เหนือ-กลาง ท่วมหนักกว่าล้านไร่ จิสด้าเผยภาพถ่ายดาวเทียมพบ 11 จังหวัดท่วมกว่า 7.5 แสนไร่ เรือกสวนนาไร่ล่มอีกกว่า 2 แสนไร่ สุโขทัยหนักสุด 1.7 แสนไร่ พิจิตร-อยุธยา จังหวัดละ 1.3 แสนไร่ ฝนถล่มข้ามคืน เมืองพัทยาจมทันทีครึ่งเมตร โคราชรถติดยาวเหยียด 3 ก.ม. ฝนเทยาว 4 ชั่วโมงตั้งแต่ตี 4 น้ำไหลบ่าท่วมตลาดสองตลาดใหญ่ ชุมชน น้ำสูงครึ่งเมตร เขื่อนอุบลรัตน์น้ำใกล้เต็ม เร่งระบายน้ำ เตือนท้ายเขื่อนพร้อมอพยพ ลำชี ร้อยเอ็ด-แม่มูน อุบลฯ ยังเอ่อเพิ่ม เมืองฮอด เชียงใหม่ระทึก รถกระบะถูกน้ำพัดขณะขับฝ่ากระแสน้ำท่วมสะพานเชื่อมไปสบเมย แม่ฮ่องสอน โชคดีดึงกลับมาได้ทันก่อนตกลงแม่น้ำ ผาฮี้-แม่สาย เชียงรายดินถล่มหลังอุ้มน้ำไม่ไหว กาญจน์เตือน 2 อำเภอ ทองผาภูมิ-ศรีสวัสดิ์ เสี่ยง น้ำบ่า-ดินถล่ม

จมมิด – สภาพรถยนต์ถูกน้ำท่วมเกือบ มิดคันบนถนนสุขุมวิท หน้าสถานีทางหลวงสายเก่า หลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี บางจุดท่วมเกือบเมตร เมื่อวันที่ 10 ต.ค.

เมืองพัทยาจมเกือบเมตร
เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง บางจุดท่วมสูงกว่า 50-80 ซ.ม. เช่น บริเวณเลียบทางรถไฟซอยเขาตาโล ไปถึงซอยวัดธรรม ถนนสุขุมวิทหน้าสถานีทางหลวงเก่า ถนนสายสามช่วงแยกมุมอร่อย ทำให้รถยนต์ขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ สัญจรผ่านไม่ได้ เจ้าหน้าที่กิจการพิเศษได้นำกำลังไปตรวจสอบ เปิดไฟสัญญาณเตือน โดยมีบางคันที่ผ่านเข้าไปได้รับความเสียหายดับกลางน้ำ อย่างไรก็ตาม ใช้เวลาไม่นานมวลน้ำที่ล้นเอ่อท่วมในจุดที่ลุ่มต่ำก็ค่อยๆ ลดปริมาณลงจนกระทั่งเข้าสู่สภาวะปกติ

วันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) รายงานจากสถานการณ์ฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ระหว่างวันที่ 26 ก.ย.-10 ต.ค.เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 33 จังหวัด 127 อำเภอ 447 ตำบล 2,205 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 48,657 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 9 จังหวัด 34 อำเภอ 117 ตำบล 631 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,566 ครัวเรือน ได้แก่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย มหาสารคาม หนองบัวลำภู เลย กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี

เหนือ-กลางท่วมล้านไร่
ด้านสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า เผยภาพ น้ำท่วมจากดาวเทียม Cosmo-SkyMed-2 ว่า พบพื้นที่น้ำท่วมบางส่วนในเขตภาคกลางและภาคเหนือรวมทั้งสิ้น 751,223 ไร่ ได้แก่ สุโขทัย 171,553 ไร่ พระนครศรีอยุธยา 138,363 ไร่ พิจิตร 132,208 ไร่ สุพรรณบุรี 99,430 ไร่ พิษณุโลก 85,596 ไร่ นครสวรรค์ 66,537 ไร่ ลพบุรี 24,307 ไร่ อ่างทอง 21,825 ไร่ สิงห์บุรี 4,628 ไร่ ชัยนาท 4,287 ไร่ อุตรดิตถ์ 2,489 ไร่ รวมถึงมีพื้นที่ปลูกข้าวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้วรวม 287,747 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลักและสายรองของพื้นที่โดยรอบ ซึ่งรวมถึงชุมชนที่อยู่อาศัยและเส้นทางคมนาคมบางส่วน อย่างไรก็ตาม หากรวมเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างกับภาคกลางพบพื้นที่น้ำท่วมในจ.พระนครศรีอยุธยา พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ลพบุรี อ่างทอง สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และชัยนาท รวมกันทั้งสิ้น 525,855 ไร่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือว่า สถานการณ์ยังทรงตัว ร่องความกดอากาศยังมีอยู่ อาจจะมีมรสุมเข้ามาเติมบ้าง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เขื่อนเจ้าพระยา เพราะปกติจะระบายน้ำได้ 1,400 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที แต่วันนี้ต้องระบายมากกว่า 1,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อภาคกลาง ส่วนกทม.ต้องช่วยกันระมัดระวัง หากฝนตกเยอะขึ้นและน้ำเหนือยังอยู่มันก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการในพื้นที่ ซึ่งภาคส่วนต่างๆ ต้องดูแล คาดว่าจะหมดฤดูฝนในช่วงลอยกระทง

นาทีระทึก – ชาวบ้านขับรถกระบะฝ่าสายน้ำที่กำลังทะลักสะพานข้ามแม่น้ำกองก๋อย ต.กองก๋อย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ก่อนถูกกระแสน้ำพัดจนต้องกระโดดออกจากรถเพื่อความปลอดภัย เมื่อวันที่ 10 ต.ค.

เตือน 9 อ่างทะลักฉับพลัน
ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนประชาชนเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยงและน้ำล้นตลิ่งว่า เนื่องจากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีปริมาณฝนตกหนักสะสม ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้คาดการณ์จะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นอีกในช่วงวันที่ 9-12 ต.ค. ส่งผลให้น้ำหลากลงสู่ลุ่มน้ำและอ่างเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำในช่วงวันที่ 12-18 ต.ค. 2566 ดังนี้

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำกักเก็บสูงสุดจำนวน 9 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ อ่างเก็บน้ำกิ่วลม และแม่มอก จ.ลำปาง อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จ.อุดรธานี อ่างเก็บน้ำน้ำพุง และหนองหาร จ.สกลนคร อ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น อ่างเก็บน้ำลำปาว จ.กาฬสินธุ์ อ่างเก็บน้ำขุนด่านปราการชล จ.นครนายก อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะบริเวณอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ คาดการณ์ว่าจะมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและมี แนวโน้มปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80

ส่วนพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ 2.1 แม่น้ำยม บริเวณ อ.ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีสำโรง เมือง และกงไกรลาศ จ.สุโขทัย อ.พรหมพิราม และ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก อ.สามง่าม และ อ.โพทะเล จ.พิจิตร

แม่มูนเอ่อเพิ่ม
ขณะที่แม่น้ำมูน บริเวณสถานี M.7 อ.เมือง จ.อุบลราชธานี คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +113.00 ถึง +113.50 เมตร ระดับทะเลปานกลาง สูงกว่าตลิ่ง 1.00-1.50 เมตร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ เมืองอุบล วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร ดอนมดแดง ตระการพืชผล และม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี

ส่วนแม่น้ำยัง บริเวณสถานี E.92 อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด คาดการณ์ว่าระดับจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่าตลิ่ง 1.00-1.50 เมตร ในวันที่ 10-11 ต.ค. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณ อ.เสลภูมิ และ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด และลดลงต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 13-14 ต.ค.

เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระบาย
ด้านสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,600 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับผลกระทบ โดยปัจจุบันสถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,788 ลบ.ม.ต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.59 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 13.18 เมตร/รทก. ระดับน้ำห่างจากตลิ่ง 3.16 เมตร จึงส่งผลทำให้ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 1,521 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะเดียวกัน ทางกรมชลประทานได้มีการผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทางด้านเหนือเขื่อนทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของลุ่มน้ำรวมกันอยู่ที่ 408 ลบ.ม.ต่อวินาที

นางชัณณ์ญาช์ สุภาวิตา นายกเทศมนตรีตำบลหาดอาษา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ทางเทศบาลตำบลหาดอาษาได้เตรียมความพร้อมหากทางเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปอุดน้ำตามบางรับน้ำซึ่งมีอยู่ 10 กว่าบาง ปีนี้มีความกังวลใจว่าจะเหมือนกับปีที่ผ่านมาเนื่องจากพื้นที่ ต.หาดอาษา เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่ติดกับลำน้ำเจ้าพระยา

‘ผาฮี้’เชียงรายดินถล่ม
ที่บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากที่ฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันนาน 3 วัน ส่งผลให้ถนนภายในหมู่บ้านบริเวณทางที่จะไปโรงเรียนและสถานีอนามัยบ้านผาฮี้ ซึ่งเป็นทางที่ติดกับภูเขาและข้างทางเป็นเหวลึกเกิดทรุดตัวเนื่องจากดินอุ้มน้ำหลากไม่ไหว ทำให้รถขนาดใหญ่สัญจรผ่านไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พื้นที่เกิดเหตุไม่ได้เป็นจุดชมวิวที่ นักท่องเที่ยวนิยมเข้าไป จึงยังไม่มีผลกระทบกับการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปเที่ยวชมทะเลหมอกปลายฝนต้นหนาวและทัศนียภาพที่สวยงามของบ้านผาฮี้ยังไปเที่ยวได้ตามปกติ

ด้าน จ.อุตรดิตถ์ เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และพื้นที่ทางการเกษตร โดยที่หมู่ 4 และ หมู่ 9 ต.ท่าเสา อ.เมือง น้ำยังคงท่วมบ้านเรือนที่ลุ่ม ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ รถยนต์ และสัตว์เลี้ยง กางเต็นท์ผ้าใบมาอาศัยอยู่ริมถนน ขณะที่เจ้าหน้าที่ ปภ.ประสานชลประทานที่ 3 พิษณุโลก นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ติดตั้งเพื่อเร่งระบายน้ำออกหลังพบฝนตกต่อเนื่อง พร้อมสร้างกำแพงกระสอบทรายกันน้ำท่วม พื้นที่เสี่ยงตามที่ลุ่ม และสำรวจพื้นที่ประสบภัยเพื่อเตรียมฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือ

นายสมพร ขันปิงปุ๊ด ผู้ช่วยหัวหน้า ปภ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ฝนตกหนักส่งผลให้น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน 5 อำเภอ 10 ตำบล 26 หมู่บ้าน คือ 5 หมู่บ้าน ต.ท่าเสา ต.ขุนฝาง อ.เมืองอุตรดิตถ์, 6 หมู่บ้าน ต.ม่วงเจ็ดต้น ต.บ่อเบี้ย อ.บ้านโคก, 5 หมู่บ้าน ต.ด่านแม่คำมัน ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล, 1 หมู่บ้าน ต.ท่าสัก อ.พิชัย และ 9 หมู่บ้าน ต.ฟากท่า ต.สองคอน ต.บ้านเสี้ยว อ.ฟากท่า เบื้องต้นระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ คงเหลือตามที่ราบลุ่มน้ำยังคงท่วมขัง

อุตรดิตถ์อพยพกว่าพันหลัง
นายสมพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค. อ.ฟากท่ามีระดับน้ำวิกฤตสุดจากปริมาณฝนตกสูงถึง 120 มิลลิเมตร มวลน้ำป่าทะลักลงแม่น้ำปาดและเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำท่วมสูง 4.40 เมตร น้ำท่วมถนนสายหลักที่ใช้เชื่อม อ.บ้านโคก และ อ.ฟากท่า เร่งอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบไปยังจุดปลอดภัย ความเสียหายเฉพาะที่ อ.ฟากท่า กว่า 1,300 ครอบครัว แม้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแต่ยังคงประกาศให้เฝ้าระวังเนื่องจากฝนยังคงตกมากถึงร้อยละ 60 และประกาศเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย และเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติแล้ว

ที่จ.เชียงใหม่ น.ส.ลัดดา ตาเตอะ เจ้าหน้าที่ อบต.บ่อสลี อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ขณะเดินทางไปมอบเบี้ยยังชีพให้กับชาวบ้านกับคณะที่บ้านทุ่ง หมู่ 5 ต.บ่อสลี ได้เกิดฝนตก ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เกิดน้ำเอ่อท่วมบริเวณสะพานข้ามไปยังหมู่บ้านกองก๋อย ต.กองก๋อย อ.สบเมย จ..แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างบ้านทุ่ง หมู่ 5 ต.บ่อสลี อ.ฮอด ขณะนั้นมีรถกระบะ 2 คัน ของชาวบ้านพยายามขับฝ่าสายน้ำที่ท่วมสะพาน แต่ไม่สามารถข้ามฝ่าสายน้ำที่ลึกมาก ทำให้รถไหลไปตามกระแสน้ำ สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ต่างเข้าไปช่วยเหลือผูกลากรถทั้งสองคันขึ้นมาได้ก่อนที่จะไหลลงไปในแม่น้ำกองก๋อย

เขื่อนอุบลรัตน์ใกล้ล้น
ด้านสถานการณ์น้ำและฝนที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายประสิทธิ์ อุปชิตร ผู้ช่วยผอ.โรงไฟฟ้าพลังน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า หลังจากที่คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่น เห็นชอบให้เขื่อนอุบลรัตน์เพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนอุบลรัตน์ วันละ 3 ล้านลบ.ม. สูงสุดที่ 15 ล้านลบ.ม. หลังจากคาดการณ์ว่าน้ำจะเต็มเขื่อนอีกสามวันข้างหน้า โดยวันที่ 10 ต.ค. ระบายน้ำ 6 ล้านลบ.ม. วันที่ 11 ต.ค. 9 ล้านลบ.ม. วันที่ 12 ต.ค. 12 ล้านลบ.ม. และวันที่ 13 ต.ค. เป็นต้นไป ระบายน้ำคงที่ วันละ 15 ล้านลบ.ม. จนกว่าจะมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง คาดว่าภายใน 2 วันนี้ น้ำจะเต็มความจุร้อยละ 100 ของความจุอ่าง และอีก 7 วันข้างหน้าจะมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ 520 ล้านลบ.ม. ทำให้ต้องมีการเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งการระบายน้ำสูงสุดที่ 15 ล้านลบ.ม. จะเป็นการระบายผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้ง 3 เครื่อง ยังไม่เปิดสปิลเวย์ ขณะที่ปริมาณน้ำในลำน้ำพองพื้นที่ใต้เขื่อน มีความจุ 35 ล้านลบ.ม. หากมีการระบายเพิ่มจะไม่ส่งผลกระทบน้ำล้นตลิ่งแต่อย่างใด

เมืองโคราชท่วมหนัก
ขณะที่ นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ได้แจ้งเตือนสถานการณ์ลำน้ำชีล้นตลิ่ง เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว และฝนตกหนัก อาจทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขัง พร้อมเน้นย้ำให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดจุดเสี่ยงบริเวณลุ่มน้ำต่ำริมแม่น้ำ เตรียมความพร้อมในการอพยพและเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงได้ทันท่วงที

ด้านเขตเทศบาลนครนครราชสีมา จ.นครราชสีมา และพื้นที่ข้างเคียง หลังเกิดฝนตกหนักนานกว่า 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น. จนเริ่มซาลงเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน ทำให้มีน้ำท่วมขังหลายจุด ทั้งที่บริเวณรอบหนองแก้ช้าง ชุมชนพาณิชเจริญ หนึ่งในชุมชนเขตเทศบาลนครนครราชสีมาที่มีสวนสาธารณะแห่งใหญ่อีกแห่ง ขณะที่ พระสงฆ์ออกเดินบิณฑบาตท่ามกลางสายฝน

ส่วนจุดวิกฤตอีกจุดที่เชื่อมต่อกับเขตเทศบาลนครนครราชสีมา คือ บริเวณสามแยกจักราชจะอยู่ในเขตเทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมือง มวลน้ำฝนที่ตกสะสมได้ไหลมาตามท่อระบายน้ำและมารวมกันที่บริเวณสามแยกหัวทะเล จนน้ำเอ่อล้นท่วมพื้นผิวจราจรเพราะระบายน้ำไม่ทัน โดยบางจุดมีระดับน้ำสูงถึง 40 ซ.ม. ทำให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์สัญจรผ่านด้วยความยากลำบาก รถติดสะสมยาวกว่า 3 ก.ม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ต้องจัดกำลังลงพื้นที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรเพื่อเร่งระบายรถ

ขณะที่บริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี (มทส.) นครราชสีมา และสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มีระดับความสูงกว่าพื้นที่ของตลาดเซฟวัน ตลาดกลางคืน และตลาดเทิดไท ตาลคู่ กระแสน้ำได้ไหลบ่าท่วมขังพื้นที่ตลาดและถนนทางเข้าหมู่บ้านการเคหะแห่งชาติและเอ่อล้นท่วมบนถนนทั้งเส้นทางคู่ขนานและทางหลักของทางหลวงหมายเลข (ทล) 2 ถนนมิตรภาพ ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 50 ซ.ม.

กาญจน์เตือน 2 อำเภอน้ำบ่า
ที่จ.กาญจนบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผวจ. ปฏิบัติราชการแทนผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้มีประกาศเรื่องเฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำในจ.กาญจนบุรี มีพื้นที่เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่ม ระหว่างวันที่ 9-15 ต.ค. รวม 2 อำเภอคือ อ.ทองผาภูมิ และอ.ศรีสวัสดิ์ จึงกำชับให้ให้ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินสถานการณ์ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำ น้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้รีบแจ้งเตือนภัยประชาชนในพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ เตรียมพร้อม และแผนเผชิญเหตุ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน