คิวต่อไป-ริยาด พบกลุ่มอาหรับ มีผลแล้วรถไฟ20บ.ตลอดสายเส้นสีแดง-ม่วง
‘นายกฯ เศรษฐา’ บินถึงปักกิ่งแล้ว เริ่มเยือนจีนอย่างเป็นทางการ จับเข่าประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางตามคำเชิญ ขณะเดียวกันก็มีโอกาสหารือกับประธานาธิบดี ‘ปูติน’ ของรัสเซียที่อยู่ระหว่างเยือนจีนเช่นกัน จากนั้นเหินฟ้าไปกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ มีคิวพบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศอาหรับหลายประเทศ ฝันเป็นจริงชาวอีสานตอนบน ครม.อนุมัติสร้างรถไฟทางคู่ส่วนที่ 2 ขอนแก่น-หนองคาย ส่วนคนกรุง-ชานเมืองก็ได้เฮ เคาะแล้ว 20 บาทตลอดนั่งสายรถไฟสีม่วง- สีแดงมีผลทันทีหลังครม.มีมติ
เศรษฐานั่งเทสลาไปถกก.ตร.
เมื่อเวลา 07.40 น.วันที่ 16 ตค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานก.ตร.เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 11/2566 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อเทสลา รุ่นโมเดลวาย สีขาว เลขทะเบียน 2 ขพ 5171 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์ของที่บ้าน
เยือนจีน-ถกสายแถบเส้นทาง
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ เวลา 13.00 น. นายเศรษฐา กำหนดการเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ตามคำเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงจะเดินทางต่อไปยังกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 16-21 ต.ค.
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในส่วนของการเข้าร่วมการประชุม BRF ซึ่งเป็นการประชุมที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญนั้น จะเป็นโอกาสให้นายกรัฐมนตรีเพิ่มความ เชื่อมั่นต่อนักลงทุนจีน และทั่วโลก ในด้านความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของไทย โครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในการเดินทางครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบหารือกับผู้นำและบุคคลสำคัญหลายท่านของจีน ได้แก่ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างไทย-จีน ให้แน่นแฟ้น และได้เสริมสร้างความร่วมมือที่ ใกล้ชิด ทั้งด้านการค้า การลงทุน ความเชื่อมโยง และความสัมพันธ์ระดับประชาชน
ถกสุดยอดอาเซียน-อ่าวอาหรับ
โฆษกรัฐบาลกล่าวถึงการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ครั้งที่ 1 ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อาเซียนและ GCC ซึ่งมีสมาชิก ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน กาตาร์ คูเวต และโอมาน จะได้หารือถึงแนวทางในการ ส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ทั้งเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาค
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะเน้นผลักดันความร่วมมืออาเซียน-GCC และไทย-GCC ที่สำคัญ ได้แก่ เรื่องการค้าการลงทุน การพัฒนาที่ยั่งยืนและวาระสีเขียว รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาค
‘ภูมิธรรม’ย้ำดีเดย์ดิจิทัล 1 ก.พ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการจัดทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่าง ในเรื่องรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะอนุกรรมการ 2 คณะว่า ตนจะรายงานให้ นายกฯ รับทราบรายชื่อและจะลงนามแต่งตั้งประธานคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะ เพื่อปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยประธานคณะอนุรับฟังความเห็น มีนายนิกร จำนง เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย มีนายวุฒิสาร ตันไชย เป็นประธาน ทุกคนพร้อมทำงานอยู่แล้ว
นายภูมิธรรม ยังให้สัมภาษณ์กรณีที่กระแสสังคมเห็นด้วยและคัดค้านกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการดำเนินนโยบายหรือไม่ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้าน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกเรื่อง โดยรัฐบาลรับฟังและนำมาวิเคราะห์ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เท่าที่อยู่ในเงื่อนไขและไม่เสียหลักการที่จะใช้เงินส่วนนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาวะที่กำลังยากลำบาก ยืนยันว่าไม่กระทบและจะเดินหน้าทำงานต่อ และยินดีที่จะปรับปรุงรายละเอียดตามข้อเสนอแนะนโยบายดังกล่าวจะเริ่มได้ภายในวันที่ 1 ก.พ.2567 ตามที่นายกฯ ได้พูดไว้
นายกฯนั่งเทสลาประชุมครม.
เมื่อเวลา 09.25 น. นายเศรษฐาเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยยังคงใช้รถยนต์ไฟฟ้าคันเดิม เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ในเวลา 10.00 น.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมวันนี้เปลี่ยนรถมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า นายเศรษฐากล่าวว่า เดือนพ.ย.จะไปเจรจากับบริษัทเทสลา ก็เอาใจเขาหน่อยว่าที่บ้านมีใช้เหมือนกันและเป็นรถไฟฟ้าด้วย ซึ่งช่วยในเรื่องสิ่งแวดล้อม และเหมาะกับสภาพบ้านเราด้วย ขับได้ดีอัตราเร่งดี และการเข้าออกรถด้วยความที่ตนเป็นคนตัวสูง ก้มหัวก็ง่ายกว่ารถเบนซ์เอสคลาสประจำตำแหน่ง แต่อาจจะแข็งไปนิดนึง
ต่อข้อถามว่า แสดงว่ารัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเรื่องของรถไฟฟ้า นายเศรษฐากล่าวว่า สนับสนุนต่อเนื่อง เพราะอุตสาหกรรมรถอีวี ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลที่จะต้องเชิญชวนให้เขาเข้ามาลงทุน และการที่เราช่วยกันใช้ถือเป็นสัญญาณที่ดี เมื่อถามว่าในส่วนของบริษัทเทสลาจะมีสิทธิพิเศษอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องของสิทธิพิเศษมีเท่าๆ กันหมด เราไม่สามารถเอาใจใครได้ แต่มั่นใจว่าข้อเสนอของเราน่าจะเหนือกว่าเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีรัฐมนตรีลาประชุม 2 คนคือ 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ 2.นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง
อนุมัติ 20 บาทสายสีแดง-ม่วง
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ว่า มีเรื่องที่น่ายินดี ในที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้ทำการศึกษาเรื่องแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการที่จะเชื่อมต่อโลจิสติกส์ทั้งหมดของทั่วโลกได้ เป็นการให้ความมั่นใจของต่างชาติที่จะมาลงทุนและสร้างโรงงานต่างๆ ในประเทศไทย อันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ ครม.ได้เห็นชอบให้สามารถทำการศึกษาต่อได้ นอกจากนี้ ครม.อนุมัติปรับราคาค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย รถไฟชานเมืองสายสีแดง เส้นทางจากบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่าทำได้เร็วกว่าที่คาดไว้ นายเศรษฐากล่าวว่า แล้วแต่คนมอง แต่ถ้ามองอย่างนี้ตนก็ดีใจ เพราะบางคนบอกว่ายังทำไม่ได้ทั้งหมด บางคนมีความคาดหวัง อยากให้ทำให้หมดในเวลาเดียวกัน แต่วันนี้ทำได้แค่นี้ อะไรทำได้ก็ทำก่อน ประชาชนจะได้ใช้ก่อนในเวลาที่เหมาะสม เมื่อถามว่า ค่ารถไฟฟ้าสายอื่นๆ จะมีแผนดำเนินการเมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ โดยให้นายสุริยะเป็นผู้ให้รายละเอียด
นายเศรษฐากล่าวว่า ครม.เห็นชอบขยายเวลาวันพำนักให้นักท่องเที่ยวรัสเซียชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน จากเดิม 30 วัน เริ่มวันที่ 1 พ.ย.66-30 เม.ย.67 เป็น 1 ในโครงการที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า รัสเซียเป็นประเทศที่หนาวมากในฤดูหนาว และเมื่อเขามาไทยไม่ได้มาแค่เดือนเดียว เนื่องจากช่วงเวลาฤดูหนาวเขายาวมาก ตั้งแต่เดือน ธ.ค.-มี.ค. ฉะนั้น เราอยากให้เขาอยู่นานๆ ตนจึงเห็นด้วย เพราะถือเป็นเรื่อง ที่ดี ตนจะไปคุยกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียด้วยในคราวนี้ เป็นการแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อทั้งสองประเทศ จะได้ไปเจรจาหลายๆ เรื่องได้ดีขึ้น
นายเศรษฐากล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันนี้กระทรวงพลังงานได้รายงานเรื่องน้ำมันเบนซิน ซึ่งตนสั่งการไปว่าให้ รมว.พลังงาน ไปดูเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือภาคส่วนที่เปราะบาง และรมว.พลังงานมีการรายงานความคืบหน้ามาแล้ว โดยกระทรวงพลังงานเสนอมา 2 แนวทาง ซึ่งยังไม่ค่อยโดนเท่าไร จึงให้ไปเสนอแนวทางที่ 3 มา เพื่อให้เป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกครั้ง
มั่นใจดิจิทัลไม่ซ้ำรอยจำนำข้าว
นายเศรษฐากล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่นายกฯ ขอให้ประชาชนส่งเสียงสนับสนุน ทำให้มีบางฝ่ายมองเป็นการแบ่งแยกประชาชนหรือไม่ว่า ไม่ได้เป็นการแบ่งแยก ไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่ให้ออกมา บอกกับตน เพราะตนรับฟังเสียงทุกเสียงเช่น ประชาชนบางคนบอกว่า ระยะทาง 4 กิโลเมตร อย่าว่าแต่ 4 กิโลเมตรเลย มองไปไม่มีร้านเลย ตนอยากให้ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะใช้เงินข้ามเขตได้หรือไม่นั้น เรื่องระยะเวลาการใช้เงิน 6 เดือน ตนอยากรับฟังตรงนี้ จะได้เอาสิ่งที่รับฟังไปปรับแค่หนเดียว แต่ยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ดี สำหรับที่มางบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้จะแถลงแค่รอบเดียวให้จบว่าที่มาที่ไปของเงินมาจากไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านท้วงติงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่อยากให้ซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าว นายกฯกล่าวว่า ตนรับฟัง เมื่อถามว่า จะทำให้รัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตลอดทุกเรื่องทุกขั้นตอน เรามีคณะทำงาน มีคณะอนุกรรมการ ตนจึงไม่อยากจะพูดอะไร เพราะยังไม่เรียบร้อย เดี๋ยวจะสร้างความไม่เข้าใจเกิดขึ้น
มีรายงานว่าในวันที่ 17 ต.ค.นายเศรษฐา มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีรัสเซีย นาย วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนจีนและพบหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อกระชับความสัมพันธ์แบบ ‘ไร้ขีดจำกัด’ ระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ประธานาธิบดีรัสเซียจะร่วมการประชุมหนึ่งแถบ-หนึ่งเส้นทาง ที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค.
อู๊ดด้าติงปลุกม็อบหนุนดิจิทัล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาส่งเสียงต่อต้านการคัดค้านการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตว่า ถ้าเอาเงินไปแจก ส่วนใหญ่ใครก็เอา ไม่ต้องไปถามหรือไปส่งเสียงให้เขาออกมาหนุน แต่ต้องบอกด้วยว่าเงินที่จะเอาไปแจกเป็นเงินของประเทศ ที่ประชาชนจะต้องแบกรับภาระร่วมกันในอนาคต ไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายเศรษฐา คนที่เห็นต่างจึงมีสิทธิ์แสดงออก เพราะจะเป็นภาระกับเขาในอนาคตด้วย และประชาชนไม่ได้ออกมาเรียกร้องแต่แรกว่าต้องการเงินหมื่นบาท แต่เป็นเรื่องพรรคการเมืองที่ไปเสนอให้เพื่อแลกกับคะแนนตอนหาเสียง และเมื่อได้เสียงมาแล้วก็จำเป็นต้องทำ แต่ต้องทำบนความรับผิดชอบของพรรคการเมืองนั้นๆ ที่เป็นต้นคิด รวมทั้งรัฐบาลที่ไปผูกมัดไว้เป็นนโยบายด้วย
“หากเกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต จะไปโทษประชาชนหรือโทษคนอื่นไม่ได้ การไปปลุกประชาชนที่เห็นด้วย ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับฝ่ายที่เห็นต่างจึงเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการปลุกประชาชนออกมาชนกันแล้ว ยังเหมือนไปเอาประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคตให้กับพรรคการเมืองและรัฐบาลด้วย ซึ่งคนมีวุฒิภาวะไม่ควรทำ” นายจุรินทร์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณาญัตติการติดตามการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พัฒนาเศรษฐกิจ สภา ผู้แทนราษฎรนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมแล้ว โดยกมธ.มีมติให้เชิญกระทรวงการคลังและผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มาให้ข้อมูลกับกมธ.ในวันที่ 19 ต.ค. เวลา 09.30 น. เท่ากับว่านอกจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ธปท. และนักวิชาการจากหลายสถาบันกำลังติดตามแล้ว กมธ.ของสภาได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
‘มนพร’ชงรฟ.ทางคู่เฟส 2
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยก่อนการประชุมครม.ว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของสายสีม่วงและสายสีแดง และหลังจาก ครม.อนุมัติ ถ้าระบบพร้อม สามารถดำเนินการได้ทันที และหลังการประชุม ครม. ตนจะเดินทางไปตรวจระบบด้วยตนเอง ซึ่งได้ฟังจากผู้ว่าฯ การรฟม. ระบบมีความพร้อมแล้ว ฉะนั้นช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้น่าจะใช้ได้ทันที
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่สอง ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 ก.ม. ให้ ครม.พิจารณา ส่วนจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างเท่าไหร่นั้นต้องดูผลจากการสำรวจ EHIA หรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ว่า จะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการนี้จะเป็นการเพิ่มเส้นทางการขนส่งเชื่อมต่อกลุ่มอินโดจีน ทั้งสปป.ลาว และจีน โครงสร้างเชื่อมโยง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและค่าขนส่งสินค้าไปสู่ตลาดและประเทศจีน
สุริยะลงพื้นที่ตรวจความพร้อม
ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นายสุริยะ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อม การดำเนินนโยบาย Quick win ลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ระยะทาง 23 ก.ม. จำนวน 16 สถานี และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน (สายธานีรัถยา) ระยะทาง 26 ก.ม. 10 สถานี และช่วงบางซื่อ-รังสิต (สายนครวิถี) ระยะทาง 15 ก.ม. 4 สถานี ในอัตรา 20 บาทตลอดสายว่า หลังจากที่แถลงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เมื่อวันที่ 12 ก.ย. จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 38 วัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2566 ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบนโยบายดังกล่าว โดยมีผลเริ่มใช้ทันที จากเดิมที่มีการประกาศว่าจะใช้ได้ภายใน 90 วัน หรือเพื่อมอบเป็นของขวัญ ปีใหม่ให้ประชาชน คาดว่าในวันแรกของการให้บริการในอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท จะมีผู้โดยสารรวมประมาณ 1 แสนคน-เที่ยวต่อวัน แบ่งเป็น รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายสีม่วง 7 หมื่นคน-เที่ยวต่อวัน จากในปัจจุบันที่มี ผู้โดยสารใช้บริการ 6 หมื่นคน-เที่ยวต่อวัน และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง 3 หมื่นคน-เที่ยวต่อวัน จากในปัจจุบันที่มีผู้โดยสารใช้บริการ 2.5 หมื่นคน-เที่ยวต่อวัน
คาด 1 พย.เชื่อมตั๋วได้ทั้ง 2 ระบบ
นายสุริยะ กล่างต่อว่าส่วนการโดยสารข้ามระบบระหว่างสายสีม่วงและสีแดง ยังต้องเสียสองต่อเนื่องจากระบบยังแยกกันอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงระบบให้เชื่อมโยงข้อมูลกัน คาดว่าในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะเชื่อมระบบข้ามสายได้โดยมีอัตราสูงสุดอยู่ที่ 20 บาทตลอดสายต่อไป ส่วนเส้นทางรถไฟฟ้าสายอื่นๆ นั้น หลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะแต่งตั้งคณะกรรมการเจรจาร่วมกับภาคเอกชน เพื่อดำเนินการนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้ครอบคลุมโครงข่ายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในทุกเส้นทาง ตามเป้าหมายภายใน 2 ปีนับจากนี้ต่อไป
ส่วนความคืบหน้าเรื่องพ.ร.บ.ตั๋วร่วม ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างกระทรวงคมนาคมเตรียมเอกสารเสนอคณะเสนอครม. และสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา คาดว่าจะเสนอให้พิจารณาได้ภายในปี 2566 เมื่อพ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่าน จะเป็นเครื่องมือในการเจรจากับเอกชนและจะสามารถจัดตั้งกองทุนหารายได้ชดเชยให้กับผู้ประกอบการได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ
‘อิ่ม’ปลื้ม-ทำสำเร็จได้ตามหาเสียง
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ถึงสถานีเตาปูน และสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อถึงสถานีรังสิต โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมได้นำเสนอต่อที่ประชุม ครม.วันนี้ และทันทีที่ ครม.อนุมัติ นายสุริยะพร้อมด้วยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย สก.พรรคเพื่อไทย และอดีต ผู้สมัคร สส.กทม.พรรคพท.ได้มาร่วมตรวจสอบความพร้อมการให้บริการรถไฟฟ้าในราคาค่าโดยสารใหม่ 20 บาทที่สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ หรือสถานีกลางบางซื่อด้วย
น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคพท.ได้ประกาศหาเสียงในนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พี่น้องประชาชนตอบรับเป็นอย่างมาก และอยากให้พรรคพท.เร่งดำเนินการเป็นเรื่องแรกๆ เพราะลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ เมื่อพรรคพท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11-12 ก.ย.ที่ผ่านมา มาจนถึงวันนี้ ใช้เวลาเพียง 34 วันทำได้จริง และประชาชนพอใจ เป็นความหวังที่ต้องการเห็นนโยบายอื่นๆ สำเร็จตามมา การปรับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง จากเดิมประชาชนต้องจ่าย 14-42 บาท และสายสีแดง 12-42 บาท มาเป็นราคาเดียว 20 บาท ช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้เป็นอย่างมาก ทำให้พี่น้องประชาชนตอบรับนโยบายของพรรคพท.ตามที่ได้หาเสียงไว้ และติดตามเฝ้ารอนโยบายอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมายที่จะทยอยตามมา
ปิยบุตรบี้ก.ก.กับปมสส.ฉาว
วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุ Piyabutr Saengkanokkul-ปิยบุตร แสงกนกกุล เรื่อง “ความรุนแรงทางเพศ คือ ปัญหาของทุกคน” ว่า จากประเด็นเรื่องข้อร้องเรียนปัญหาความรุนแรงทางเพศที่กระทำโดยผู้สมัครและสส.ของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หลายกรณีที่เป็นข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลมีการพูดถึงประเด็นเหล่านี้น้อยมากอย่างไม่น่าเชื่อ และยังล่าช้าอีกด้วย
พร้อมกันนี้ นายปิยบุตรได้เสนอแนะ พรรคก้าวไกลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สอบสวนโดยคณะกรรมการที่เป็นกลาง อิสระ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือรู้จักมักคุ้นกับผู้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม ไม่ใช่คิดแต่ “ผลลัพธ์ทางการเมือง” การกลัวหรือกังวลใจกับภาพลักษณ์ของพรรคจนไม่กล้าตัดสินใจ จนปิดเรื่องซ่อนเอาไว้ หรือ “ซื้อเวลา” ออกไปเรื่อยๆ พรรคมีแต่เสียหาย
(อ่านรายละเอียดหน้า 7)
ไอติมน้อมรับความเห็นปิยบุตร
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนาย ปิยบุตรให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง สส.ภายในพรรค ถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศว่า พรรคก้าวไกลน้อมรับความเห็นของนายปิยบุตร เชื่อว่าเป็นความเห็นที่มีเจตนาดีที่จะทำให้พรรคก้าวไกลทำได้ดียิ่งขึ้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีหลายประเด็นของนายปิยบุตรที่สอดคล้องกับมาตรการที่พรรคก้าวไกลได้ประกาศไป 3 มาตรการ ได้แก่ การปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการวินัยให้มีสัดส่วนของคนนอกที่ไม่ได้เป็นสส. และเป็นผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงไม่ได้เป็นเพศชายมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการปรับปรุงมาตรการดังกล่าวจะทำให้คณะกรรมการทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พอมีคนนอกมาแล้วอะไรที่มีความเชี่ยวชาญ จะทำให้ลดข้อครหาหรือข้อกังวลได้ถึงกรณีคนในตรวจสอบกันเอง
ข้อที่สอง เรามีแผนในการทบทวนกระบวนการตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายตั้งแต่รับเรื่องร้องเรียนไปจนถึงการดำเนินการ รวมถึงการลงโทษในกรณีที่มีการ กระทำผิด ว่าเราจะทำอย่างไรให้ทุกขั้นตอน ทุกกระบวนการมีความรวดเร็วและมีประสิทธิ ภาพมากที่สุด เพื่อป้องกันไม่เกิดความล่าช้าโดยไม่จำเป็น
ข้อที่สาม เรื่องความเข้มข้นในการอบรมบุคลากรพรรค ไม่ว่าจะเป็นการขยายจำนวนผู้เข้าร่วมในการอบรมให้ครอบคลุมไม่ใช่เพียงแค่ สส. หรือผู้ช่วย สส. แต่ครอบคลุมบุคลากรทุกระดับ รวมถึงการเพิ่มความถี่ เพิ่มรูปแบบในการอบรม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลาในการอบรมมาทบทวนรายละเอียด ซึ่งหลักสูตรการอบรมทั้งหมดก็จะนำมาใช้ในการคัดกรองบุคลากรด้วย
อดิศรแนะก้าวไกลฟอกตัวก่อน
ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิปรัฐบาล ว่า สำหรับสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มมาในวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. อีก 1 วัน เพื่อชดเชยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาญัตติต่างๆ ที่ค้างอยู่ คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนกรณีที่ได้ข่าวว่าพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 นั้น ตนคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานมาเพียง 1 เดือน มีผลงานมากมายตามที่ปรากฏต่อพี่น้องประชาชน การจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นสิทธิ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เมื่อมีคะแนนเสียงครบ และมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องดูกาลเทศะ และช่วงเวลาว่าเหมาะหรือไม่ในการที่จะยื่น โดยขอให้ข้อสังเกตว่า การจะยื่นซักฟอกใคร ควรจะยื่นซักฟอกตัวเองให้ขาวสะอาดก่อน การมาศาลต้องมาด้วยมือสะอาด เป็นหลักของกฎหมายทั่วไป
“ผมได้ยินว่าท่านกำลังซักฟอก ไม่ว่าจะเรื่องคุกคามทางเพศ หรือเรื่องอื่นใด ตามที่เป็นข่าว ขอให้ซักฟอกให้ขาวสะอาด แล้วค่อยมาเจอกันในศึกไม่ไว้วางใจ จะดีกว่าไหม ก็ยินดีครับไม่ว่าจะยื่นเมื่อไหร่ ทางรัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ท่านก็พร้อม ตั้งแต่ทำงานมา ผมว่าท่านยังไม่มีเวลาพักผ่อนเลย” นายอดิศรกล่าว
ชมปชป.ฝีมือเหนือชั้นกว่า
นายอดิศรกล่าวต่อว่า เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ทางรัฐบาลก็ไม่ได้เกรงกลัว พร้อมจะตอบทุกคำถามที่ท่านสงสัย สามารถอธิบายในทางการเมืองได้ทั้งหมด ตนก็เคยเป็นฝ่ายค้านโดยอาชีพเหมือนกัน หากมีข้อสงสัยใดๆ ก็ซัดมาเลย เพื่อไม่ให้รัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ต่อ ไม่ต้องมาเล่นโวหาร แต่ถ้าเป็นข้อมูลลอยๆ ก็จะไม่สมกับญัตติไม่ไว้วางใจ และย้ำว่า ขอให้ซักฟอกตัวเองก่อน และตนก็อยากรู้ผลของการซักฟอกด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ หากเกิดขึ้นในพรรคการเมืองขนาดใหญ่
นายอดิศรกล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องน่าห่วงมาก เพราะว่ามีประสบการณ์ โดยฝีไม้ลายมือแล้วส่วนตัวมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าพรรคก้าวไกลหลายขุม แต่มวยใหญ่เขาจะไม่ออกอาการ
“นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ธรรมดานะ ถ้าวันดีคืนดี นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นมานี่ สนุกไปเลย แต่จะมีสาระ” นายอดิศรกล่าว
‘พีมูฟ’พอใจผลเจรจา-ยุติม็อบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าชี้แจงกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ที่ปักหลักราวเดือนเพื่อเรียกร้องเชิงนโยบาย 10 ด้าน หลังทราบว่ามติคณะรัฐมนตรีให้ตั้งคณะอนุกรรมการทำงาน 7 คณะ โดยร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ทราบว่าเรื่องหลีเป๊ะกับบางกลอย มติครม.รับทราบแล้ววันนี้ และถ้าจะต้องตั้งคณะกรรมการทำงานก็เป็นคำสั่งนายกฯ จะตั้งทันทีเลยไม่ได้
“การทำงานในรัฐบาลชุดนี้ขอให้พวกเราสบายใจได้ เพราะนายกฯท่านเข้าใจ รัฐมนตรีท่านอื่นๆ ก็เข้าใจ เอาเป็นว่ามันไม่ยากกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว ผมไม่ได้ว่าใครเลย พอผมได้มาสัมผัสกับพวกเราก็เหมือนแก้ปัญหาร่วมกัน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ด้านตัวแทนพีมูฟกล่าวว่า เรารู้สึกพอใจในการหารือและการมาครั้งนี้ และยังชื่นชมในนายกรัฐมนตรีที่เรามาแค่ 1 เดือน ก็สามารถแก้ปัญหาบางอย่างได้ เช่น ปัญหาค่าไฟแพง น้ำมันแพง ดังนั้นเราก็เชื่อว่าร.อ.ธรรมนัสที่เป็นตัวแทนรัฐบาลมาช่วยรับฟังและแก้ไขปัญหาเรื่องที่เราเรียกร้องไปนั้นจะได้รับการแก้ไข ฉะนั้นหลังจากมี่เราได้รับทราบว่ามีการจะตั้งอนุกรรมการ 7 ชุด ภายใน 30 วัน เพื่อศึกษาในการแก้ไขปัญหาใน 10 ด้านที่เราเรียกร้อง ซึ่งก็จะได้มีอะไรที่เดินหน้าคืบหน้าต่อไป
ทั้งนี้มีกำหนดการหารือและสรุปผลของการหารือระหว่างกลุ่มพีมูฟและรองเลขาธิการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ต.ค. และหลังจากนั้นเวลา 14.00 น. กลุ่มพีมูฟจะเดินทางกลับภูมิลำเนา พร้อมการเฝ้าติดตามการทำงานอนุกรรมการทั้ง 7 คณะ ที่จะตั้งขึ้นมา
เศรษฐาถึงปักกิ่ง-รับอบอุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของนายเศรษฐา ในการเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for Inter national Cooperation-BRF) ครั้งที่ 3 และการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 16-19 ต.ค.นี้ ตามคำเชิญของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 16 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเวลาที่กรุงปักกิ่งเร็วกว่ากรุงเทพมหานคร 1 ชั่วโมง) นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง โดยมีนายหู เหอผิง รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว พร้อมด้วย นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายอรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง ให้การต้อนรับ โดยมีเด็กชาวจีน มอบช่อดอกไม้แก่นายกรัฐมนตรี พร้อมการแสดงต้อนรับ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งไปยังโรงแรมไชน่า เวิลด์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก
เตรียมลดราคาเบนซินทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมกลับไปพิจารณาแนวทางการปรับลดราคาค่าน้ำมันเบนซิน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เบื้องต้นจะทำให้เทียบเคียงกับการลดราคาน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน สำหรับการประชุมครม.ครั้งนี้ กระทรวงพลังงานรายงานรายละเอียดมาแล้วเบื้องต้น 2 ทางเลือก และได้นำมารายงานให้กับที่ประชุมครม.รับทราบแล้ว แต่ยังไม่โดนและครอบคลุมการช่วยเหลือตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้ โดยทางเลือกแรก คือ การช่วยเหลือกลุ่มผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เหมือนที่ทำมาก่อนหน้านี้ โดยใช้เงินเดือนละ 95 ล้านบาท ส่วนทางเลือกที่ 2 คือ การช่วยเหลือขยายจากผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพิ่มไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยใช้เงินเดือนละ 4,000 ล้านบาท
“กระทรวงพลังงานได้มารายงานข้อเสนอ 2 มาตรการเมื่อเช้า ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะนโยบายของรัฐบาลต้องลดราคาน้ำมันในภาพรวมไม่ใช่ช่วยเหลือเป็นกลุ่มๆ จึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำรายละเอียดโดยให้เพิ่มทางเลือกที่ 3 คือลดราคาน้ำมันเบนซินในภาพรวมแบบน้ำมันดีเซล ซึ่งจะนำมาเสนอครม.ต่อไป” นายพีระพันธุ์กล่าว
นายพีระพันธุ์กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้นำเรื่องนี้ไปรายงานในที่ประชุมครม.รับทราบแล้ว ว่าวันนี้มีการรายงานความคืบหน้าว่ามี 2 ทาง ซึ่งส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะไม่เป็นไปตามนโยบายที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ว่าจะลดราคาเบนซินให้ได้ราคาต่ำสุดของน้ำมันเบนซิน ส่วนภาระค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุนมากแค่ไหน รัฐบาลจะตัดสินใจอีกครั้ง แต่ตอนนี้ขอให้เสนอมา โดยเมื่อเสนอครม.แล้ว ครม.ก็เห็นด้วยว่าเอาแนวทางเลือกที่ 3 คือ ลดราคาน้ำมันเบนซินทั้งระบบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป้าหมายที่จะลดราคาน้ำมันเบนซิน จะทำได้แค่ไหน นายพีระพันธุ์ระบุว่า เป้าหมายตั้งใจว่าลดให้ไม่น้อยกว่าดีเซล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้ง เช่น ลดลงประมาณ 2.50 บาทต่อลิตร เป็นต้น แต่ตัวเลขชัดๆ คงต้องไปหารือก่อนว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงวิธีการดำเนินการด้วยว่า จะใช้กลไกไหน ทั้ง การใช้กลไกของการลดภาษีสรรพสามิต หรือ ใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
เมื่อเวลา 13.24 น. นายเศรษฐาได้ทวิตเตอร์ Srettha thavisin ถึงกรณีที่มีการพาดหัวข่าวระบุว่า เศรษฐา ปัดข้อเสนอกระทรวงพลังงาน ช่วยราคาเบนซิน ชี้ยังไม่โดนว่า “ผมไม่ได้ปัดครับท่านรัฐมนตรีนำมาเสนอแล้วท่านเองก็บอกว่ายังไม่โดนจะกลับไปพิจารณาใหม่และหาแนวทางอื่นมาผมแค่เห็นชอบครับเดี๋ยวจะเข้าใจท่านรัฐมนตรีผิดครับ ท่านพยายามทำงานหนักอยู่เพื่อหาแนวทางที่ให้ประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน”
ตั้งชัยเกษม-นิพัทธ์กุนซือนายกฯ
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตามที่กระทรวงการ ต่างประเทศเสนอ แต่งตั้ง นายชวรัชต์ อุรัสยะนันทน์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ของนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.เป็นต้นไป
ครม.เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน 8 ราย ดังนี้ 1.นายพงศกร อรรณนพพร 2นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา 3.นายนิยม เติมศรีสุข 4.นายวัชรพล โตมรศักดิ์ 5.นางลีลาวรรณ กาญจนจารี 6.นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ 7.ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร และ 8.น.ส.ศิรินันท์ ศิริพานิช โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอ จำนวน 4 ราย ดังนี้ 1.นายชัยเกษม นิติสิริ 2.พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก 3.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ 4.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ และแต่งตั้งตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ดังนี้ 1.พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน 2.พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ ทองเพียร 3.นายอรัญ พันธุมจินดา 4.นายมติชน ชูทับทิม
นอกจากนั้นแต่งตั้ง น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2566 เป็นต้นไป
ครม.อนุมัติแต่งตั้ง-สลับ5อธิบดี
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ นายนฤชา ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงตามที่กระทรวงแรงงานเสนอจำนวน 2 ราย ดังนี้ 1.นายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการจัดหางาน 2.นางโสภา เกียรตินิรชา ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นต้นไป
ครม.เห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูงตามที่กระทรวงพลังงานเสนอจำนวน 6 ราย ดังนี้ 1.น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 2.นายสมภพ พัฒนอริยางกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง 3.นายวรากร พรหโมบล ผู้ตรวจราชการกระทรวง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ 4.นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน 5.นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 6.นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ทบ.แจงรูป‘บิ๊กทิน’นั่งบนปืน
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้ให้ความสนใจการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติของคณะนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ในโอกาสตรวจเยี่ยม กองบัญชาการกองทัพบกอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ซึ่งกองทัพบกได้เชิญ รมว.กลาโหม เยี่ยมชมห้องโหมรอนราญ เป็นห้องนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทหารตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ อันเป็นเกียรติภูมิและพัฒนาการทางทหารที่สำคัญของกองทัพบกผ่านทางการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในราชการแต่ละยุคสมัย
ภายในห้องโหมรอนราญมีพื้นที่จัดแสดงปืนแก๊ตลิ่ง (Gatling gun) ซึ่งเริ่มสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในราชการสมัยรัชกาลที่ 5 กองทัพบกได้เชิญ รมว.กลาโหม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จุดนี้เป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพสำหรับการต้อนรับคณะบุคคลทั้งในประเทศและมิตรประเทศ อาทิ คณะหลักสูตรผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร คณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร คณะรองผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิก คณะผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ และคณะผู้บัญชาการทหารบกมาเลเซีย
จากนั้น รมว.กลาโหมได้เยี่ยมชมห้องจอมทัพไทย ซึ่งเป็นห้องนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของพระมหากษัตริย์ในฐานะจอมทัพไทยผ่านทางการจัดแสดงธงชัยเฉลิมพล เริ่มใช้ในราชการของกองทัพบกเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของทหารตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา หลังจากนั้นรมว.กลาโหมได้สักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หล่อด้วยสัมฤทธิ์ขนาดเท่าพระองค์จริง ซึ่งประดิษฐาน ที่ห้องพระบารมีปกเกล้าฯ แล้วเยี่ยมชมคทาจอมพลซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคทาจอมพลให้แก่ทหารเพื่อสื่อถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ ทรงมีต่อทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ
กองทัพบกให้ความสำคัญแก่การเสริมสร้างความรู้ด้านประวัติศาสตร์ทหารให้แก่กำลังพลและประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรำลึกถึงความกล้าหาญความเสียสละของคนในชาติซึ่งธำรงไว้ซึ่งแผ่นดินมาตุภูมิมาจนถึงปัจจุบัน โดยพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติเปิดให้เยี่ยมชมในวันเวลาราชการ สามารถติดต่อได้ที่กรมยุทธการทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2297-7380 และ 0-2297-8058
มท.หนูเร่งศึกษาเปิดผับถึงตี 4
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.กรณีที่ครม.มีมติขยายวีซ่าให้ชาวรัสเซีย พำนักในประเทศไทย ว่า กระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และมีหน้าที่ทำให้ทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าชาวต่างชาติที่เข้ามาเป็นท่องเที่ยว ไม่ใช่คนที่อยู่เกินวีซ่า
นายอนุทินกล่าวกรณีการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น.ว่า กำลังศึกษาและยังไม่ได้บอกว่าจะขยายเวลาเปิดถึงกี่โมง ต้องพิจารณาเป็นรายโซนกับประชาชน ต้องดูว่าโซนใดที่ทำแล้วไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ และเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ จึงจะดำเนินการ ขณะนี้กรมการปกครอง กระทรวงการคลัง และจังหวัดต่างๆ ร่วมกันศึกษาอยู่ โดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้เตรียมข้อมูลเสนอให้นายกฯ พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะนำร่องในพื้นที่ใดบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า ต้องเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยว และต้องตีกรอบไว้ให้ชัดเจน ต่อข้อถามว่าจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าใดก่อนเสนอครม. นายอนุทินกล่าวว่า ไม่น่าจะใช้เวลานาน โดยต้องมีข้อมูลและเหตุผลที่จะอธิบายได้ว่า พื้นที่ใดทำได้ พื้นที่ใดทำไม่ได้ เมื่อถามว่าจะพิจารณาได้แล้วเสร็จก่อนเดือนธ.ค.นี้หรือไม่เนื่องจากจะเป็นช่วงไฮซีซั่น นายอนุทินกล่าวว่า จะพยายามให้เสร็จทันก่อน