วีซ่าฟรีทำยอดจองทะลัก10เท่า สส.เพื่อไทยแห่หนุน‘อิ๊ง’หัวหน้า กรมคุกแถลงปมอาการทักษิณชี้กฎหมายระบุชัด-เปิดเผยไม่ได้
นายกฯ ‘เศรษฐา’ พร้อมทูตจีนนำคณะต้อนรับทัวร์จีนวีซ่าฟรี เที่ยวบินแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ เผยยอดจองทะลุ 10 เท่า กระตุ้นเที่ยวเมืองรอง ‘ครูมานิตย์’ ฟันธงเสียงสส.เพื่อไทยเอกฉันท์ เลือก ‘อุ๊งอิ๊ง’ นั่งหัวหน้าพรรค ยันมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด เพื่อไทยกระทุ้งก้าวไกล เลือกเก้าอี้ตัวใดตัวหนึ่งระหว่างผู้นำฝ่ายค้านหรือรองประธานสภา กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ปิดห้องถกปมการดูแล ‘ทักษิณ’ ยันไม่ได้อคติ ไม่ใช่เรื่องการเมือง ราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจง การ เปิดข้อมูลผู้ต้องขังที่ป่วย ตามกฎหมายและมาตรฐานสากลไม่สามารถทำได้
เศรษฐานำทีมต้อนรับทัวร์จีน
เวลา 10.25 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามมาตรการยกเว้นการตรวจ ลงตรา (VISA Exemption) ที่เดินทางโดยสายการบินแอร์ เอเชียเอ็กซ์ เที่ยวบิน XJ 761 เซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งหมด 341 คน เป็นชาวจีน 306 คนและประเทศอื่น 35 คน
โดยมีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ ผู้เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ ซึ่งนายกฯ พร้อมคณะมอบของพวงมาลัยกล้วยไม้และกางเกงสัญลักษณ์ช้างให้นักท่องเที่ยวทุกคน มีการ ชูป้ายและการแสดงกลองยาวต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

รับวีซ่าฟรี – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยเที่ยวบินแรก ตามมาตรการวีซ่าฟรี ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 25 ก.ย.
ยอดจองพุ่ง 10 เท่า-บูมเมืองรอง
ภายหลังต้อนรับนักท่องเที่ยว นายกฯ กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่านโยบายนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมาก และนอกเหนือจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงก้าวสุดท้าย ที่เดินทางกลับต้องมีความปลอดภัยและประทับใจที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากทุกๆ คน เบื้องต้นรับทราบบุ๊กกิ้งเข้ามาเยอะมากหลาย 10 เท่า รวมถึงการเข้าไปในเว็บไซต์ของประเทศไทยก็มีความคืบหน้ามาก เราต้องการจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยไม่ใช่แค่เมืองหลักอย่างเชียงใหม่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต อย่างเดียว
นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ การท่องเที่ยวฯ ว่า เราจะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น เพื่อทำให้ระยะเวลาในการอยู่ประเทศไทยยาวขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยเงินมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ได้ตรวจสอบอย่างดีว่าคิวที่เข้ามาในจุดตรวจคนเข้าเมืองผ่านอย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดสำคัญที่สุดในการเดินทางเข้าประเทศลงจากเครื่องบิน ตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเร็ว พร้อมเดินทางไปสู่ทุกๆ ที่นักท่องเที่ยวปรารถนา
อีก 3 สนามบินรับจีน-คาซัคฯ
วันเดียวกัน ท่าอากาศยานอีก 3 แห่ง ททท.ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน FD583 สายการบิน Thai Air Asia จากคุนหมิง, เที่ยวบิน SL935 สายการบิน Thai Lion Air จากฉางซา และเที่ยวบิน DD3111 สายการบิน Nok Air จากหนานหนิง
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 2 เที่ยวบิน สาย การบิน China Eastern Airlines ได้แก่ เที่ยวบิน MU 205 จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน MU 2563 จากคุนหมิง
ท่าอากาศยานภูเก็ต ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน 1 เที่ยวบิน คือเที่ยวบิน KC 563 สายการบิน Air Astana จากอัลมาตี้ และจากจีน 3 เที่ยวบิน ได้แก่ เที่ยวบิน CA 717 สายการบิน Air China จากหางโจว, เที่ยวบิน 9C8667 สายการบิน Spring Airlines จากเซี่ยงไฮ้ และเที่ยวบิน CA 821 สายการบิน Air China จากปักกิ่ง
นายกฯว.5นั่งเบนซ์กันกระสุน
เวลา 13.30 น. รถขบวนของนายกฯ เลกซัส ป้ายแดง ทะเบียน ถ 6506 กรุงเทพมหานคร ได้ขึ้นจอดรอหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่พลขับ ได้นำรถเบนซ์กันกระสุน รุ่น S 600 Guard sedan long ทะเบียน 4 กค 29 กรุงเทพมหานคร มาเปลี่ยนแทน โดยมีรายงานว่านายเศรษฐา มีภารกิจลับ (ว.5) และจำเป็นต้องใช้รถกันกระสุน ซึ่งทีมรปภ.ได้ตรวจสอบสภาพรถและนำอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวบางส่วนนำมาไว้ในรถเบนซ์คันดังกล่าว
ก่อนขึ้นรถนายเศรษฐาโบกมือให้กับสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี แล้วก้าวขึ้นรถแต่ลื่นและสะดุดบันไดเล็กน้อย ก่อนขบวนรถเคลื่อนออกจากทำเนียบเลี้ยวขวาไปเส้นทางด่วนยมราช ขณะที่พลขับได้นำรถส่วนตัวนายกฯไปจอดเก็บไว้บ้านพิษณุโลก มีรายงานว่าภารกิจลับครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.
ครูมานิตย์ชูอิ๊งเหมาะหน.เพื่อไทย
ที่รัฐสภา นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนิ่งหรือยังว่า ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ แต่เท่าที่ฟังดูรวมถึง ส่วนตัวแล้วหากถามว่าใครเหมาะสมที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่สุด ต้องฟันธงเลยว่าเป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัว เพื่อไทย ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองวันนี้ที่แข็งแกร่งระดับหนึ่งแล้ว คิดว่าน.ส.แพทองธารไม่เป็นรองใคร และน่าจะได้เปรียบพรรคอื่นคือเป็นสุภาพสตรีที่จะมาทำงานการเมือง คิดว่า น่าจะพร้อมที่สุดในพรรคเพื่อไทย ณ ขณะนี้
เมื่อถามว่าเท่าที่ฟังเสียงสส.พรรคส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายครูมานิตย์กล่าวว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากมีการเสนอมาก็จะโหวตเป็นเอกฉันท์แน่นอน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะความเป็นชินวัตรอย่างเดียว แต่น.ส.แพทองธารพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความพร้อม ทั้งภูมิรู้ รวมถึงพื้นฐานทางการเมืองที่ได้ติดตามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่ตั้งแต่ตอนที่ยังเด็ก สิ่งสำคัญอีกอย่างที่น.ส.แพทองธารคือมีจิตอาสา คุณสมบัติเพียบพร้อมทุกอย่าง และเป็นหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นต้องเป็นสส. เพียงแค่เป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของของพรรคก็โอเคแล้ว
จี้กก.เลือกผู้นำค้านหรือรองสภา
เมื่อถามถึงกรณีของนายชัยธวัช ตุลาธน ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และคาดว่าจะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน นายครูมานิตย์กล่าวว่า ไม่ต้องคาด เขาเป็นผู้นำฝ่ายค้านแน่นอน และคงจะได้รับโปรดเกล้าฯเร็วๆ นี้ เพราะนี่เป็นสาระสำคัญที่เขาประชุม และให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกไปเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แต่เรื่องที่ต้องจับตามองต่อไปคือ รองประธานสภาคนที่ 1 หรือนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หลังกลับมาจากสิงคโปร์แล้ว พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไร นายปดิพัทธ์ จะกลับมานั่งเป็นรองประธานสภาคนที่ 1 ต่อหรือให้ลาออก
เมื่อถามว่าต้องให้นายปดิพัทธ์ลาออกก่อนเสนอชื่อนายชัยธวัชเป็นผู้นำฝ่ายค้านใช่หรือไม่ หรือสามารถยื่นได้เลย นายครูมานิตย์กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ เขาคงจะตัดสินใจกันสัปดาห์นี้ ได้ยินข่าวว่าต้องรอให้นาย ปดิพัทธ์กลับมาก่อน หากจะเอาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านต้องไม่มีตำแหน่งรองประธานสภา
เมื่อถามว่าหากมีการขับนายปดิพัทธ์ไปอยู่พรรคอื่น อาจเกิดข้อร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ นายครูมานิตย์กล่าวว่า อาจไม่มีข้อร้องเรียน เขาเลี่ยงบาลีเรื่องความชอบธรรมได้ สมัยที่แล้วคนที่ถูกขับออกก็มีวลีเกิดขึ้นว่าเป็น งูเห่า งูจงอาง แล้วนายปดิพัทธ์จะเป็นงูอะไร เขาไม่ได้ผิดแล้วจะใช้ข้อกล่าวหาอะไรไปขับ ต้องมีข้อกล่าวหาที่สังคมรับได้ บอกเป็นพรรคแนวใหม่นำเสนอสิ่งใหม่ๆ แต่ออกมาแบบนี้จะชอบธรรมหรือ “หากหมออ๋องไปอยู่พรรคอื่น เวลาผมลุกขึ้นอภิปรายหากจะกล่าวคำว่าท่านประธานที่เคารพ ความชอบธรรมก็ไม่เกิด กับตัวผม แล้วตัวเขาจะเกิดความชอบธรรม หรือไม่เพราะโดนขับออกมา คนโดนขับมาแล้วจะให้ผมบอกว่าท่านประธานที่เคารพมันลำบากใจที่จะใช้คำพูดเหล่านี้”
วันนอร์รอชื่อผู้นำฝ่ายค้าน
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน หลังจากนายชัยธวัช ตุลาธน ได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล คนใหม่ ว่า พรรคก้าวไกลต้องแจ้งผลการ เลือกตั้งหัวหน้าพรรคไปยัง กกต. เมื่อกกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้วจะแจ้งมาที่รัฐสภา เพื่อดำเนินการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ส่วนจะเป็นช่วงใดนั้นขึ้นอยู่กับการรวบรวมเอกสารหลักฐานของพรรคก้าวไกล เพื่อยื่นต่อกกต. และรัฐสภาจะดำเนินการต่อจากนั้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านอาจมีปัญหาติดขัดที่ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ไม่ใช่ความติดขัดของสภา อยู่ที่พรรคก้าวไกลและนายปดิพัทธ์ ที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้สภานำความขึ้นกราบบังคมทูลและโปรดเกล้าฯผู้นำฝ่ายค้านต่อไป ซึ่งเป็น กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และคิดว่าทางพรรคก้าวไกลและนายปดิพัทธ์คงจะทำเรื่องต่างๆ ให้มีความเรียบร้อย
หมออ๋องทำหน้าที่รองปธ.สภาได้ดี
เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลขับนาย ปดิพัทธ์ให้ไปอยู่พรรคอื่น เพื่อรักษาเก้าอี้ ทั้ง 2 ตำแหน่งไว้ จะถูกโจมตีว่าเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองหรือไม่ ประธานสภากล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ก็เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของสภา และสภาก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนสส.ฝ่ายรัฐบาลจะรับได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาล แต่สำหรับสภาเองสามารถพูดได้ว่านายปดิพัทธ์ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ร่วมมือกับฝ่ายสภาได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคก้าวไกลและนายปดิพัทธ์
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า รัฐบาลยัง ไม่ได้ประสานมายังรัฐสภาเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากรัฐบาลเห็นชอบการทำประชามติ ไปถึงขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็ต้องแจ้งมายังรัฐสภาอีกครั้ง เมื่อถามถึงข้อกฎหมายที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าสภามาแล้ว สามารถเริ่มต้นพิจารณาได้เมื่อใด นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ระเบียบวาระการประชุมในสัปดาห์นี้จะเป็นไปตามที่เห็นชอบไว้แล้ว ช่วงต้นต.ค.จะเพิ่มวันประชุมสภาจากวันพุธและวันพฤหัสบดี เป็นวันพุธถึงวันศุกร์ เพื่อเพิ่มเวลาพิจารณากฎหมาย ซึ่งกำลังรอการพิจารณาอยู่หลายฉบับ
อดิศรไล่บี้ให้สละ1เก้าอี้
นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การประชุมวิปรัฐบาลวันนี้เป็นไปตามวาระปกติ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายจากครม. แต่ได้ส่งสัญญาณไปทางครม.ว่าฝ่ายกฎหมายของทุกกระทรวง ทบวง กรม ควรเสนอกฎหมายมายังสภา รวมถึงกฎหมายสำคัญๆ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติ ควรได้แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะที่เข้าใจง่าย ซึ่งครม.ถือเป็นการนับ 1 ทางวิปรัฐบาลนับ 2 จึงต้องทำให้เข้าใจง่าย และทำให้การประชุมมีรสชาติ นอกจากนี้ ในที่ประชุมวิปรัฐบาลยังจะพิจารณาบุคคลไปเป็นวิปร่วมสภา 5 คน ซึ่งวิปรัฐบาลพร้อมแล้วรอเพียงฝ่ายค้าน อยากให้ฝ่ายค้านรีบส่งตัวแทน 5 คนมาเป็นวิปเช่นกัน เพื่อให้การประสานงานของทั้ง 2 ฝ่ายได้ดำเนินการต่อไป
พรรคก้าวไกลจะเลือกผู้นำฝ่ายค้านหรือรองประธานสภา ขอให้แจ้งวิปรัฐบาลทราบด้วย อย่าให้เรามโนเอา เพื่อให้วิปขับเคลื่อนไปได้ และพรรคก้าวไกล ต้องเลือกว่าจะเอาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือรองประธานสภา คนที่ 1 จะเลือกไว้ทั้งสองไม่ได้ ยกเว้นจะเล่นปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย ซึ่งเป็นนิติกรรมอำพราง และความสง่างามที่เกิดจากการกระทำ
ไม่ยื่นตีความ-ปดิพัทธ์ย้ายพรรค
“ผมเสียดายหมออ๋องเวลาขึ้นบัลลังก์ท่านก็ทำงานได้ดี ขณะเดียวกันผมอยากได้ผู้นำฝ่ายค้านในสภา เพราะเป็นบทบาทที่มีสาระสำคัญของชาติบ้านเมือง และยินดีต้อนรับนาย ชัยธวัช มาทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ทราบว่าจะมีการเจรจากับหมออ๋องสัปดาห์นี้ ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จทั้งสองคน แต่คงต้องมีคนผิดหวัง 1 คน” นายอดิศรกล่าว
เมื่อถามว่า หากมีการขับนายปดิพัทธ์ จากพรรคก้าวไกลแล้วไปสังกัดพรรคใหม่ เพื่อ คงตำแหน่งรองประธานสภาไว้ วิปรัฐบาลจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ นายอดิศรกล่าวว่า เราจะไม่แทรกแซง เพราะตนเป็นคนเลือกนายปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 เราจะไม่ตีความ อย่าไปแทรกแซง เพราะหายใจอะไรออกไปเขาก็ต่อว่าเรา ไม่ว่าจะหายใจผิดหรือหายใจถูก

ชงนิรโทษ – นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ยื่นร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข มีเนื้อหานิรโทษ คดีทางการเมืองทั้งหมด เว้นคดีทุจริตและคดีมาตรา 112 โดยมีนายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล รับมอบ เพื่อนำเสนอ ที่ประชุมสภาพิจารณา ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 25 ก.ย.
กมธ.วุฒิปิดห้องถกปมทักษิณ
เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมกมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา มีนายสมชาย แสวงการ สว. เป็นประธาน ได้พิจารณาติดตามการดูแลนักโทษของระบบราชทัณฑ์ ซึ่งตัวแทน ของหน่วยงานที่กมธ.เชิญร่วมประชุม คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลตำรวจ กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายสมชายกล่าวก่อนเข้าสู่วาระว่า การเชิญตัวแทนหน่วยงานมาให้ข้อมูลกับกมธ.นั้น ต้องการทราบถึงการดูแลผู้ป่วยตามมาตรการของกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส รวมถึงติดตามหรือข้อสงสัยในกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จะ ไม่ล้วงลูก หรือกระทบกระเทือนของสิทธิ ผู้ป่วย ซึ่งการประชุมจะเป็นการประชุมลับและจะเปิดเผยรายละเอียดเฉพาะที่ได้รับอนุญาต ยืนยันว่ากมธ.ไม่มีอคติ หรือมีประเด็นการเมืองใดๆ
คาดได้พักโทษกลับบ้าน กพ.67
นายสมชายแถลงหลังประชุม ว่า กมธ.ได้รับคำตอบชัดเจนในระดับหนึ่งใน 4 ประเด็น 1.ข้อครหานายทักษิณไม่ได้อยู่รพ.ตำรวจหรือกลับบ้านไปเลี้ยงหลานแล้วนั้น ตัวแทน ตร.ยืนยันนายทักษิณยังพักรักษาตัวที่รพ. 2.การรักษาตัวเป็นไปตาม 4โรคสำคัญมีผลรับรองทางการแพทย์จากสิงคโปร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่การผ่าตัดไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เพราะอาการป่วยและการผ่าตัดเพราะเป็นไปตามกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิผู้ป่วย
3.ถ้านายทักษิณอาการดีขึ้นจะไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ระบุขึ้นอยู่กับแพทย์ใช้ดุลยพินิจ 4.กรณีรับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี จะได้รับการลดโทษได้อีกหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ระบุเกณฑ์ขอลดโทษตามห้วงเวลาที่ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น มีช่วงเวลาตามวโรกาสพิเศษ เช่น 5 ธ.ค., 28 ก.ค., 12 ส.ค. แต่นักโทษต้องรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 หรือ 6 เดือน กรณีนายทักษิณจะครบเกณฑ์รับโทษ 6 เดือน ในเดือนก.พ.2567 จะได้รับสิทธิการพักโทษ เพราะอยู่ในเงื่อนไขมีอายุเกิน 70 ปี ดังนั้น หากนายทักษิณรักษาตัวอยู่ในรพ.ตำรวจ ครบ 6 เดือน ก.พ.2567 จะเข้าเกณฑ์พักโทษกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ โดยไม่ต้องใส่กำไลอีเอ็มแต่อาจจำกัดพื้นที่ให้อยู่ที่บ้าน ไม่สามารถเดินทางไปนอกราชอาณาจักรได้
ราชทัณฑ์ยันเปิดข้อมูลผู้ป่วยไม่ได้
วันเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ออกเอกสารข่าวชี้แจงเรื่องการเปิดเผยข้อมูลผู้ต้องขัง ว่า เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพบุคคลโดยเสมอภาคตามกฎหมาย ที่ผ่านมาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ต้องขัง การสัมภาษณ์ การเปิดเผยใบหน้า โดยเฉพาะข้อมูลทางการแพทย์ การรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องขังรายใด ทั้งที่เป็นประชาชนคนธรรมดา ดารานักแสดง นักการเมือง หรือผู้มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งถูกคุมขัง ในเรือนจำโดยกรมราชทัณฑ์ ไม่สามารถ เปิดเผยได้หากผู้ต้องขังไม่ยินยอม และกรณีเปิดเผยข้อมูลได้ต้องมีการลงนามในแบบฟอร์มเพื่อยินยอมเท่านั้น โดยยึดหลักกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง คือ
1.พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา 7 ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล นำไปเปิดเผยไม่ได้เว้นแต่เป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง จะอาศัยกฎหมายข้อมูลข่าวสารราชการหรือกฎหมายอื่นเพื่อขอข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้ 2.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 323 เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเปิดเผยความลับที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 ข้อ 27 ซึ่งแพทย์ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
กรมราชทัณฑ์ยังยึดมั่นหลักการสิทธิ ขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังพึงได้รับตามมาตรฐานสากล โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศภาคีสมาชิกแห่งองค์การสหประชาชาติ ข้อกำหนดแมนเดลา ที่ 26,32 ข้อมูลด้านเวชระเบียน ผู้ต้องขังทุกคนต้องเก็บเป็นความลับ ประวัติ การรักษาของผู้ต้องขังต้องถูกเก็บเป็นความลับ การไม่เปิดเผยข้อมูลเรื่องสุขภาพของ ผู้ต้องขังนั้น ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึงได้รับเท่าเทียมกัน
วิษณุแจงขั้นตอนโละคำสั่งคสช.
นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลสั่งทบทวนประกาศ และคำสั่ง คสช. และให้ยกเลิกหากไม่จำเป็น ว่า การยกเลิกประกาศหรือคำสั่งของคสช. ดำเนินการได้ด้วยการออก พ.ร.บ. เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 บัญญัติว่าบรรดาประกาศหรือคำสั่งคสช.ให้มีผลเหมือนกฎหมาย ดังนั้นการยกเลิกหรือแก้ไขให้ตราเป็นพ.ร.บ.
เว้นแต่ประกาศหรือคำสั่งคสช.ฉบับใดที่มีสถานะเป็นเหมือนมติครม. หรือคำสั่งทางบริหารให้อาศัยการออกเป็นมติครม. ไปแก้หรือยกเลิกประกาศหรือคำสั่งคสช.นั้น ซึ่งบัดนี้ประกาศและคำสั่งคสช.แบบนั้นได้ยกเลิกไปเองหมดแล้ว อาทิ กรณีของคำสั่งคสช.ที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่ต้องยกเลิกอะไร เพราะพล.ต.อ.อัศวิน พ้นวาระไปแล้ว
ปมรฟฟ.สีเขียวต้องออกพรบ.
นายวิษณุกล่าวว่า ตอนคสช.ออกคำสั่งมากมาย อาทิ คำสั่งที่ให้ดำเนินการสอบสวนนายกอบจ. ซึ่งคำสั่งพวกนี้เป็นคำสั่งทางบริหาร ไม่ใช่กฎหมาย ถ้าอยากยกเลิกการสอบสวนดังกล่าวต้องออกมติครม. ส่วนคำสั่งคสช.ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสาย สีเขียวถือเป็นกฎหมาย ถ้าต้องการยกเลิกต้องออกเป็นพ.ร.บ. ซึ่งตนได้ยกร่างพ.ร.บ.เตรียมไว้เพื่อใช้ยกเลิกคำสั่งคสช.ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ขณะนั้นมีคนที่แสดงความคิดเห็นว่าวิธีนี้ช้าน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่า คิดกันไปคิดกันมา รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ หมดวาระ คิดว่าเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวไม่มีวิธีอื่นนอกจากใช้วิธีออกเป็นพ.ร.บ.