผู้บริหารสโมสรเสนอตัว จึงรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ตรงนี้

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีอาจถูกฟีฟ่าสั่งแบน นายวรวีร์กล่าวว่าหลายชาติที่ถูกแบน จะต้องเป็นกรณีที่รัฐบาลพยายามเข้ามาแทรกแซงการทำงานในสมาคม เช่น แทรกแซงการเลือกตั้ง หรือส่งคนเข้ามา หรือครอบงำสมาคม แต่นี่เป็นแค่การวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งทำได้อยู่แล้ว พล.อ. ประวิตรพูดในฐานะประธานคณะกรรมการ โอลิมปิคฯ แต่ไม่ได้มีคำสั่งออกมาว่าต้อง ลาออก ดังนั้นไม่น่าจะโดนแบนแต่อย่างใด

ด้านนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่ากรณีนี้ไม่ได้สั่งปลด แต่คณะกรรมการโอลิมปิคฯ เพียงแค่ทวงถามสปิริตหลังล้มเหลวในซีเกมส์ รวมถึงนำความเสื่อมเสียมาสู่ประเทศไทย และนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็แสดงสปิริตออกมา คณะกรรมการโอลิมปิคฯ เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐบาล จึงไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซงจากรัฐ และพล.ต.อ.สมยศก็เป็นผู้แสดงสปิริต ส่วนขั้นตอนหลังลาออก คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะต้องส่งเรื่องมาให้การ กกท.รับทราบ จากนั้นจะต้องเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คนใหม่ภายใน 3 เดือน

ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร พูดถึงกรณีถูกวิพากษ์วิจารณ์ใช้การเมืองแทรกแซงให้พล.ต.อ.สมยศลาออกจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่าพูดในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯ ไม่ได้ในฐานะรองนายกฯ คณะรัฐมนตรีไม่เกี่ยว

ต่อข้อถามถึงกรณีอาจถูกฟีฟ่าแบน พล.อ. ประวิตรกล่าวว่าไม่มีหรอก ไม่โดนหรอก เมื่อถามย้ำว่ายืนยันไม่เกี่ยวและไม่ได้สั่งการในฐานะคณะรัฐมนตรีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าไม่มี ไม่เกี่ยว เพียงแค่ให้พิจารณาตัวเอง จากผลที่ไปทะเลาะกันในระหว่างการเล่นฟุตบอล ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดีออกมา ก็เลยให้พิจารณาตัวเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน