วันที่ 8 ส.ค. นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 30 ก.ค. 2566 พบผู้ป่วยแล้ว 314 ราย เสียชีวิต 13 ราย โดยสถานการณ์โรคไข้หูดับในเขตสุขภาพ ที่ 9 จากรายงานล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 29 ก.ค. 2566 พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 73 ราย เสียชีวิต 2 ราย จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วยมากสุด 58 ราย เสียชีวิต 2 ราย รองลงมาคือสุรินทร์ ผู้ป่วย 9 ราย, ชัยภูมิ ผู้ป่วย 3 ราย และบุรีรัมย์ ผู้ป่วย 3 ราย
นพ.ทวีชัยกล่าวต่อว่า ผู้ป่วยโรคไข้หูดับมักบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะหมูดิบ ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ และดื่มสุราร่วมกับอาหารสุกๆ ดิบๆ รวมไปถึงพ่อครัวแม่ครัวและ ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผลแล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ เพราะเชื้อสเตปโตค็อกคัส ซูอิส จะอยู่ในทางเดินหายใจและในเลือดของหมูที่ติดเชื้อ อีกทั้งมีกระแสสื่อออนไลน์รีวิวการรับประทานอาหารดิบ หรือมีพฤติกรรมการดื่มสุราร่วมกับการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ซึ่งมีผู้ติดตามรับชมจำนวนมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ นอกจากนี้โรคไข้หูดับสามารถติดต่อผ่านบาดแผล รอยถลอก และเยื่อบุตา ผู้ติดเชื้อจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น กระสับกระส่าย ปวดข้อ คอแข็ง หูหนวกหรือการได้ยินลดลงเฉียบพลัน การทรงตัวผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดต่ำ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ปวดตา ตาแดง หรือมองภาพไม่ชัด จึงขอให้ประชาชนอย่าบริโภคหมูดิบหรือลาบเลือดดิบๆ รวมไปถึงอาหารปิ้งย่าง ควรมีอุปกรณ์คีบ เนื้อหมูสุกและเนื้อหมูดิบแยกจากกัน ไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบแล้วนำมารับประทาน หากติดเชื้อโรคไข้หูดับแล้วอาจทำให้สูญเสียการได้ยินหรือที่เรียกว่าหูดับจนถึงขั้นหูหนวกถาวร ขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
นพ.ทวีชัยกล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ประเทศไทยเป็นช่วงฤดูฝน โรคไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาด เพิ่มขึ้น สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 29 ก.ค. 2566 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว 7,635 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต สถานการณ์ในช่วง 8 สัปดาห์ในเขตสุขภาพที่ 9 พบผู้ป่วย 2,822 ราย จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยมากสุด 872 ราย รองลงมาคือสุรินทร์ 763 ราย, ชัยภูมิ 747 ราย และบุรีรัมย์ 440 ราย ดังนั้น 7 กลุ่มเสี่ยงรวมถึงประชาชนทั่วไปต้องดูแลป้องกันตนเองเป็นพิเศษ
