ไม่ยอมร่วมโหวตนายก ลั่น19กค.นี้ชุมนุมอีกแน่

‘คาร์ม็อบ’พรึบกรุง กว่า 400 คัน ทั้งรถหรู ยันซาเล้ง บุกยื่นหนังสือกดดัน ผบ.เหล่าทัพทั้ง ทบ. ทร. ตร. กรณีไม่เข้าร่วมโหวตนายกฯ ก่อนรวมตัวชุมนุมที่หอศิลป์กรุงเทพฯ อานนท์ นำภา จี้ให้ส.ว. ลาออก ชี้วันนี้แค่จุดเริ่มต้น นัดใหม่ 19 ก.ค.

‘อานนท์’นำคาร์ม็อบ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ก.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายอานนท์ นำภา จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ เชิงสัญลักษณ์เพื่อ นำใบลาออกไปให้ 6 ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งไม่ทำหน้าที่เลือกนายกฯ โดยมีนายธัชพงษ์ แกดำ หรือบอย หนึ่งในแกนนำกลุ่มราษฎร, นายเจษฎา ศรีปลั่ง คนรุ่นใหม่นนทบุรี, นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า รวมถึงป้านก และป้าบังอร นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน พร้อมมวลชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ขบวนจะเริ่มเวลา 13.00 น. ที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เคลื่อนขบวนไปทำกิจกรรม ที่กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจบลงที่ลาน หอศิลป์ กทม. ซึ่งตลอดเส้นทาง ต้องไม่จอดขวางการจราจรให้เพื่อนร่วมถนนสามารถ เดินทางได้ หลบให้รถฉุกเฉิน และไม่ส่งเสียงแตร เมื่อใกล้โรงพยาบาล เมื่อถึง 3 สถานที่เป้าหมายจะให้แตรสัญญาณ เป็นการไล่ บรรดา ส.ว. ซึ่งเป็นข้าราชการประจำ พร้อมยื่นใบลาออกให้โดยตัวแทน ป้ายข้อความต้องเตรียมไปเองและอ่านแถลงการณ์

นายอานนท์กล่าวว่า รูปแบบกิจกรรมในวันนี้จะเป็นคาร์ม็อบ เป็นหลักคือ เคลื่อนขบวนไปยังกองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจุดสุดท้ายที่ลานหอศิลป์ กทม. โดยแต่ละจุดจะมีการปราศรัยบ้างและหลักๆ จะเป็นการไปยื่นหนังสือถึง ส.ว.ผู้นำเหล่าทัพ และส.ว.ที่ไม่ได้เข้าประชุมในวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ลาออก มองว่าจะส่งผลทำให้จำนวนเสียงขั้นต่ำในการเห็นชอบ นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีลดลง ไม่ต้องถึง 376 เสียง

พร้อมเรียกร้องไปยัง ส.ว.ที่เหลือ ขอให้เคารพมติของประชาชน เคารพเสียงข้างมากที่ออกมาเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม โดยหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะกระตุ้นจิตสำนึกของ ส.ว. และส.ส. เพราะตอนนี้เหมือนประชาชนถูกปล้นคะแนนเสียง เนื่องจากรัฐสภาไม่ได้เห็นชอบกับคะแนนเสียงที่ประชาชนลงไป จึงอยากให้ประชาชนทั่วประเทศเข้ามาต่อสู้ โดยคาร์ม็อบวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น

พรึบกรุง – กลุ่มคาร์ม็อบเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังกองทัพบก กองทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งหนังสือลาออกให้ผู้นำเหล่าทัพลาออกจากสมาชิกวุฒิสภา และส.ว.ที่ไม่เข้าร่วมโหวตนายกฯ ลาออกด้วย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.

19 ก.ค.นัดชุมนุมใหญ่อีก
นายอานนท์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หากกรณีที่ พรรคอันดับ 1 ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และต้องให้พรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล โดยนายพิธาและพรรคก้าวไกล ก็พร้อมจะสนับสนุน นายอานนท์ ตนมองว่า ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ คนที่ยังมีความชอบธรรมทางการเมืองมากที่สุดที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งท่าทีพรรคเพื่อไทยก็ยังสนับสนุนอยู่ หากผลโหวตวันนี้ออกมาแล้วยังไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับ 8 พรรคร่วมว่าจะพิจารณาทำอย่างไรต่อไป








Advertisement

แต่ทั้ง 8 พรรคยังต้องจับมือกันให้แน่น อย่าลืมสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนทั้ง 2 ฉบับ ให้ฝ่ายประชาธิปไตยไม่แตกแถว ส่วนตัวมองว่าการข้ามขั้วเป็นไปได้ยาก และแฟนคลับของทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลคงไม่ยอม

ส่วนการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี มองว่า สามารถทำได้ มีความชอบธรรมในการเสนอชื่อ แต่เชื่อว่าไม่ผ่าน หรือถึงผ่านโดยใช้เสียงของ ส.ว. ตั้งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ และคนทั่วประเทศไม่น่ายอม

นายอานนท์ยังบอกอีกว่า การทำกิจกรรมในวันนี้ จะเป็นการส่งเสียงเพื่อให้กำลังใจ ส.ว. ที่ยังงดออกเสียง ซึ่งเชื่อว่า หากเสียง ของประชาชนดังพอ จะเป็นกำลังใจให้ ส.ว. เหล่านี้เปลี่ยนใจ พร้อมยืนยันว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ จะมีการจัดชุมนุมครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

เคลื่อนขบวนถึงทบ.
ต่อมาเวลา 14.00 น. ขบวนคาร์ม็อบ เดินทางถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) โดยตลอดเส้นทาง ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ที่ร่วมขบวน กว่า 100 คัน ต่าง ส่งเสียงบีบแตรเป็นสัญลักษณ์การขับไล่ ส.ว.ตลอดเส้นทาง

เมื่อไปถึงน.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ อ่านแถลงการณ์ เรื่องขอเรียกร้องให้ผู้นำเหล่าทัพที่ดำรงตำแหน่ง ส.ว.ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่เดินทางไปร่วมประชุมสภา ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ได้อ่านหนังสือลาออก ถึงสมาชิกวุฒิสภาจากประชาชน ที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ได้ร่างมาไว้สำหรับยื่นให้ ส.ว. ผู้นำเหล่าทัพ ทั้ง 6 ท่าน พร้อมระบุชื่อ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม, พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสูด (ผบ.สส.), พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการรทหารเรือ (ผบ.ทร.), พล.อ.อ. อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีข้อความว่า “ใบลาออกถึงสมาชิกวุฒิสภา จากประชาชน จึงขอสิ้นสุดการทำงานสมาชิกวุฒิสภา ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.นี้”

โดยระหว่างกลุ่มอ่านแถลงการณ์ มวลชนบางส่วนได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการโปรยกระดาษใบลาออก อยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้ากองทัพบก โดยมี ร.ต.กฤษณะ จูงวงษ์สุข นายทหารเวรประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก ได้ออกมารับหนังสือกับตัวแทน ผู้ชุมนุม พร้อมยืนยันกับผู้ชุมนุม ว่า “หนังสือฉบับนี้จะถึงมือผู้บัญชาการทหารบกอย่างแน่นอน” จากนั้นผู้ชุมนุมได้เดินทางต่อไปยังกองทัพเรือ

ยื่นหนังสือต่อที่ทร.
ต่อมาเวลาประมาณ 14.45 น. ขบวนคาร์ม็อบกลับรถมุ่งหน้าข้ามสะพานผ่านฟ้า ไปยังถนนราชดำเนินกลาง ประชาชนริมถนนที่สัญจรไปมา โบกมือให้กำลังใจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขบวนคาร์ม็อบประกอบด้วยรถยนต์ ส่วนบุคคล ราคาแพงหลากหลายยี่ห้อ รถจักรยานยนต์ รถแท็กซี่ รถสามล้อ รวมถึง รถจักรยาน และซาเล้ง ซึ่งนายอานนท์ นำภา ระบุว่ามีรวมราว 400 คัน

14.54 น. หัวขบวนซึ่งนำโดยกลุ่มรถจักรยานยนต์ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า มุ่งหน้าแยกอรุณอมรินทร์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ 15.04 น. หัวขบวนคาร์ม็อบ ถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ

เวลา 15.20 น. กลุ่มคาร์ม็อบเดินทางถึงหน้ากองทัพเรือ โดยแกนนำได้ยื่นหนังสือกับน.อ.พันณรงค์ ยุทธวงศ์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ บริเวณหน้าประตูกองบัญชาการกองทัพเรือ โดยชี้แจงว่า ตามที่ ผบ.ทร.ได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้วว่าวันนั้น ตรงกับวันรำลึกเหตุการณ์ รศ.112 ที่จะต้องเดินทางไป ร่วมงานอยู่แล้ว ไม่อยากให้มองว่าเป็นการ รับงานซ้อน เพราะเป็นงานโดยตำแหน่ง และได้ลาสภาไว้ล่วงหน้า รวมถึงประธานรัฐสภารับทราบแล้ว

ส่วนอะไรสำคัญกว่ากันระหว่างไปเลือกนายกฯ กับงานรำลึก ไม่ขอให้ความเห็น ทำให้ผู้ชุมนุมกล่าวโจมตีว่า ไม่ควรรับงานซ้อน เพราะจะทำให้ประชาชนลำบาก และแกนนำผู้ชุมนุมยังสอบถามความคืบหน้า เรื่องเรือดำน้ำ พร้อมทั้งมอบเรือของเล่นที่สื่อถึงความเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือ และเป็นสัญลักษณ์ว่า ผู้ชุมนุมยังติดตามเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำด้วย จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ได้โปรยกระดาษที่เป็นข้อความ และรูปภาพเรือดำน้ำ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ ก่อนจะเคลื่อนขบวนต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตร.ปิดแยกเฉลิมเผ่า-ล็อกประตู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งแผงเหล็ก ปิดการจราจรแยกเฉลิมเผ่า ฝั่งมุ่งหน้าแยก ราชประสงค์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ประจำการ ในขณะเดียวกัน บรรยากาศหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่พร้อม โล่ประจำการ มีการตั้งแผงเหล็กปิดประตูทางเข้าออกด้วยโซ่และแม่กุญแจ นอกจากนี้ มีการนำแผ่นผ้าใบปิดบังป้ายชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติบริเวณประตูหมายเลข 1

ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุม คาร์ม็อบเคลื่อนขบวนถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยื่นหนังสือผ่าน พ.ต.อ.อนุสิทธิ์ นิธิเฉลิมวงศ์ ส่งผ่านไปยัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมแนบตั๋วช้างเป็นเชิงสัญลักษณ์คู่ไปกับหนังสือด้วย

โดยแกนนำผู้ชุมนุมได้สอบถามว่า เมื่อ วันที่ 13 ก.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ไปไหนทำไมถึงไม่ไปรัฐสภา ซึ่ง เจ้าหน้าที่ระบุว่า ติดภารกิจ และผู้ชุมนุมสอบถามว่า “ผบ.ตร.จะมาประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค.หรือไม่” แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบได้ ระบุเพียงว่า จะนำหนังสือดังกล่าว ส่งมอบให้ผบ.ตร.ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ แกนนำผู้ชุมนุมยังได้ส่งมอบปืน ฟองสบู่ของเล่นให้กับตำรวจ เป็นสัญลักษณ์ พร้อมระบุว่า หากตำรวจไม่ชอบ ประชาชน ก็ไม่ชอบเวลาถูกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดใส่ เช่นกัน พร้อมขอว่า รัฐบาลหน้า ขอให้ตำรวจอยู่ข้างประชาชน

จากนั้นผู้ชุมนุมได้โปรยตั๋วช้าง และหนังสือลาออกบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะทำพิธีเผาพริก เผาเกลือ เพื่อสาปแช่ง ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนต่อมายัง จุดสุดท้ายคือ หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่ง กรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน

โวยถูกเหยียบย่ำความหวัง
ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร บรรยากาศทั่วไป เป็นไปด้วยความคึกคัก กลุ่มศิลปินเพื่อราษฎร นำโดยอาเล็ก หรือนายโชคดี ร่มพฤกษ์ ขับร้องบทเพลงต่างๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนประชาธิปไตย รถเครื่องเสียงของขบวน คาร์ม็อบจอดบนลานหน้าหอศิลป์ ใกล้บันไดสกายวอล์กฝั่งมุ่งหน้าถนนพญาไท เปิดเพลง ‘250 สอพลอ’ ผลงานของ RAP AGAINST DICTATORSHIP หรือ RAD

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เดินทางมาด้วยรถแท็กซี่โดยมีนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ เป็นคนขับ ด้าน ‘แชมป์’ นักกิจกรรมซึ่งเป็นที่รู้จักจากกิจกรรมการยืนอ่านหนังสือ 1984 ของ จอร์จ เออร์เวล ขับรถเบนซ์ ติดป้ายข้อความต่างๆ อาทิ สว.มีไว้ทำไม

เวลา 17.30 น. บอย ธัชพงศ์ แกดำ กล่าวบนรถเครื่องเสียงว่า พวกเราฝ่าฟันอุปสรรคมาตั้งแต่ปี 2563 เมื่อถูกเหยียบย่ำจากรัฐบาลเผด็จการที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนหน้านั้นก็มีผู้ที่สู้มาก่อน ต่อมา ปี 2566 มีการเลือกตั้ง เราไปใช้สิทธิใช้เสียง แต่ใน วันที่ 13 ก.ค. กลับเกิดเหตุที่เป็นการสร้างความหวาดกลัว ทำลายความชอบธรรม หักดิบ ความฝันในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม นี่ไม่ใช่แต่ประเด็นการโหวตนายกฯ แต่เป็นการเหยียบย่ำความหวัง และความหวังของคนในสังคมโดยการทำเป็นขบวนการ มีการใช้ ส.ว.เป็นเครื่องมือ

18 ก.ค.ไปศาลรธน.
ด้าน น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม เครือข่าย แรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียง ว่า ขอให้พี่น้อง ส่งเสียงให้กับพรรคประชาธิปไตย ประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งพวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน วันนี้พวกเราประชาชนมาอย่างละมุนละม่อมมาก โดยมีกิจกรรมคาร์ม็อบเพื่อให้ ส.ว.สายทหาร ตำรวจ ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว หากไม่โหวตเห็นชอบให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ขอให้ลาออก

“เราขอยืนยันว่าจะต่อสู้ ครั้งนี้ไม่ใช่ ครั้งสุดท้ายมันอาจจะไม่ได้จบในวันที่ 19 กรกฎาคม วันนี้พวกเราประชาชนอยากย้ำเตือนถึง 8 พรรคการเมืองต้องจับมือกันให้มั่น ไม่ต้องไปบอกว่าพรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พวกคุณต้องจับมือกัน ร่วมทุกข์ ร่วมกันมา 4 ปี ที่อยู่ฝ่ายค้านร่วมกันมา วันนี้เป็นโอกาสของพวกคุณ ต้องจับมือกันและประชาชนจะช่วยสนับสนุนพวกคุณไปให้ถึงฝั่ง และขอร้องว่าอย่าไปจับมือกับเผด็จการอย่างเด็ดขาด เราต้องจับกันให้มั่น เผด็จการไม่เอาอีกแล้ว ถ้าจะเป็นฝ่ายค้านคุณต้องเป็นฝ่ายค้านทั้ง 8 พรรค ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับชัยชนะ” น.ส.ธนพรกล่าว

น.ส.ธนพรกล่าวต่อว่า วันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 11.00 น. พวกตนจะไปยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการที่ กกต.ยื่นเรื่องให้กับศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ชอบ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณา “เราเหนื่อยมาตั้งแต่ปี 2563 เรายังไม่หยุดการต่อสู้ พวกเราต้องการประชาธิปไตย ต้องการได้รัฐบาลเพื่อที่จะมาบริหารประเทศ ทำให้ปากท้องของเราดีขึ้น” น.ส.ธนพรกล่าว

เรียกร้อง 8 พรรคอย่าแตก
ด้านนายอานนท์ นำภา ขึ้นปราศรัย กล่าวว่า รู้สึกอึดอัดที่ในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ 14 ล้านเสียง ที่เลือกพรรคก้าวไกล ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นพรรคล้มเจ้า อย่าปล่อยให้คนแค่ 250 คนที่ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาใช้ข้ออ้าง เพียงแค่เรื่องแก้ไขมาตรา 112 เพื่อไม่รับรองนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน ซึ่งตนมั่นใจว่า ม.112 เป็นแค่ข้ออ้างแต่แม้จริงแล้ว เขากลัวว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสังคมเก่า ให้กลายเป็นสังคมใหม่ เพราะแท้จริงแล้ว ม.112 ต้องผ่านการพิจารณาของสภาก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้รับความเห็นชอบหรือไม่ ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลัวว่าพรรคก้าวไกล จะทำให้พวกเขาติดคุกจากการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 53 ดังนั้นเราต้องทำให้สิ่งที่เขากลัวเป็นจริง ด้วยการสนับสนุน 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ก่อนระบุว่า ให้ช่วยกัน ส่งเสียงไปยัง 8 พรรคว่าอย่าแตกแถวเด็ดขาด

แถลง 4 ข้อถึงส.ว.
ต่อมา 18.40 น. ‘ซัน’ เยาวชนกลุ่ม ‘เดมโฮป’ ขึ้นรถเครื่องเสียง อ่านแถลงการณ์แนวร่วมประชาธิปไตย เรียกร้องไปยังรัฐสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชน รวมทั้งประเทศ รวม 4 ข้อดังนี้ 1.ขอประณามสมาชิกรัฐสภาโดยเฉพาะ ส.ว.ที่ไม่ลงมติตามฉันทามติของคนทั้งประเทศ ที่มุ่งหมายให้ฝ่ายประชาธิปไตยรวมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อบริหารบ้านเมือง 2.ให้ ส.ว.ที่ไม่ทำหน้าที่ลงมติเห็นชอบตามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด และให้รัฐสภาที่เหลืออยู่ทำตามเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศต่อไป 3.ขอเรียกร้องให้ 8 พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยผนึกกำลังให้เหนียวแน่น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน 4.ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศออกมาต่อสู้กับแนวร่วมประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายตามประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ ด้วยจิตคารวะ เชื่อมั่นในพลังประชาชนและประชาธิปไตย ทั้งนี้ มีการยุติกิจกรรมในเวลาราว 19.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน