ศาลฎีกาพิพากษาแก้ สั่งจำคุก 9 ปี ‘ไพร พัฒโน’ อดีตนายกฯ นครหาดใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โอนเงิน 20 ล้าน สร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จัดหาทุนซื้อทองคำปิดองค์พระประจำเมือง พร้อมให้ริบเงินที่ยังไม่ได้โอนคืนอีก 14.5 ล้าน โดยคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 2 ปี ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง ก่อนที่อัยการสูงสุดยื่นฎีกา

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าได้รับข้อมูลจากนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่าย ว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 ยื่นฟ้องนายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา กรณีกล่าวหาเมื่อวันที่ 1-4 ก.พ.2548 ใช้อำนาจในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ในขณะนั้น โดยมิชอบด้วยการออกคำสั่งอนุมัติเบิกจ่ายขาดเงินสะสม ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณของเทศบาลนครหาดใหญ่ จำนวน 20 ล้านบาทให้มูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยในพระราชูปถัมภ์ ใช้เป็นทุนจัดทำโครงการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นมงคลมหาราช แทนเทศบาลนครหาดใหญ่ ให้ประชาชนเช่าบูชาเพื่อหารายได้บูรณะซ่อมแซ่ม และปิดทองพระพุทธมงคลมหาราช พระพุทธรูปประจำเมืองหาดใหญ่

โดยหลังมีคำสั่งโอนเงินจ่ายขาดเงินสะสมจนถึงวันที่ 10 ก.ค.2550 มีการโอนเงินให้ ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคล เป็นค่าจ้าง ในการจัดสร้าง แต่จำเลยไม่ได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอน และวิธีการในการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้ผู้จัดการโรงงานสร้างวัตถุมงคลได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนจากการรับจ้าง โดยไม่ต้อง เข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้จำเลยมีหนังสือขอเบิกจ่ายเงินขาดสะสมที่ฝากไว้กับมูลนิธิสิรินธรราชวิทยาลัยฯ เป็นค่าใช้จ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ บวงสรวง ปลูกเสา และเททองปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายเอื้อประโยชน์ให้ได้รับค่าตอบแทนในการรับจ้างประชาสัมพันธ์ โดยไม่ต้องเข้าแข่งขันสู้ราคากับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย ซึ่งเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จำเลยให้การปฏิเสธ

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบ เห็นว่าไร้เจตนา พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง นางนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดยื่นฎีกาต่อ จนกระทั่งศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ โดยให้จำคุกตามฟ้องข้อ 1 ว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 จำคุก 5 ปี จำคุกตามฟ้องข้อ 5 ข้อ 6 กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 9 ปี ไม่รอลงอาญา ให้ริบเงิน 26,900,000 บาท จำเลยโอนคืนไปบางส่วน 12,400,000 บาท ยังคงให้ริบส่วนที่ขาดอีก 14,500,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน