15คนเจ็บถึงไทย12ตค. รัฐบาลลั่นดูแลทุกคน ทั้งถูกกม.-ลักลอบไป ถกอิสราเอล-ปาเลสไตน์ให้เร่งปล่อยตัวประกัน

กต.เผยยอดเสียชีวิตพุ่ง 18 แห่ขอกลับ 3,862 คนแล้ว ขณะล็อตแรก 15 คนเจ็บบินออกมาวันนี้ถึงไทย 12 ต.ค. ‘นายกฯเศรษฐา’ ย้ำไทยไม่เกี่ยวขัดแย้ง 2 ประเทศ อยากให้เรื่องนี้ยุติด้วยสันติวิธีโดยเร็วที่สุด เพื่อลดสูญเสีย เร่งประสานทุกฝ่ายเร่งช่วยตัวประกัน ขออุบ รายละเอียด เพราะเป็นเรื่องความมั่นคง รมว.ต่างประเทศยันพร้อมพาทุกคนกลับบ้าน ทั้งไปถูกกฎหมายและลอบไปแบบผิดกฎหมาย

นายกฯย้ำไทยไม่เกี่ยวขัดแย้ง
วันที่ 10 ต.ค. ที่ประเทศบรูไน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ทรงแสดงความห่วงกังวล ต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นขณะนี้ และแสดงความเสียใจที่มีการสูญเสียของคนไทย รวมถึงมีผู้บาดเจ็บและถูกลักพาตัว เรื่องของความไม่สงบเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ดังนั้นการดูแลผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทั้ง 2 ประเทศ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่อยากให้เรื่องนี้ยุติด้วยสันติวิธีโดยเร็วที่สุด เพื่อลดการสูญเสียและการบาดเจ็บ

นายกฯ ยังกล่าวถึงการอพยพคนไทยจากประเทศอิสราเอลว่า ขณะนี้มี 2 ช่องทาง คือสายการบินพาณิชย์ ที่จะเดินทางออกมาในวันที่ 11 ต.ค. และถึงไทยวันที่ 12 ต.ค. ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บที่ต้องเร่งนำกลับมารักษา และจากกองทัพอากาศ โดยเครื่องบินแอร์บัส A340 จะนำคนไทยเดินทางกลับมาอีก 150 คน ในวันที่ 14 ต.ค. และถึงไทยในวันที่ 15 ต.ค. นี้ สำหรับคนไทยที่ไม่ประสงค์เดินทางกลับ จะมีมาตรการดูแลความปลอดภัย อย่างดีจากสถานทูต แต่คงไม่มีใครรับประกันได้ เพราะไม่รู้ว่าความขัดแย้งนี้จะลุกลามไปมากน้อยอย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องคิดว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ทางการทูตไปสมทบอีก 4 คน เพื่อประสานงานเรื่องการอพยพ

กาซ่าวอด – เปลวเพลิงและควันไฟพวยพุ่งเต็มท้องฟ้าจากการโจมตีของอิสราเอลถล่มเมืองกาซ่าที่กลุ่มฮามาสยึดครองอยู่ ทำให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่ายเกินกว่า 1,500 ศพ ขณะที่คนไทยในอิสราเอลยอดเสียชีวิตเพิ่มเป็น 18 ราย และแจ้งขอเดินทางกลับไทยเกือบ 4 พันคนแล้ว เมื่อวันที่ 10 ต.ค. (รอยเตอร์)

เร่งช่วยเหลือตัวประกัน
นายกฯ กล่าวยืนยันในเรื่องการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ว่า รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายการทูต ที่มีความสัมพันธ์กับบุคคล กับหลายๆ รัฐบาลก็ได้ต่อสายตรงพูดคุยกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง จึงขอไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ขอให้มั่นใจว่าทุกทางที่ดำเนินการอยู่ เราพยายามทำทุกอย่างแล้ว และยังคงพยายามอย่างสูงสุด พร้อมคำนึงถึงอิสรภาพและความปลอดภัย ของผู้ที่ถูกจับกุมตัวเป็นสำคัญ ส่วนแรงงานที่เดินทางไปไม่ถูกกฎหมาย จึงไม่ประสงค์กลับไทยนั้น นายกฯ กล่าวว่า ต้องลืมเรื่องนี้ ไปก่อน เพราะเรื่องความปลอดภัยของคนไทยในต่างแดนสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของชีวิต และความปลอดภัย ที่ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตของ ชาวไทย นายกฯ กล่าวว่า เราเป็นประเทศที่สูญเสียมาก ณ เวลานี้ คือ 18 ราย ขณะที่สหรัฐอเมริกามี 9 คน จึงถือเป็นตัวเลขที่น่ากังวลใจว่าจะหยุดแค่นี้หรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามสถานการณ์ที่อิสราเอลยึดพื้นที่คืน และดูว่ามีผู้หลงเหลือหรือไม่

“ขอย้ำว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลและละเอียดอ่อนมาก ก็ได้กำชับทางการทูต และการ ช่วยเหลือในทุกช่องทางและทุกวิถีทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวประกัน ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต หรือแรงงานไทยและคนไทยที่อยู่ที่นั่นที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับมาโดยเร็ว ตนเชื่อว่า รัฐบาลไทยมีความพร้อม เพราะไม่ได้เตรียมเฉพาะเครื่องบิน A340 เพียง ลำเดียว แต่ยังมีเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ ที่พร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเครื่องบินรวมทั้งหมด 5 ลำ สำหรับอพยพคนไทย ส่วนการดูแลหลังจากนี้ จะต้องดูแลให้ดีตามกฎหมาย แต่ละคนมีความเสียหายอย่างไร ก็ให้ยึดระเบียบ กฎหมายที่วางไว้” นายกฯ กล่าว

กต.เผยแรงงานตายแล้ว 18
วันที่ 10 ต.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีความไม่สงบจากการโจมตีในประเทศอิสราเอล ว่า กองทัพอิสราเอลอพยพคนออกจากเมืองรอบฉนวน กาซ่าได้แล้ว 15 เมือง จากทั้งหมด 24 เมือง ส่วนผลกระทบของแรงงานไทย ล่าสุดได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 18 ราย โดยเป็นตัวเลขที่ได้รับจากนายจ้าง และยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอล ส่วนผู้บาดเจ็บอยู่ที่ 9 ราย และผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่ 11 รายเท่าเดิม โดยเป็นชายชาวอุดรธานี 4 ราย เป็นหญิง 1 ราย ชาว จ.นครพนม 3 ราย ชาวจ.ศรีสะเกษ 1 ราย ชาวจ.สุรินทร์ 1 ราย ชาวจ.นครราชสีมา 1 ราย

นางกาญจนากล่าวต่อว่า ข่าวดีคือกองทัพอิสราเอลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อพยพพลเรือน รวมทั้งแรงงานไทย ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยสูงสุดจากบริเวณไม่เกิน 4 กิโลเมตรรอบฉนวนกาซ่า โดยสามารถอพยพผู้คนไปยังที่ปลอดภัยได้แล้วหลายร้อยคน พร้อมกับใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อติดตามผู้ที่ยังสูญหาย และยังติดต่อไม่ได้ด้วยความร่วมมือขององค์กรเอกชนและตำรวจอิสราเอล ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า กลุ่มฮามาสจะสังหารตัวประกันหากอิสราเอลทำการโจมตีนั้น เท่าที่ทราบมาทางกลุ่มฮามาสไม่น่าจะทำร้ายคนต่างชาติ เพราะไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง

กาซ่ายับ – สภาพความเสียหายรุนแรงจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเขตอัลรีมาล เมืองกาซ่า ที่กลุ่มฮามาสยึดครองอยู่ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ขณะที่ฮามาสขู่ประหารตัวประกัน 150 คน หากอิสราเอลโจมตีโดยไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า (รอยเตอร์)

ขอกลับเพิ่ม 3,862 คน
เวลา 15.00 น. นางกาจญนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินว่า ได้หารือเตรียมการอพยพ โดยตัวเลขผู้แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,862 คน ผู้ประสงค์จะอยู่ต่อ 52 คน ขณะที่ไทยเตรียมส่งเครื่องบินกองทัพอากาศไปลำแรกเป็นเครื่องบินแอร์บัส A340 เดินทางถึงกรุง เทลอาวีฟ ในวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อรับ ผู้โดยสาร 140 คนกลับไทย

12 ตค.ชุดแรกถึงไทย
ด้านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟจะส่งแรงงานไทยในอิสราเอลกลับประเทศ ชุดแรกในวันที่ 11 ต.ค. 15 คน แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแต่รักษาตัวจนสามารถเดินทางได้ 4 ราย และเป็นแรงงานที่ได้รับการเคลื่อนย้ายมายังพื้นที่ปลอดภัยอีก 11 ราย โดยจะเดินทางมาด้วยเครื่องบินพาณิชย์ สายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LY083 ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ในเวลา 21.45 น. วันที่ 11 ต.ค. และถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 10.35 น. ของวันที่ 12 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นอกจากนั้นแล้ว สถานทูตกำลังจัดเที่ยวบินอพยพเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าเที่ยวบินต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 18 ต.ค. จำนวน 80 ที่นั่ง

ขณะที่น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ เปิดเผยว่า อิสราเอลแบ่งโซนพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้กับฉนวนกาซ่า การเข้าไปช่วยเหลือจะทำได้ทีละโซน เราได้ประสานกับทางการอิสราเอลเป็นระยะๆ ว่ามีคนไทยติดอยู่ในพื้นที่นี้และขอให้ช่วยนำกำลังเข้าไปอพยพคนไทยออกมา เขาก็จะจัดลำดับไปตามโซนโดยจะเข้าไปในโซนที่อันตรายที่สุดก่อน ก็อาจต้องใช้เวลาและขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจในข้อจำกัดนี้

ย้ำดูแลแรงงานทุกคน
น.ส.พรรณนภากล่าวถึงอพยพคนไทยกลับประเทศว่า ทางสถานทูตจะส่งรถไปรับหรือขอให้นายจ้างพามาส่ง หรือติดต่อให้เหมารถไปรับแรงงานไทยเพื่อเดินทางมาขึ้นเครื่องบิน แรงงานหลายคนไม่มีเอกสารเดินทางซึ่งในส่วนนี้ ทางสถานทูตจะตั้งเคาน์เตอร์ที่สนามบินเพื่อออกเอกสารเดินทางให้กับแรงงานก่อนขึ้นเครื่องบิน ไม่เว้นแม้แต่แรงงานถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เราจะดูแลทุกท่านอย่างเท่าเทียมกัน แรงงานไทย 15 คนแรกจะได้กลับประเทศไทยอย่างแน่นอนเว้นเสียแต่จะมีเหตุสุดวิสัยคือสนามบินถูกปิด ทั้งนี้สถานทูตเปิดให้แรงงานลงทะเบียนผ่าน Google Form หากไม่สามารถลงทะเบียนได้ก็มีโทรศัพท์สายด่วนที่เปิดเพื่อให้ติดต่อเข้ามา ซึ่งจะเพิ่มคู่สายเพื่อแก้ปัญหาในการติดต่อ และสามารถส่งข้อความมาทางสถานทูตได้ซึ่งจะมีทีมที่ติดต่อกลับไปแก่คนที่ให้เบอร์เอาไว้ ต้องเรียนให้ทราบว่าตอนนี้มีแรงงานไทยหลายคนจากทั่วประเทศอิสราเอลแสดงความประสงค์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทย แต่จะขอส่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดกลับประเทศก่อนและจะทยอยส่งแรงงานคนอื่นๆ

น.ส.พรรณนภา ยังกล่าวถึงพิกัดของ ตัวประกันชาวไทยว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ ได้สอบถามไปทางการอิสราเอลอย่างต่อเนื่องแต่ทางฝั่งนั้นก็ไม่ทราบเช่นกัน หรืออาจจะทราบแล้วแต่ยังไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นเรื่องปฏิบัติการช่วยเหลือ ส่วนที่แรงงานบางคนออกมาพูดถึงสถานการณ์ทางโซเชี่ยลมีเดีย และบอกว่าถูกบังคับให้ทำงานนั้น ได้ติดต่อกับทางการอิสราเอลในเรื่องนี้แล้ว ต้องเรียนว่าอิสราเอลเป็นประเทศเล็ก เมื่อนำแรงงานไทยออกมาจากพื้นที่อันตรายจึงนำไปฝากไว้กับนิคมเกษตรที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและถือว่าเป็นการย้ายงานเพื่อให้มีรายได้ในการดำรงชีพในประเทศต่อไป ซึ่งได้แสดงความห่วงกังวลไปยังทางการอิสราเอลแล้ว และพยายามขอให้มีช่วงพักเบรกก่อน

ยันตัวประกันยังปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับมา น.ส.พรรณนภากล่าวว่า ทางฝั่งอิสราเอลบอกว่าขอให้ความสำคัญไปที่การช่วยเหลือ ผู้ที่ยังมีชีวิตที่ติดอยู่ในพื้นที่อันตรายก่อน จึงทำให้ยังไม่สามารถระบุตัวตนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการได้อย่างรวดเร็ว เมื่อครั้งเกิดเหตุความไม่สงบเมื่อ 3 ปีก่อนที่มีแรงงานไทย เสียชีวิตด้วย ทางการอิสราเอลใช้เวลาในการระบุตัวตน และทำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าคนผู้นี้เป็นผู้เสียชีวิตจากสงคราม และเป็นผู้ที่อิสราเอลจะให้เงินช่วยเหลือ คิดว่าอาจไม่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตกลับได้โดยเร็ว แต่ก็เพื่อประโยชน์ของญาติผู้เสียชีวิตที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากทางการอิสราเอล และ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันยังปลอดภัยดีอยู่หรือไม่ ซึ่งทางการอิสราเอลให้คำมั่นว่าจะพยายามช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่ ก็ขอให้ทุกคนวิงวอนให้ภารกิจนี้เป็นไปด้วยดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอล พยายามติดต่อแรงงานไทยทุกคนเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากระบบภายในขรุขระมาก ขณะมีคนแจ้งความประสงค์จะกลับประเทศไทย 3,226 คน แต่เป็นคนที่กระจายอยู่ในอิสราเอล ไม่ได้อยู่ที่ฉนวนกาซ่า การ เดินทางไปจึงลำบาก อาจจะยังไม่ปลอดภัย จึงต้องดูให้เกิดความปลอดภัยทุกคน และหากใครที่สามารถเดินทางกลับช่วงนี้ได้ทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุน ส่วนกรณีที่มีการขอความช่วยเหลือผ่านสื่อนั้น ไม่ต้องรอให้สถานการณ์นิ่งก่อน เพราะถ้ากลับได้ก็กลับเลย ถ้ารู้สึกว่าอยู่อิสราเอลแล้วไม่สบายใจ ทางรัฐบาลพร้อมที่จะให้เขากลับประเทศไทยทันที ในส่วนของกองทัพอากาศและเครื่องบินพาณิชย์ของไทยพร้อมที่จะบินไป แต่การบินไปจะต้องมีความปลอดภัย ไม่ใช่อยากไปก็ไปได้เลย

รมว.กต.ย้ำไม่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อถามว่า การที่เอกอัครทูตเป็นผู้คัดสรร จะใช้เกณฑ์ใด นายปานปรีย์กล่าวว่า จะดูว่าใครที่บาดเจ็บ จะรีบนำกลับมารักษาที่ประเทศไทย เพราะที่โรงพยาบาลที่อิสราเอลคงเต็มไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มีความเป็นห่วง ซึ่งตนได้รายงานให้นายกฯเป็นระยะๆ

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเจรจาให้ปล่อยตัวประกันคนไทย นายปานปรีย์กล่าวว่า ตนมีโอกาสได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล แต่ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเป็นเรื่องภายใน แต่สามารถบอกได้ว่าทางรัฐบาลอิสราเอลมีความเป็นห่วงและแสดงความเสียใจมายังชาวไทยที่มีคนไทยเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกจับตัว ซึ่งกรณีการถูกจับตัว ตนได้บอกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอิสราเอลว่าขอให้ท่านใช้ความพยายามสูงสุดที่จะให้มีการปล่อยตัวคนไทยที่ถูกจับตัวอยู่ให้เร็วที่สุด อีกทั้งตนยังได้ถามเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และผู้ถูกจับตัวว่าเมื่อไหร่จะยืนยันจำนวนที่แน่นอนได้ ท่านยอมรับยาก เพราะเข้าไปในพื้นที่ไม่ได้ ส่วนตัวเลขที่เราได้เป็นข้อมูลที่รับมาจากสถานทูต

เมื่อถามถึงเงื่อนไขของฮามาสที่ได้ยื่นให้รัฐบาลอิสราเอล จะส่งผลต่อคนไทยที่ถูกจับตัวหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ไม่น่ากระทบ เพราะเราไม่ได้มีความขัดแย้งกับทั้งสองฝ่าย เราเป็นคนทำงาน ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะมาทำร้ายคนไทย เพียงแต่ตอนที่ชุลมุนคงไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นใคร จึงจับไปหมด แต่ตนเชื่อว่าเขาน่าจะปล่อยตัวมาทั้งหมด และขอยืนยันว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ยิ่งกว่าเต็มที่ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

ก.แรงงานพร้อมขนกลับหมด
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงการนำแรงงานกลับไทยว่า ต้องรอทางรัฐบาลอิสราเอลตอบกลับว่า จะพร้อมรับเครื่องบินทหารอากาศประเทศไทย เพื่อเดินทางเข้าไปรับแรงงานไทยได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้แล้วว่าหากพร้อม ก็ให้เตรียมเครื่องบิน ประกอบด้วยซี 130 รวม 6 ลำ และแอร์บัส A340 อีก 1 ลำ ในการไปรับ แต่หากมีภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ จะต้องมีการหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ว่าจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ หากจะเช่าเครื่องบินพาณิชย์เหมาลำจากอิสราเอล หรือเครื่องบินพาณิชย์สายอื่นๆ เพื่อความรวดเร็วในการพาแรงงานไทยกลับสู่ประเทศไทย ถ้าเหตุการณ์บรรเทาลง จะต้องสอบถามแรงงานไทยอีกครั้งว่า มีความต้องการกลับสู่ประเทศไทยอยู่หรือไม่ หากยืนยันว่าอยากกลับประเทศไทยตามเดิม กระทรวงแรงงานก็จะประสานเรื่องนี้ให้อีกครั้ง

นายพิพัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีแรงงานกังวลกลับมาแล้วจะไม่ได้กลับไปทำงานอีก กระทรวงแรงงานได้ประสานกับบริษัทนายจ้างว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ขอแรงงานกลับไทยก่อน ส่วนการกลับไปอิสราเอลอีกครั้ง เราจะขอความกรุณาว่า เมื่อเหตุการณ์สงบจะขอเดินทางกลับไปที่เดิม ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับไทย กระทรวงแรงงานเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ในส่วนของค่าใช้จ่ายกลับอิสราเอลเมื่อเหตุการณ์สงบ จะต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า เราจะหางบจากที่ไหน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้กล่าวถึงกรณีแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลว่า มีคนไทยสองหมื่นกว่าคนที่ไปใช้แรงงานที่นั่น เพราะฉะนั้นตอนนี้ ได้ไลน์สั่งการไปทางผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดก็จะต้องไปสำรวจและดูว่าครอบครัวของแรงงานที่อิสราเอลได้รับผลกระทบอะไรบ้างไหม ถ้ามีความต้องการการช่วยเหลืออะไร อย่างเช่นรายได้จากต่างประเทศที่หายไป ก็จะได้ช่วยเหลือได้ตามสมควร

จับตาราคาน้ำมัน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เชื่อว่าระยะสั้นไม่น่าจะมีผล กระทบอะไร ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไรเพราะเราได้ซื้อน้ำมันไว้ล่วงหน้า เวลานี้อยู่ระหว่างการขนถ่ายมาที่ประเทศไทย ถ้าเหตุระยะยาวเป็นเดือน ต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป หากจะกระทบก็ไม่ใช่กระทบเฉพาะประเทศไทย แต่กระทบไปทั่วโลก อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงพลังงานก็จะมีการติดตามสถานการณ์การสู้รบครั้งนี้อย่างใกล้ชิด

วันเดียวกัน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) เปิดเผยว่า กรณีแรงงานไทยในอิสราเอลนั้น ไม่ว่าจะเสียชีวิต สาบสูญ หาตัวไม่พบหรือผู้ตายมีทรัพย์สินที่ทายาทต้องร้องจัดการมรดกเพื่อให้ทายาท รับโอนทรัพย์สิน บ้าน ที่ดิน เงิน สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์ระหว่างประเทศสามารถช่วยเหลือได้ โดยเข้าร้องต่ออัยการจังหวัด ซึ่งจะเป็นผู้ประสานมาทาง สคช. ส่วนการร้องจัดการมรดก ร้องขอให้เป็นคนสาบสูญ ต้องยื่นคำร้องต่อศาลที่ผู้ตายมีภูมิลำเนา ต้องเริ่มต้นด้วยใบมรณบัตร เอกสารจากอิสราเอล ทั้วนี้ปรึกษาอัยการสายด่วน 1157 หรืออัยการคุ้มครองสิทธิ์ประชาชนระหว่างประเทศ โทร.0-2142-1532

โคราชเยี่ยมญาติตัวประกัน
ที่จ.นครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วยตัวแทนส่วนราชการ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 90 หมู่ 5 บ้านหนองยาง ม.2 ต.หนองยาง อ.เฉลิม พระเกียรติ เพื่อมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนางสุรางคณา ขุนศรี อายุ 57 ปี แม่ของนายพงษธร ขุนศรี อายุ 25 ปี แรงงานไทยที่ญาติยังไม่สามารถติดต่อแรงงานไทยรายนี้ได้

โดยนายบุญลือ ด่านกระโทก ผู้ใหญ่บ้านหนองยาง กล่าวว่า ในพื้นที่ต.หนองยาง มีคนไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล 37 ราย อยู่ในที่ปลอดภัย 36 ราย ลูกชายของตนเป็นเพื่อนสนิทกับนายพงษธรที่เดินทางไปทำงานด้วยกันเล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุวันแรก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจของทางอิสราเอลคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มแรงงานของนายพงษธร แต่พอมีกลุ่มคนร้ายเข้ามากราดยิงตำรวจทั้ง 2 นาย รวมทั้งนายพงษธรและ กลุ่มแรงงานต่างๆ ได้วิ่งหนีเอาตัวรอด ซึ่ง นายพงษธรได้หลบอยู่ในรถยนต์ หลังจากนั้น มีชาย 2 คนแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ โพกผ้าสีแดงที่ศีรษะนำตัวนายพงษธรไปคาดว่าน่าจะถูกจับไปเป็นตัวประกัน

อุดรฯเศร้ามีแรงงานตายอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Anucha Nu โพสต์ว่า ขอไว้อาลัย แรงงานไทยที่คีบุส คิซุฟิม 6 คนเป็นคิบุสที่ติดกับฉนวนกาซ่า ที่สุดทหารเข้าไปเมื่อคืน เพื่อเคลียร์พื้นที่ พบศพน้องแรงงานไทย 6 คน ขอให้ดวงวิญญาณน้องๆ ไปสุคตินะค่ะ และโพสต์อีกว่า ในที่สุดก็ไม่ได้มากินข้าวด้วยกัน…หลับให้สบายนะ หลอย แจ๊ค หม่อน พ่อใหญ่ดอน พ่อใหญ่ ปูโจ้ เห็นบ่นว่าเหนื่อย…ไม่เหนื่อยแล้วนะ พร้อมภาพแรงงานไทยที่เสียชีวิต 6 ราย และจากรายงานดังกล่าวทราบว่าเป็นแรงงานไทยที่จ.อุดรธานีถึง 4 รายและทางญาติยืนยันแล้วว่าเสียชีวิตจริง

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหนองบัวแดง ต.หนองไผ่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ซึ่งหมู่บ้านนี้มีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย โดยรายแรกคือนายธีระพงษ์ กลางสุวรรณ หรือ ดอน อายุ 38 ปี และนายไกรสร อรัญถิตย์ หรือ เหลย อายุ 29 ปี มีบรรดาญาติๆ และชาวบ้านเดินทางมาถามข่าวและแสดงความเสียใจด้วย

นางวรรณ กลางสุวรรณ อายุ 60 ปี แม่นายดอนกล่าวว่า ลูกชายไปทำงานได้ 2 ปี 10 เดือน ตั้งใจมาพักร้อนฉลองวันเกิดลูกชายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ก็บอกลูกชายว่า กลับมาบ้านได้ไหมอยู่ไม่ครบสัญญาก็ตาม เพราะแม่กลัวเห็นข่าวยิงกันตลอดแม่ใจไม่ดี เห็นภาพว่าเป็นลูกชายว่าตายแล้ว แม่บอกได้คำเดียวว่า แม่เสียใจมาก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา

สูญเสียลูก – นางเพ็ญ อินธนู ร่ำไห้หลังทราบข่าวนายไกรศร อรัญนิตย์ ลูกชาย เสียชีวิตในเหตุการณ์ฮามาสโจมตีอิสราเอล เผยลูกชายกำลังจะกลับบ้านเดือนพ.ย.นี้ วอนรัฐช่วยนำศพกลับบ้านหนองบัวแดง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เมื่อ 10 ต.ค.

วอนช่วยนำศพกลับบ้าน
ขณะที่ภรรยานายดอนกล่าวว่า ได้คุยกับสามีตอนสิบโมงเช้าวันเสาร์ที่ 7 ต.ค คุยกันได้ 20 นาทีได้ยินเสียงระเบิดสัญญาณมือถือก็ตัดไป จากนั้นใจไม่ดีก็พยายามติดต่อแต่ติดต่อไม่ได้ มารู้ข่าวอีกทีว่าสามีชีวิตเมื่อคืนนี้ เสียใจมากพูดไม่ออก ของที่สามีส่งมาจากอิสราเอลก็มาถึงเมื่อวานนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับครอบครัว ก็อยากให้ทางหน่วยงานช่วยเหลือนำศพสามีกลับมาบ้านให้ด้วย แม้ไม่มีชีวิตก็ขอเป็นร่างก็ยังดี ภรรยาพูดไปร้องไห้ไป

นางเพ็ญ แม่นายเหลย เปิดเผยว่า ลูกชายไปทำงานเลี้ยงวัวและไก่ที่อิสราเอลจะครบ 5 ปีแล้ว และจะเดินทางกลับบ้านมาบวชให้แม่ในเดือนพฤศจิกายนนี้ รู้ข่าวเมื่อวานนี้หลานชายทำงานที่ประเทศอิสราเอลโทร.มาบอกว่าเหลยเสียชีวิตแล้วนะ เพราะถูกยิงกองกันอยู่ 6 คนในแคมป์คนงาน นายจ้างและทหารกำลังจะเข้าไปเอาศพออกมาแต่ยังออกมาไม่ได้ ตอนนี้อยากให้ทางการไทยช่วยนำศพลูกชายกลับมาให้แม่ที่บ้านเกิดด้วยเถิด ทางแม่จะได้บำเพ็ญกุศลตามประเพณี

ที่บ้านเดียม อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายจักรพงษ์ จันทรเสนา หรือม่อน อายุ 28 ปี อีก 1 แรงงานที่เสียชีวิตที่ที่คีบุส คิซุฟิม บรรยากาศที่หน้าบ้านชาวบ้านและญาติๆ ที่ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจและเตรียมเต็นท์เพื่อจัดงานศพของนายม่อน โดยแม่ของนายม่อน บอกว่า วันเสาร์ที่ผ่านมาโทร.ไปหาปลายสายโทรศัพท์มีเสียงหวอ มีคนเรียกให้เข้าไปหลบภัย และมีเสียงหัวเราะ ตอนนั้นก็คิดว่าปลอดภัยแล้ว จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อ 100 เปอร์เซ็นว่าเสียชีวิต เชื่อว่าลูกยังมีชีวิตอยู่แน่นอน หัวอกคนเป็นแม่อยากให้ลูกชายกลับบ้านตัวเป็นๆ

คนเจ็บวอนสถานทูตช่วย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้วิดีโอคอลพูดคุยกับนายรัชกร พุทธสอน หรือโจ้ อายุ 40 ปี ที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลและถูกยิงในสงครามสู้รบที่อิสราเอลจนบาดเจ็บ ที่เข่าด้านซ้าย และหลบอยู่ในแคมป์คนงาน ที่ปลอดภัย โดยนายรัชกรแจ้งว่า ได้รับการประสานจากสถานทูตว่าจะได้เดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 11 ต.ค แต่ต้องหาแท็กซี่มาที่สนามบินเองเพราะว่าทางสถานทูตไม่มีรถที่จะมารับ ซึ่งตนเองได้สอบถามทางสถานทูตว่า จะหารถแท็กซี่ไปยังไงเนื่องจากสถานการณ์ยังคงมีการสู้รบอยู่ แต่ทางสถานทูตยืนยันว่าถ้าอยากกลับก็ต้องหาแท็กซี่มาเอง ตนเองไม่เข้าใจ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้แท็กซี่ที่ไหนจะมารับไปส่ง สำหรับตนเองและเพื่อนอีก 2 คนที่บาดเจ็บได้ปรึกษากันว่า ช่วงสายๆ วันนี้ จะประสานล่ามขอให้ล่ามหารถให้ในเวลาช่วงเช้า เหตุการณ์สู้รบยังไม่ค่อยรุนแรง แต่ถ้าทางล่ามไม่สามารถหารถมาให้ได้ก็อยากวิงวอนทางสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารถมารับตนเองและเพื่อนอีก 2 คนที่บาดเจ็บ ไปยังสนามบิน เพื่อบินกลับประเทศไทยด้วย

สำหรับในการดำรงชีวิต ยังมีอาหาร และน้ำ คงเหลือ พี่จะประทังชีวิต ในแคมป์คนงาน แต่บาดแผลที่ถูกยิงทะลุหัวเข่า มีอาการบวม เนื่องจากใช้แต่ยาแดงใส่และก็รับประทานยาพาราเพื่อประทังความเจ็บปวดของบาดแผล เท่านั้นจึงทำให้บาดแผลบวม และเกิดการอักเสบ อยากวิงวอนให้รัฐบาล หรือสถานทูต ให้จัดหารถมารับตนเองและพวกอีก 3 คน ที่บาดเจ็บ ในแคมป์คนงาน นำไปที่สนามบิน เพื่อจะกลับไปยังประเทศไทยด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน