เมื่อวันที่ 16 ก.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีไร่สวนติดกับเขตป่าเขา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหารลาดตระเวนแนวชายแดน รวมทั้งประชาชนที่ชอบเดินป่า หลังพบผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนเหมาะต่อการเจริญพันธุ์ของยุงหลายชนิดเสี่ยงติดเชื้อโรคมาลาเรีย

น.ส.รัชดากล่าวว่า กรมควบคุมโรครายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-7 ก.ค. มีผู้ป่วยสะสม 9,255 ราย เพิ่มจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 835 ราย จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด ได้แก่ ตาก 5,513 ราย แม่ฮ่องสอน 1,026 ราย กาญจนบุรี 945 ราย เป็นคนไทย 4,158 ราย (ร้อยละ 44.9) และ ต่างชาติ 5,097 ราย (ร้อยละ 55.1) พบผู้เสียชีวิต 3 ราย ที่จ.ตาก ทั้งนี้โรคไข้มาลาเรียเกิดจากเชื้อพลาสโมเดียม มียุงก้นปล่องที่อาศัยอยู่ตามป่าเขาเป็นพาหะ อาการของโรคไข้มาลาเรีย คือ เมื่อผู้ป่วยถูกยุงก้นปล่องตัวเมียกัด จากนั้นประมาณ 10-14 วัน จะมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะเป็นพักๆ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร หากไปพบแพทย์ทัน สามารถรักษาด้วยการทานยาในเวลา ไม่นาน แต่หากไปพบแพทย์ช้า ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะมาลาเรียขึ้นสมอง ภาวะปอดบวมน้ำ ภาวะไตวาย ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง โรคไข้มาลาเรีย 10-14 วัน หากมีอาการให้พบแพทย์ทันที

น.ส.รัชดากล่าวอีกว่า กรมควบคุมโรคได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการควบคุมยุงพาหะให้ครอบคลุมทุกหลังคาเรือน เร่งค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม ดำเนินการตามมาตรการ 1-3-7 และเฝ้าระวังการแพร่เชื้อใหม่ สำหรับประชาชนควรสวมใส่เสื้อผ้าปกคลุมแขนขาให้มิดชิด ใช้ยาทากันยุงหรือจุดยากันยุง เมื่อต้องนอนค้างคืนในป่า ควรนอนในมุ้งที่มีสภาพดีไม่มีรูขาด และควรนำมุ้งไปชุบสารเคมีที่มีฤทธิ์ไล่และฆ่ายุง ทั้งนี้สอบถามข้อมูลได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน