ส่ง15ผู้บาดเจ็บชุดแรกถึง12ตค. เผยนาที‘ฮามาส’กราดยิงไม่เลือก ดับพุ่ง12ศพแล้ว แม่โฮขอร่างคืน

ชุดแรก 15 คนไทยกลับจากอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นคนเจ็บ นายกฯสั่งทูตไทยประสานทูต ปาเลสไตน์ และมิตรประเทศร่วมเจรจาปล่อย 11 ตัวประกัน ดับพุ่งเป็น 12 ศพ เซ่นฮามาสถล่ม แรงงานลงทะเบียนขอกลับแล้ว 1,437 อีก 23 คนขออยู่ต่อ ‘สุทิน’ ตรวจความพร้อมเครื่องบิน ทอ. ยัน คนไทยถูกจับเป็นการกวาดต้อนไม่เจาะจงประเทศ ใช้เป็นโล่มนุษย์ ‘พิพัฒน์’ เผยข่าวคนไทยตาย 2 พิสูจน์เเล้ว 1 คน เป็นชาวจีน สธ.เปิดศูนย์ฉุกเฉินติดตามสถานการณ์สู้รบ เซ็ตทีมดูแลคนไทยกลับบ้าน กาฬสินธุ์แม่กอดรูปร่ำไห้เสียลูกชาย เปิดคลิปนาทีแรงงานชาวโคราชถูกจับเป็นตัวประกัน ด้านญาติที่ไทยห่วงสงครามบานปลายอยากให้กลับบ้าน เมียช็อกสะอื้น เล่านาทีผัวยืนฉี่ ถูกยิงทะลุกำแพงเจ็บ แรงงานชัยภูมิแข็งใจ ขอเสี่ยงภัยสงครามยังไม่กลับขอหาเงิน ปลดหนี้ก่อน

ยังรบเดือด – ควันไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้าหลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศและยิงจรวดถล่มฉนวนกาซ่าตอบโต้ฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่ายเกินกว่าพันศพแล้ว เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

ไทยดับ 12 ศพ-นับพันขอกลับปท.
วันที่ 9 ต.ค. ที่ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ถึงความคืบหน้าในประเด็นผลกระทบต่อแรงงานไทยจากสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอลว่า สถานทูตไทยในกรุงเทลอาวีฟได้รับรายงานจากนายจ้างว่า แรงงานไทยเสียชีวิต 12 ราย (ทางการยืนยัน 2 ราย) บาดเจ็บ 8 คน ถูกจับไป เป็นตัวประกัน 11 คน

สำหรับการช่วยเหลือผู้ถูกจับกุม ขณะนี้อิสราเอลกระชับพื้นที่ให้ได้พื้นที่คืน ทางการพยายามช่วยเหลือประกันที่ถูกจับกุม ซึ่งมีผู้ถูกจับกุมไปอย่างน้อยหลายร้อยคนและสำหรับความคืบหน้าของทางการไทยในการช่วย ตัวประกัน หลังจากเมื่อวาน (8 ต.ค.) กระทรวงการต่างประเทศสั่งการสถานทูตไทยในกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ประสานงานกับสำนักงานปาเลสไตน์ (สถานทูตปาเลสไตน์ในทางปฏิบัติ) ในมาเลเซีย ขณะนี้รอการรายงานจากสถานทูตไทยในกัวลาลัมเปอร์ และว่า กระทรวงได้สั่งให้สถานทูตไทย ทุกแห่งหาช่องทางในการประสานงานการปล่อยตัวประกัน

ในประเด็นการอพยพ ทางการอิสราเอลประกาศอพยพคนในเมืองที่อยู่ใกล้ฉนวนกาซ่าออกมารวมถึงคนไทยภายใน 24 ชั่วโมง และสำหรับการอพยพออกจากประเทศอิสราเอล ทางการอิสราเอลยังไม่แนะนำให้อพยพออกจากประเทศ แต่หากชาติไหน จะอพยพก็สามารถทำได้ และแนะนำให้อพยพ ทางเครื่องบินพาณิชย์ หากเป็นเครื่องบินประเภท อื่นต้องติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ขณะนี้มีคนไทยในอิสราเอลแจ้งกลับ ไทยผ่านแบบลงทะเบียนทางออนไลน์จำนวน 1,099 คน ทั้งนี้ แรงงานไทยที่อยู่ในพื้นที่สู้รบใกล้กับฉนวนกาซ่าราว 5,000 คน จากแรงงานไทยที่อยู่ในอิสราเอลเกือบ 30,000 คน

ทอ.พร้อม – นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ตรวจความพร้อมของกองทัพอากาศ ในการเตรียมส่งอากาศยานไปรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในตะวันออกกลาง โดยเตรียมเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130 และเครื่องบินลำเลียง A 340 ที่ฝูงบิน 601 กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

‘สุทิน’ตรวจความพร้อมทอ.
ที่ฝูงบิน 601 กองบิน 6 ดอนเมือง นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เดินทางมาตรวจ ความพร้อมของกองทัพอากาศในการเตรียมส่งอากาศยานไปรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในตะวันออกกลาง โดยกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินลำเลียงแบบ ซี-130 และเครื่องบินลำเลียงแอร์บัส เอ 340 พร้อมด้วยกำลังพลชุดปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินกองทัพ อากาศ (MERT) จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ ซึ่งเคยไปปฏิบัติภารกิจในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ตุรกี และการอพยพคนไทยจากสถานการณ์ความไม่สงบในซูดาน มาแล้ว

ทั้งนี้ชุด MERT จะปฏิบัติภารกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่เวชศาสตร์การบิน โดย น.อ.หญิงสุวิสาส์ ศุขตระกูล รองผู้อำนวยการศูนย์ลำเลียงทางอากาศสายแพทย์ สถาบันเวชศาสตร์การบิน ระบุว่า ชุดเวชศาสตร์การบินมีความพร้อม 100% ตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วย ซึ่งได้มีการจัดชุดแพทย์-พยาบาล ลำเลียงทางอากาศ และนักจิตวิทยาไว้ 3 ชุด ต่อ 1 เที่ยวบิน หากมีจำนวนไฟลต์บินเพิ่มก็สามารถจัดชุดได้เพิ่มเติมตามความต้องการ

โดยกองทัพอากาศยืนยันว่า ทีมงาน มีประสบการณ์ผ่านภารกิจใหญ่ ตั้งแต่สมัย เกิดเหตุการณ์สึนามิในประเทศไทย และมีประสบการณ์ต่างแดนค่อนข้างมาก แต่ยอมรับว่า อาจจะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น กรณีที่มี ผู้เจ็บป่วยหนัก และไม่ทราบอาการล่วงหน้า รวมถึงการเดินทางที่มีระยะเวลานาน 10-15 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรค เพราะต้อง แวะพักเติมน้ำมัน สำหรับเส้นทางในการบินเตรียมการไว้เบื้องต้น 4 เส้นทาง คือเส้นทาง การบิน ไปยังซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน ไคโร ประเทศอียิปต์ และไซปรัส โดยต้องรอการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศต่อไป

ชี้ใช้ตัวประกันเป็นโล่มนุษย์
นายสุทินกล่าวว่า จากที่มาดูการเตรียมพร้อม ในวันนี้ถือว่าสบายใจและมั่นใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่จะเป็นห่วงเพียงว่า สถานการณ์ในพื้นที่อยู่นอกเหนือการควบคุมว่า จะรุนแรงขึ้นหรือจะลดลง ถ้ารุนแรงขึ้นสิ่งที่กลัวคือการอพยพคนไทย 30,000 คน อาจจะไม่ทัน จึงต้อง ขอความร่วมมือจากการบินไทยอีกทางหนึ่งในแบบเครื่องบินเช่าเหมาลำ สำหรับเส้นทาง การบินไปรับคนไทยก็ได้วางแผนไว้แล้ว แต่เท่าที่ทราบน่านฟ้าประเทศอิสราเอลยังไม่ปิด แต่ถ้าปิดก็มีประเทศรอบๆ ที่จะใช้เป็นทางผ่าน เช่น จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย และไซปรัส แต่ถ้าทางการอพยพทางอากาศยานมีปัญหา ก็คงใช้วิธีอื่นในการช่วยเหลือ ทั้งนี้ย้ำจุดยืนของกองทัพต่อสถานการณ์สู้รบในตะวันออก กลางว่า แต่ละเหล่าทัพมีจุดยืนเหมือนกัน คือต้องเตรียมพร้อมสูงสุดเพื่อช่วยเหลือคนไทย เท่าที่ตรวจสอบตอนนี้ยังไม่มีประเทศไหน ที่อพยพพลเมืองออกมา มีบางประเทศเดินทางเข้าไปถึงแล้ว แต่ยังบินกลับไม่ได้ ฉะนั้นยืนยัน ว่าประเทศไทยไม่ล่าช้า และเตรียมพร้อมที่สุด

นายสุทินยังกล่าวอีกว่า จากการประเมินกรณีคนไทยโดนจับตัวไป ไม่ได้จับไปเรียกค่าไถ่และไม่ได้เจาะจงว่าเป็นประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นการจับแบบกวาดต้อนทุกๆ ประเทศ ส่วนถ้าหากในอนาคตจะมีการเรียกค่าไถ่นั้นทางกระทรวงต่างประเทศกำลังวางแผนรองรับอยู่ เมื่อถามว่าเป้าหมายการจับตัว เพื่อไปเป็นโล่มนุษย์ใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ก็ทำนองนั้น

ข่าวไทยดับ 2-เป็นชาวจีน 1 คน
ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า จากเมื่อวาน (8 ต.ค.) มีข่าวว่ามีคนไทยเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน วันนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า 1 คนไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชาวจีน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัวแรงงานไทยที่ยังมีความหวัง ช่วงสายของวันนี้มีผู้แจ้งความจำนงจะขอกลับประเทศไทย 1,099 ราย ส่วนยอดผู้บาดเจ็บตอนนี้จากเดิม 8 คนเป็น 9 คน และตอนนี้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแต่การเคลื่อนย้ายก็อาจจะค่อนข้างลำบาก จะย้ายได้ครั้งละ 20- 30 คน คาดว่าใน 1-2 วันนี้จะเคลื่อนย้าย เเรงงานไทยของเราออกจากความวุ่นวายทั้งหมด

ส่วนการประสานเเรงงานไทยที่อยู่ที่อิสราเอล ต้องกล่าวก่อนว่าเเรงงานไทยมี 2 ส่วน คือส่วนที่ถูกต้องไปโดยกรมการจัดหางาน อีกส่วนคือไปไม่ถูกต้อง คือเดินทางไปเองหรืออยู่ที่อิสราเอลมาหลายปี เเละไม่ได้กลับมาเมื่อหมดสัญญา ซึ่งบุคคลเหล่านี้เราได้ประสานผ่านเอเยนซี่ทั้ง 12 ซึ่งเป็นผู้ประสานในประเทศอิสราเอลและอีกส่วนเราประสานผ่านนายจ้าง

สรุปคือเราประสานได้ครบทั้งหมด ทางกระทรวงเเรงงานได้ประสานกับทางครอบครัว ผู้ประสบเหตุไว้เเล้วทุกคน เราก็ได้พยายามเยียวยาถึงสภาพจิตใจของ 11 รายที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน ซึ่งนายกฯ พยายามจะประสานนำตัวเเรงงานไทยที่ถูกจับทั้ง 11 คนกลับมายังประเทศไทย

ส่วนการช่วยเหลือเรื่องสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรณีแรงงานไทยเป็นสมาชิกกองทุนนั้นจะได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งในกรณีประสบปัญหาจากภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ หรือโรคระบาด สงเคราะห์ คนละ 15,000 บาท กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศสงเคราะห์ในต่างประเทศจำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท ทุพพลภาพ สงเคราะห์ คนละ 30,000 บาท

‘พิธา’แจงเป็นสื่อกลางชั่วคราว
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากกรณี ที่เกิดเหตุปะทะรุนแรงในอิสราเอลตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม และทางผมได้ประชาสัมพันธ์ อีเมล์สำหรับญาติเพื่อช่วยรวบรวมส่งข้อมูลประสานงาน “เฉพาะหน้า” กับทางการไทยและอิสราเอลเพื่อดูแลความปลอดภัย

ผมได้ประสานส่งข้อมูลกับทางการไทยทันทีหลังเปิดรับอีเมล์ตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. แล้วโดยส่งข้อมูลให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และในวันนี้จะส่งอีเมล์เพิ่มเติมไปยังกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน

โดยข้อมูลทั้งหมดเป็นตารางแบบออนไลน์ แยกชื่อ อีเมล์ หลักฐานระบุตัวตน และเบอร์โทร.ของญาติสำหรับติดต่อกลับ โดยอัพเดตข้อมูลในตารางแบบ Realtime ทันที่ทีมงานเปิดอ่านข้อความอีเมล์และนำข้อมูลมากรอกในตาราง (เฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับ อีเมล์)

ทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่อช่วยเป็นสื่อกลางในการ ประสาน “ชั่วคราว” บัดนี้ กระทรวงการ ต่างประเทศ กระทรวงแรงงานได้จัดช่องทาง การสื่อสารกับพี่น้องแรงงานไทยในอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ การติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างคนไทย ในอิสราเอลกับทางการไทยจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ครับ ผมยินดีสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล และไม่มีเจตนาจะสร้างความสับสนในภาวะแบบนี้แต่อย่างใด

คนไทยเล่านาทีฮามาสบุกฆ่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา มีแรงงานชายชาวไทยชาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย คนหนึ่งซึ่งเพิ่งเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เมื่อช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ติดต่อกลับมายังประเทศไทยผ่านทางเพจ “ส่องเชียงราย” ซึ่งเป็นเพจข่าวท้องถิ่นใน จ.เชียงราย ว่า ตนและพรรคพวกที่เป็นแรงงานไทย ที่เดินทาง ไปทำงานอยู่ที่เมืองโมชาฟมิสเตอร์คิม ประเทศ อิสราเอล ใกล้กับฉนวนกาซ่า ที่เป็นเขตพิพาท ย่านนี้มีคนไทยประมาณ 200 คน เข้าไปทำงาน รับจ้างด้านการเกษตรในหลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กัน และในกลุ่มของตนมีประมาณ 20-30 คน ปรากฏว่าเมื่อเกิดเหตุยิงต่อสู้กัน พวกตน ก็หลบหนีไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย และพบมีคน ที่เสียชีวิตเพราะถูกยิง ถูกระเบิด สูญหายและถูกจับไปเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่ามีคนเสียชีวิตมากกว่า 20 คน และสูญหายมากกว่า 30 คน

แรงงานรายดังกล่าวยังส่งคลิปสภาพที่พักหรือแคมป์คนงาน ที่ถูกกลุ่มติดอาวุธบุกยิง จนมีผู้เสียชีวิตหลายรายกลับมา โดยเป็นภาพการบุกเข้าไปยิงคนภายในห้องพักในระยะใกล้ เหตุเกิดในเมืองคิบบุตซ์ จนทำให้แรงงานแต่ละรายนอนระเกะระกะอยู่กับพื้นห้องพัก และเมื่อมีคนดิ้นรนก็ยิงซ้ำอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งแรงงานไทยรายเดียวกันนี้ ระบุว่าจุดเกิดเหตุ เป็นแคมป์คนงานชาวไทยที่อยู่เป็นกลุ่มใหญ่ และถูกกำลังติดอาวุธบุกเข้าไปกราดยิงจนมี ผู้เสียชีวิต 17 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของตน และมีผู้ที่หนีรอดออกมาได้เพียง 2 คน ตนติดต่อ ไปยังเพื่อนที่รอดชีวิต เขาก็ยืนยันว่าจุดที่ถูกบุกยิงเป็นแคมป์คนงาน ซึ่งไม่อยากเชื่อว่า จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แรงงานรายนี้ยังระบุว่าขณะนี้ตนและเพื่อนๆ ถูกส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย และมีกองกำลังทหารของอิสราเอลคอยคุ้มกันอยู่ และรอการช่วยเหลือ ให้พาเดินทางกลับประเทศไทย

ทอ.พร้อมลำเลียงศพกลับไทย
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงการลำเลียงศพผู้เสียชีวิตจากเหตุสู้รบกลับประเทศไทยว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และอยู่ในจุดไหนของประเทศอิสราเอลบ้าง คงต้องรอข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศก่อน ส่วนของเครื่องบินแอร์บัสของกองทัพอากาศนั้นสามารถลำเลียงศพได้ แต่ขึ้นอยู่กับขั้นตอนในเรื่องของการอนุญาตและการพิสูจน์ ทราบ โดยเรามีช่องคอมพาสเมนต์ 8 ช่อง ในการลำเลียงแต่ละเที่ยวบิน หรืออาจจะเป็น การใช้บริการของบริษัทเอกชน ชื่อว่า เคมาร์ ซึ่งต้องรอการพิจารณาสั่งการต่อไป

ขณะที่นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า “ขอให้ประชาชนชาวไทย มั่นใจได้ว่าอิสราเอลจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้อง แรงงานไทย ขอให้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการดูแล รักษา และปกป้อง เช่นเดียวกับประชาชนชาวอิสราเอลอย่างเท่าเทียมกัน”

พม.ส่งทีมดูแลครอบครัวแรงงาน
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กระทรวง พม. ตนได้ให้นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง ซึ่งขณะนี้ร่วมอยู่ในวอร์รูมที่รัฐบาลตั้งขึ้น คอยติดตามเหตุการณ์อยู่ตลอด เพื่อติดตามว่ามีใครที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร อยู่ที่จังหวัดใดบ้าง แล้วขอให้ส่ง เจ้าหน้าที่พม.จังหวัด นักจิตวิทยาและสหวิชาชีพ รีบเข้าพูดคุยกับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะครอบครัวของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่า เสียชีวิตแล้ว จะต้องเข้าไปเยียวยาทางจิตใจ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปบางส่วนแล้ว

นายวราวุธกล่าวว่า ขณะนี้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจะมีหลายฝ่าย ที่เข้าไปช่วย แต่สำหรับการเยียวยา การพูดคุย ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ก็จะมีความเชี่ยวชาญ จึงได้ขอให้ปลัดกระทรวงดำเนินการให้ทั่วถึง นอกจากนี้ หน่วยงานอื่นๆ ก็จะมีมาตรการต่างๆ กันไป แต่เรื่องทางด้านจิตใจนั้นทางกระทรวง พม. สามารถดำเนินการได้โดยทีมงานสหวิชาชีพและนักจิตวิทยา

สธ.ตั้งศูนย์อีโอซีดูแลเหยื่อ
ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า ตัวแทนของ สธ.ได้ร่วม ประชุมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงกรอบแนวนโยบายของการดำเนินการเรื่องนี้ ในภารกิจที่ได้รับมอบ ซึ่งภารกิจด้านการแพทย์ ได้มอบหมายให้แพทย์ทหารเป็นหลัก และมอบให้ สธ.เป็นหน่วยที่มีความพร้อมที่ต้องเสริมกำลังได้ตลอดเวลา จากที่เรารับนโยบายก็จะมาเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) สำหรับสถานการณ์นี้ โดยมอบหมาย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ ผู้ตรวจราชการ สธ. รักษาราชการแทนรองปลัด สธ.เป็นประธาน ซึ่งจะมีการติดตามสถานการณ์ทุกวัน มีกรอบภารกิจ 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1.ประสานการดูแลระหว่างประเทศ หากมีความจำเป็นต้องส่งหน่วยแพทย์ ของเราเข้าไปสนับสนุนก็พร้อม 2.การเตรียมพร้อม เคลื่อนย้ายหรือดูแลคนไทยที่จะต้องรับกลับในมิติสุขภาพและการดูแล และ 3.การดูแลเยียวยาด้านจิตใจ โดยทีม MCATT ดูแลกลุ่มญาติ หรือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง

นพ.สุรโชคกล่าวว่า ช่วงบ่าย สธ.จะมีการประชุมร่วมกับทั้ง 2 กระทรวง เราพร้อมให้การ ดูแลเมื่อได้รับการประสานมา รวมถึงการสนับสนุนเวชภัณฑ์ต่างๆ หากมีการร้องขอมา โดยจะมีกรมควบคุมโรคทำหน้าที่ในการตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อโรคระบาดต่างๆ กรมสุขภาพจิตตรวจประเมินคัดกรองด้านจิตใจ กรมการแพทย์ดูแลเรื่องการเจ็บป่วยด้านร่างกาย

ขณะที่ นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัด สธ. รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึง การดูแลสภาพจิตใจของญาติของผู้ประสบเหตุ ในอิสราเอลว่า ขณะนี้ได้ประสานขอข้อมูลจากกระทรวงแรงงานและกระทรวงต่างประเทศ เพื่อนำรายชื่อแรงงานทั้งหมดติดตามหาญาติเพื่อพูดคุยและดูแลสภาพจิตใจ ส่งทีม MCATT ตามประกบครอบครัวและญาติ แบ่งเป็นญาติแรงงาน และเหยื่อในเหตุการณ์ และหาก ภายหลังสามารถนำแรงงานไทยกลับมาไทย ก็จะส่งทีมสุขภาพจิตตามประกบอีกครั้ง

เปิดสายด่วน 1694
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลมีความห่วงใยแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล ขอให้ญาติพี่น้องแรงงานไทยมั่นใจว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแลแรงงานไทยให้ดีที่สุด และจะเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับครอบครัวของพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ยังไม่สามารถติดต่อญาติ พี่น้อง ณ ประเทศอิสราเอลได้ในเวลานี้ สามารถติดต่อประสานงานขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694 และ 0-2245-6710-11 โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง

สูญเสียลูก – พ่อแม่กอดรูปนายสมควร พันธ์สะอาด อดีตทหารเกณฑ์ แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการสู้รบที่ประเทศอิสราเอล โดยมีเจ้าหน้าที่แรงงาน ฝ่ายปกครอง และผู้นำท้องถิ่น รุดเยี่ยมให้กำลังใจ ที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

กาฬสินธุ์แม่ร่ำไห้เสียลูกชาย
ที่บ้านหนองแวงใต้ ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นางพนิดา เสถียรจิตร แรงงาน จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายเสมือน ศรีพอ ผู้ช่วยแรงงาน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางวาสนา รัตนเวชสิทธิ ประกันสังคม จ.กาฬสินธุ์ นายศุภชัย แวงคำ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สนง.จัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ และส่วนราชการ สังกัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่เยี่ยม ให้กำลังใจครอบครัวนายกระบวน พันธ์สะอาด และนางหนูพา พันธ์สะอาด ซึ่งเป็นบิดา-มารดา นายสมควร พันธ์สะอาด แรงงานไทยที่เสียชีวิต ที่ประเทศอิสราเอล ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและเพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจและติดตามข่าวสาร

นางหนูพากล่าวว่า นายสมควรหลังลูกชายปลดทหารก็ไปทำงานในกทม.ก่อนมีครอบครัว ที่นครพนม จากนั้นจึงไปเป็นคนงานในสวนกล้วยที่ประเทศอิสราเอล ซึ่งไปถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านกรมแรงงานเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 ทั้งนี้ ทราบว่ากู้เงินค่าเดินทางไปประมาณ 120,000 บาท สัญญา 5 ปี ได้เงินเดือนเดือนละ 80,000 บาท ส่งมาให้ครอบครัวที่ จ.นครพนม เดือนละ 58,000 บาท นายสมควรมักจะโทรศัพท์ มาหาพ่อกับแม่บ่อยครั้งมากว่าสถานการณ์ที่ประเทศอิสราเอลไม่ค่อยปกติ ซึ่งตนก็ได้บอกลูกชายว่าให้เดินทางกลับบ้านเสีย กลัวลูกชายจะได้รับอันตราย ตนไม่อยากได้เงินหรอก อยากได้ลูกชายกลับคืนมามากกว่า แต่ลูกก็บอกว่าช่วงนี้เป็นไข้ ไม่สบาย หากหายจากอาการไข้แล้วจะปรึกษานายจ้างอีกทีว่าจะขอเดินทางกลับไทย แต่แล้วเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 04.00 น. ลูกสาวซึ่งเป็นพี่สาวนายสมควรได้โทรศัพท์มาหาตนบอกว่าให้ทำใจดีๆ เพราะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ประเทศอิสราเอล ทั้งนี้ ทราบข่าวทางโซเชี่ยลและเห็นภาพผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตหนึ่งในนั้นลักษณะเหมือน ลูกชายตน ซึ่งจำเสื้อและกางเกงที่สวมใส่ได้ ตนตกใจแทบช็อกยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง อยากให้ช่วยนำศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด

ให้กำลังใจครอบครัวตัวประกัน
ด้านนายอาจศึก ชนะหาญ รักษาราชการแทนจัดหางานจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ทางจัดหางานนครราชสีมาได้ลงพื้นที่ ไปให้กำลังใจกับแม่ของนายพงษธร ขุนศรี อายุ 25 ปี ที่มีรายงานถูกจับเป็นตัวประกัน โดยแรงงานชาวโคราชที่เดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอลขณะนี้ ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมามีข้อมูลรายชื่อทั้งหมด จำนวน 2,163 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะไปทำงานในภาคเกษตร โดยภายหลังจากที่กลุ่มฮามาสโจมตี กระทรวงแรงงานก็ได้แจ้งว่ามีแรงงานไทยถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ซึ่งมีชื่อ นายพงษ์ธร ไม่ทราบนามสกุล อยู่ในนั้นด้วย แต่เมื่อเทียบชื่อนายพงษ์ธรตามที่กระทรวงแรงงานแจ้ง จะมีการันต์อยู่ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ทางญาติจึงยังคงมีความหวังอยู่ว่าอาจจะไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้ ส่วนแรงงานชาวโคราชคนอื่นๆ ที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลขณะนี้ยังไม่มีใครมาติดต่อที่สำนักงาน จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งคาดว่าน่าจะยังสามารถติดต่อกันได้อยู่ ถึงอย่างไรก็ตามทางสำนักงานจัดหางานจังหวัด ก็จะติดตามข้อมูลจากกระทรวงแรงงานและรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาแจ้งให้ครอบครัวแรงงานในพื้นที่ได้รับทราบ โดยครอบครัวแรงงานสามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่เบอร์ 0-4435-5266

เมียเล่าสามีถูกยิงขณะยืนฉี่
ที่ บ.นาทุ่งทอง ม.16 ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม นางวราชินี นามบุญแผง อายุ 37 ปี ภรรยานายชาตรี ชาศรี อายุ 38 ปี ผู้บาดเจ็บจากเหตุถูกยิงที่อิสราเอล เผยว่าแต่งงานอยู่กินกับนายชาตรีคนเจ็บนาน 18 ปี มีลูกชายด้วยกัน 2 คน สามีนำรถยนต์กระบะไปเข้าไฟแนนซ์ 120,000 บาท เดินทางไปทำงานด้านการเกษตรสวนมะเขือเทศที่อิสราเอลผ่านกรมแรงงาน ถูกต้อง เมื่อปี 2562 นาน 4 ปีแล้ว ได้เงินเดือน 54,000-56,000 บาท ใกล้จะครบสัญญาปลายเดือนเม.ย. 2567

วันที่ 7 ต.ค.66 ญาติสามีที่ บ.นามขาม พบข่าวทางโซเชี่ยลติดต่อตนว่าสามีถูกยิง ได้รับบาดเจ็บช่วง 4 ทุ่ม รู้ข่าวทีแรกถึงกับช็อกทันทีที่ทราบสงสารสามีซึ่งเป็นลูกกำพร้าและเป็นเสาหลักของครอบครัว อีกทั้งลูกชายคนเล็กอายุแค่ 4 ขวบก็ยังไม่เคยเห็นหน้า ได้แต่ เห็นหน้าและพูดคุยกับลูกกันทางวิดีโอคอล นาทีที่สามีถูกยิงขณะไปยืนฉี่ในแคมป์คนงาน ซึ่งอยู่ห่างจากฉนวนกาซ่าราว 10 กิโลเมตร โดยคนร้ายกราดปืนยิงทะลุกำแพงขณะยืนฉี่ในห้องน้ำถูกสะโพกทะลุหน้าขา 1 นัด หลังเกิดเหตุนอนเจ็บร้องครวญครางขอการช่วยเหลือร่วม 2 วัน กระทั่งทหารอิสราเอลนำตัวส่งโรงพยาบาลช่วงตีหนึ่งวันที่ 8 ต.ค.

ล่าสุดสามีได้วิดีโอคอลมาบอกว่าอาการปลอดภัยและถึงมือหมอแล้ว และยังบอกว่าอยากกลับมาบ้านอยู่กับภรรยาและลูก 2 คนเพราะใช้หนี้สิ้นหมดแล้ว ก็อยากให้สามีมาอยู่กับลูกโดยเร็ว เมื่อวานนี้ทางนายนพพร มานะ แรงงานจ.นครพนม ได้มาแจ้งสิทธิ์ให้ทราบว่า จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนผู้เดินทางไปทำงานในต่างประเทศกรณีบาดเจ็บ

ล็อตแรกกลับไทย 15 คน
เมื่อ 15.30 น. นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าภายหลังประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินว่า น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แจ้งพัฒนาการในพื้นที่ ให้ได้รับทราบว่า ขณะนี้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 700 ราย บาดเจ็บ 2,000 กว่าคน มีผู้ถูกจับตัวประกัน 100 คนซึ่งรวมถึงชาว ต่างชาติต่างๆ

ในส่วนผลกระทบต่อคนไทย คนไทย มีผู้เสียชีวิต 12 ราย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากสถานทูตอิสราเอลในไทย, ได้รับบาดเจ็บเพิ่ม 1 ท่าน รวมเป็นบาดเจ็บ 9 คน, ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ที่ประชุมได้หารือ ถึงมาตรการอพยพ ตามเวลาเช้าของอิสราเอลวันนี้ มีคนไทยแสดงความประสงค์จะขออพยพ กลับไทย 1,437 คน และอีก 23 คน ไม่ประสงค์ จะเดินทางกลับ โดยคนไทยกลุ่มแรกที่จะออกมา คือผู้ได้รับบาดเจ็บที่ออกมาจากพื้นที่เสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะออกเดินทางจากอิสราเอลในวันที่ 11 ต.ค.นี้ กลับถึงไทย 12 ต.ค. ประมาณ 15 คน ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ทางสถานทูตยืนยันว่าสามารถเดินทางได้ ก็จะเดินทาง มาก่อน เมื่อเดินทางมาถึง 3 กระทรวง ประกอบ ด้วย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ ได้เตรียมพร้อมที่จะรับคนไทยกลุ่มนี้แล้ว มาถึงไทยแล้ว จะมีการตรวจ ทุกอย่างทั้งเรื่องร่างกายและจิตใจ ในส่วนของตัวประกัน กระทรวงต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ เราประสานงานกับสถานทูตไทยในแต่ละประเทศที่มีความสัมพันธ์กับประเทศที่จับตัวประกันไป เพื่อสนับสนุนให้มีการปล่อยตัวพลเรือนผู้บริสุทธิ์ เอกอัครราชทูตไทยที่มาเลเซีย ได้พบทูตปาเลสไตน์ที่นั่นเพื่อแจ้งความกังวลของไทย และขอให้ดำเนินการปล่อยตัวพี่น้องประชาชนที่ถูกจับตัวไป ซึ่งจากการพูดคุย กับหลายประเทศก็มีสัญญาณบวก นอกจากนี้ในส่วนของนักเรียนไทย 80 คน ท่านทูตยืนยันว่าปลอดภัยทุกคน

กต.เพิ่มช่องทางติดต่อ
สำหรับช่องทางการติดต่อกับกระทรวงเพื่อสอบถามเรื่องพี่น้องในอิสราเอล ตอนนี้ มีฮอตไลน์เพิ่มจาก 30 เป็น 60 คู่สาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีโอเพนแช็ตชื่อห้อง “ขอรับความช่วยเหลือกรณีคนไทยในอิสราเอล” ซึ่งสามารถรองรับสูงสุดได้ 5,000 คน เพื่อให้ญาติเข้ามาสอบถามในนั้นได้ และมีเพจ เฟซบุ๊กเฉพาะกิจ “กรมการกงสุลห่วงใยพี่น้องคนไทยในอิสราเอล” เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือและติดต่อสอบถาม กระทรวงการต่างประเทศยังจะส่งเจ้าหน้าที่ไปอิสราเอลในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจเพิ่มเติมเพื่อดูแลพี่ น้องแรงงานและช่วยในภารกิจอพยพคนไทย การอพยพคนไทยในเทลอาวีฟขณะนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะยังมีความตึงเครียดสูง การที่เราจะย้ายคนจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งต้องขออนุญาต จากทางรัฐบาล ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มไหน

สุดท้ายขอย้ำว่าท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของ พี่น้องคนไทยอย่างสูงสุด และพยายาม จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้พี่น้องประชาชน ทุกคนได้กลับมาที่ประเทศไทย

ชัยภูมิแรงงานกัดฟันสู้อยู่ต่อ
นายสมบัติ ไตรศักดิ์ รองผวจ.ชัยภูมิ รักษาราชการแทน ผวจ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ชาวบ้านตามพื้นที่อำเภอต่างๆ เดินทางไปทำงานขายแรงงานที่อิสราเอล ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านสำนักงานจัดหางาน จ.ชัยภูมิ จำนวน 772 คน เป็นชาย 742 คน หญิง 30 คน และมีอีกจำนวนหนึ่งที่เดินทางไปทำงานที่ผิดกฎหมาย ลักษณะผีน้อยจำนวนหนึ่ง ไม่มียอดเดินทางไปลักษณะนี้จำนวนเท่าไร ขณะนี้ได้เร่ง ให้ทุกพื้นที่ ตำบล หมู่บ้าน อำเภอต่างๆ ได้มีการสำรวจจำนวนคนที่เดินทางไปทำงาน ที่ประเทศอิสราเอล ที่แท้จริงแล้ว รวมถึง จะได้ให้การช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามญาติ พี่น้องที่ไปเป็นแรงงาน พบมีทั้งญาติ พ่อแม่ ที่ติดต่อกับญาติ ลูกหลานตัวเองที่อิสราเอล พบมีทั้งติดต่อได้บ้าง ไม่ได้บ้างโดยในพื้นที่ อ.ภูเขียว เป็นพื้นที่มีแรงงานเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลมากถึง 133 คน รวมถึง ต.โอโล มีทั้งหมด 13 คน ซึ่งตามหมู่บ้านต่างๆ บรรดาญาติแรงงานไทย ได้มีการจับกลุ่มพูดคุยกัน สอบถามซึ่งกันและกัน ถึงความห่วงใยบรรดาญาติ พี่น้อง ลูกชายเดินทางไปทำงานที่อิสราเอล ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งบางรายยังติดต่อไม่ได้ กลัวเกิดอันตรายกับญาติตัวเอง จึงเร่งสำรวจข้อมูลส่งทางอำเภอเพื่อประสานไปยังหน่วยงาน ให้ช่วยติดต่อญาติตัวเองให้ด้วย ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา

นางสายรุ้ง มีวุฒิ ผู้เป็นแม่ของนายวรเชษ มีวุฒิ อุ้มลูกสาววัย 10 ขวบ วิดีโอคอลคุยกับนายวรเชษ สอบถามความเป็นอยู่ปลอดภัยเพียงไหน อยากกับบ้านไหม ได้รับคำตอบ ขอดูไปก่อนครับ เพราะส่วนใหญ่ต่างคนก็ต่างแข็งใจสู้เพื่อเก็บเงินส่งทางบ้านก่อนยังตอบ ไม่ได้ก็ต้องลองเสี่ยงดู

บุรีรัมย์อีกรายยังไม่รู้ชะตากรรม
ส่วนบรรยากาศที่บ้านของนายประมาณ เคนพันค้อ อายุ 35 ปี อีกหนึ่งแรงงานไทย ในอิสราเอล ที่ยังไม่รู้ชะตากรรม ใน ต.ช่อผกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ นางบุญล้อม บุญคำ อายุ 57 ปี พี่สาวคนโตของนายประมาณ กล่าวว่า น้องชายเอาที่ดินของครอบครัวไปจำนอง เป็นเงินร่วม 200,000 บาท หวังจะไปหา รายได้ที่มากกว่าอยู่เมืองไทย เพิ่งไปได้ประมาณ 2-3 เดือนเท่านั้น หลังทราบข่าวว่ามีสงคราม รู้สึกตกใจมากเกรงว่าน้องจะได้รับอันตราย

ที่ผ่านมาตั้งแต่น้องไปทำงาน จะส่งคลิปการทำงานส่งมาให้ครอบครัวดูเป็นประจำ หลังจากมีการยิงกันเกิดขึ้น น้องชายก็วิดีโอคอลมาแจ้งสถานการณ์เป็นระยะ แต่มาตกใจและเป็นห่วงมากที่สุดคือเมื่อวานนี้(8 ต.ค.) น้องชายได้โทร.มาแจ้งว่าตอนนี้ยังปลอดภัยดี “ถ้าเป็นห่วงไม่ต้องติดต่อมาอีก” เพราะเกรงว่า ทหารจะจับสัญญาณโทรศัพท์แล้วจะเป็นอันตราย

ตอนนี้ครอบครัวเป็นห่วงน้องชายมาก อยากจะให้รัฐบาลช่วยนำตัวน้องกลับมาเมืองไทยโดยเร็ว ไม่หวังจะไปขุดทองอีกแล้ว เพราะไม่คุ้ม หนี้สินที่ค้างไว้ร่วม 200,000 บาท ค่อยหาเงินที่เมืองไทยใช้หนี้ก็คงจะหมด เพราะอยู่ที่ไหนไม่ปลอดภัยเท่าเมืองไทย

ยังรบเดือด – แรงงานไทยที่ติดอยู่ในพื้นที่สู้รบและได้รับบาดเจ็บอัดคลิปขอให้รัฐบาลไทยเร่งช่วยเหลือโดยด่วน เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

แรงงานอุดรฯถูกจับ 4 รายเจ็บ 1
ที่บ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านนายคำสี พาที อายุ 63 ปี พ่อของนายเกียรติศักดิ์ พาที อายุ 35 ปี หรือท็อป เป็นอีกคนที่สูญหายและกลุ่มเพื่อน ถูกจับแต่ไม่ปรากฏว่าภาพของนายท็อป มีเพื่อนบ้านเดินทางมาถามข่าวคราวของ นายท็อปตลอดทั้งวัน โดยนายคำสีเดินทางไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไปดูหมอดู หวังจะให้ ลูกปลอดภัย

นางศร ภูเฮียงแก้ว อายุ 56 ปีน้าสาวของท็อป บอกว่า ผู้เป็นพ่อ หลังรู้ข่าวทำอะไรไม่ถูก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ลูกถูกจับไปแล้ว 3 วันตอนนี้พ่อไม่ทำอะไร วิ่งบนบานศาลกล่าว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไปดูหมอที่ต่างๆ หวังให้ลูกปลอดภัยหลังจากถูกจับ

นายอนันต์ มูลทองสุข อายุ 39 ปีพี่ชายนายท็อป วิดีโอคอลเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองทำงานอยู่ที่เมืองตานาเนียทางภาคใต้ของอิสราเอล ตอนนี้สถานการณ์ยังหนักอยู่ ได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะๆ หลังเกิดเหตุตนเองก็จะเดินทางกลับบ้านแน่นอนรอน่านฟ้า เปิด ตนทำงานห่างจากจุดที่น้องชายโดนจับประมาณ 100 ก.ม.ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรมน้องชายว่าเป็นอย่างไร ก็อยากให้น้องชายปลอดภัยกลับบ้าน ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองน้องชาย ให้รอดปลอดภัยด้วยเถิด

ทางด้าน ว่าที่ร้อยโทอนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานีเราได้รับแจ้งข้อมูลที่ตรงกันจากกรมการจัดหางานและกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ตอนนี้มีแรงงานไทย ได้รับผลกระทบจากเหตุสงครามแล้ว 5 ราย ใน 5 รายนี้ถูกควบคุมตัวเป็นตัวประกัน 4 ราย อีก 1 รายได้รับบาดเจ็บ สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ได้รับการรักษาตัวแล้ว โดยทั้ง 5 รายกระจายอยู่ 5 อำเภอประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอพิบูลย์รักษ์ อำเภอบ้านดุง อำเภอสร้างคอม และอำเภอกุดจับ

เผยคลิปสุดท้ายก่อนโดนจับ
รายงานข่าวระบุว่า แรงงานไทยชาวอุดรฯ ที่ถูกกลุ่มกองกำลังติดอาวุธจับเป็นตัวประกันประกอบด้วย นายคมกริช บัวชม, นายอนุชา อ่างแก้ว, นายมณี จิรชาติ, ชาวต่างชาติ และนายณัฐพล อ่อนแก้ว ซึ่งตอนนี้ทั้ง 5 คน ยังไม่รู้ชะตากรรม ปรากฏว่า ล่าสุดมีคลิปภาพสุดท้ายก่อนแรงงานไทยและชาวต่างชาติ 5 คน จะโดนจับ รวมถึงนายเกียรติศักดิ์ พาที หรือ “ท็อป” ชาวอ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี อยู่ในคลิปด้วย ในคลิปจะเห็นภาพขณะกลุ่มแรงงานไทยกล่าวจะเดินเข้าไปหลบที่ไหน สักแห่ง โดยภาพในคลิปจะเห็นเดินกันประมาณ 6-7 คน คนเสื้อคลุมสีเขียว กางเกงขายาวสีดำคือนายท็อป บุคคลสูญหาย เสื้อขาวด้านขวาคือนายคมกริช เสื้อขาวด้านหน้าคือชาวต่างชาติ และคนท้ายเสื้อดำแขนขาวคือนายมณี และมีสุนัขสีน้ำตาลวิ่งหยอกเล่นไปด้วย โดยเสื้อผ้าที่กลุ่มแรงงานไทยกลุ่มนี้ใส่เป็นภาพเดียวกันกับภาพที่โดนจับ

นายกฯสั่งทูตประสานช่วย
ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทวีตข้อความว่า “ผมขอย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ อย่างยิ่งต่อการให้ความช่วยเหลือและความปลอดภัยของพี่น้องคนไทยที่อยู่ในอิสราเอล โดยผมได้รับทราบว่า ขณะนี้ มีแรงงานชาวไทย ในอิสราเอลจำนวนพันกว่าคนที่แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย ซึ่งผมได้สั่งการให้ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพอากาศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเต็มที่โดยเร็ว”

ในการนี้การอพยพจะเริ่มดำเนินการ ในทันที โดยทางสถานทูตไทยได้รายงานว่าจะจัดส่งคนไทยชุดแรก 15 คน ซึ่งบางรายเป็นผู้บาดเจ็บ โดยสายการบินพาณิชย์กลับถึงประเทศไทยในวันที่ 12 ต.ค.นี้ และจะทยอยส่งกลับเป็นชุดๆ โดยมีคนไทยจำนวน 76 รายที่ทางการอิสราเอลช่วยนำออกมาจากพื้นที่สู้รบ ตลอดจนจำนวนที่เหลือทั้งหมดซึ่งขณะนี้ ทุกฝ่ายได้ประสานความพร้อมในการส่งเครื่องบิน ของทัพอากาศไปรับ หรือโดยเที่ยวบินพาณิชย์รวมทั้งการเช่าเหมาลำตามความเหมาะสม ของสถานการณ์ นอกจากนี้ได้สั่งการให้ สถานเอกอัครราชทูตไทยที่เกี่ยวข้องให้ติดต่อกับมิตรประเทศเพื่อช่วยประสานในการปล่อยตัว คนไทยที่จับกุมอีกทางด้วยแล้ว

“ทั้งหมดนี้ทางการไทยให้ความสำคัญยิ่งกับความปลอดภัยของคนไทย ทั้งนี้ ไทยเป็นมิตร และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย และปรารถนา ที่จะเห็นการยุติความรุนแรงรวมทั้งสถานการณ์ กลับคืนสู่ปกติโดยเร็วครับ” นายเศรษฐากล่าว

สว.ถามมาตรการช่วยคนไทย
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. เวลา 11.15 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามด้วยวาจาของนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ สว.ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีการดำเนินงานนโยบายต่างประเทศต่อสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส โดยนายเศรษฐามอบหมายให้นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ เป็นผู้ตอบกระทู้แทน

นายสุวัฒน์กล่าวว่า สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ ความปลอดภัยของชาวไทยที่บาดเจ็บ ที่สาหัสและไม่สาหัส ร่วม 8 ราย และผู้ที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอีก 11 ราย รวมถึงประชาชนไทยที่อยู่ในอิสราเอล 30,000 คน ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิสราเอลและปาเลสไตน์เป็นปัญหาสะสมมานาน และการสู้รบจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ

จึงอยากให้รัฐบาลคิดถึงความสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศคู่กรณีพิพาท การที่ประชาชนไทยอยู่ในอิสราเอลร่วม 30,000 คน การกล่าวถ้อยแถลงมีความสำคัญ เพราะหากกล่าวเร็วและเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมมีฝ่ายตรงข้ามที่มีความรู้สึกที่ไม่ดี ซึ่งต้องระวังให้ดี และความสัมพันธ์กับทูตประเทศต่างๆ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเจรจา รวมถึงการช่วยเหลือคนไทยที่เป็นตัวประกัน

ด้านนายจักรพงษ์ชี้แจงว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศและได้ติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเราเห็นความจำเป็นที่รัฐอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์จะต้องเจรจากัน เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อความมั่นคงและสันติภาพที่ยั่งยืน รวมถึงใช้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและสันติ ซึ่งจะบรรลุได้ด้วยการเจรจาอย่างสันติเท่านั้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับการประณามการกระทำที่รุนแรงที่เกิดขึ้นที่ส่งผลต่อความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งมีคนไทยที่ได้รับ ผลกระทบทั้งชีวิต บาดเจ็บ และถูกลักพาตัว โดยในขณะนี้การปกป้องดูแลความปลอดภัยของคนไทยและการนำคนไทยกลับสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัยในโอกาสแรกที่ทำได้ ซึ่งเป็นภารกิจ ที่มีความสำคัญลำดับต้นของรัฐบาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน