‘รมช.ชาดา’ สั่งลูกเขยโชว์สปิริตทางการเมืองสละเก้าอี้นายกเล็กหลังได้ประกันตัว คดีถูกจับรีดสินบน สายตรง ‘ผู้การเต่า’ ดำเนินคดีเต็มที่ตามกฎหมาย ‘มท.หนู’ ไม่ไว้หน้าลั่นโง่เอง ชี้ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนนายกฯ เศรษฐา เผยตกใจหลังรู้ข่าว แต่ยืนยันไม่ว่าลูกหลานใครหาก ทำผิดไม่มีไว้หน้า
จากกรณีตำรวจ บก.ปปป., บก.ป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. จับกุม นายวีระชาติ รัศมี อายุ 45 ปี นายก เทศบาลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พร้อมพวก หลังร่วมกับพวกใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่ควรทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างระบบท่อน้ำประปา ก่อนกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 4 แสนบาท ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวน บก.ปปป. มีความเห็นอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เพราะมีหน้าที่การงาน ที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และไม่มีพฤติกรรมในการหลบหนี โดยจะ นัดหมายให้มาเข้าพบอีกครั้งเมื่อสำนวนคดีเสร็จสิ้น เพื่อส่งตัวไปยัง ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ต.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. เผยว่า จากการเข้าตรวจค้น บ้านพักพื้นที่เป้าหมายต่างๆ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา สามารถเก็บพยานหลักฐานได้มากพอสมควร รวมถึงข้อมูลโทรศัพท์มือถือของกลุ่มผู้ต้องหา แต่ยังมีบางส่วนต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังต้องเร่งหาวิธีการที่จะทำอย่างไรให้ จ.อุทัยธานี ไร้ผู้มีอิทธิพล เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าทำงานได้
“เมื่อคืนนี้พูดคุยกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ได้บอกกับผมว่าให้ทำทุกอย่างไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และรับปากว่าจะไม่ให้ตัวผู้ก่อเหตุเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดอย่างกระทรวงมหาดไทยว่า อยากให้รับลูกต่อจาก บก.ปปป. เพราะหลังจากที่มีการจับกุมเจ้าที่รัฐที่มีการทุจริต อยากให้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานต่างๆ อีกทั้งยังขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐและ นักการเมืองท้องถิ่นที่มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่น ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย หาก วันใดที่ ตำรวจ ปปป. ไปหาท่านถึงที่นั่นหมายความว่าเรามีหลักฐานพร้อมดำเนินคดีแล้ว” ผบก.ปปป. กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องการอนุญาตให้กลุ่มผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะยื่นประกันได้ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าหากในอนาคตมีการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐในลักษณะ ดังกล่าวจะไม่ให้ประกัน เพื่อป้องกันการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม จำเป็นจะต้องดูเป็นรายกรณีไปถ้าผู้ใดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่มีพฤติกรรมใช้อิทธิพลข่มขู่พยานจะให้ประกันตัว แต่ถ้ามี ผู้ที่ได้รับการประกันตัวแล้วเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานจะขออำนาจศาลในการคัดค้านการประกันตัว
“ส่วนในอดีตที่มีการจับกุมนายชาดานั้น เป็นผลสืบเนื่องจากยุทธการฟ้าสาง ที่ สะแกกรัง จ.อุทัยทานี เป็นการปราบปราม ผู้มีอิทธิพล เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีเหตุการณ์ยิงกันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายรายในวงไฮโล ทั้งยังพบว่ามีความ ขัดแย้งของผู้มีอิทธิพลสองกลุ่ม คือกลุ่มซากุระและกลุ่มของนายชาดา การระดมกวาดล้างผู้อิทธิพลในครั้งนั้นดำเนินคดี นายชาดาในข้อหามีอาวุธสงครามในครอบครอง ทั้งยังมีการพูดคุยกันส่วนตัวว่าอย่าให้มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นี้ ซึ่งหลังจากนั้นอุทัยธานีมีความขัดแย้งภายในจังหวัดลดลงไปพอสมควร ทั้งนี้ ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการ กลั่นแกล้งแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ จากการที่มีประชาชนเข้ามาร้องเรียนเพียงเท่านั้น” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
วันเดียวกัน ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผยว่า ได้เห็นข่าวตกใจเช่นกัน แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย แต่ยืนยันว่าถ้ามีความผิดต้องจัดการไปตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของรัฐมนตรีท่านใดก็ตาม เรื่องนี้ขอยืนยัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นคนในครอบครัวของรัฐมนตรี จำเป็นจะต้องมีการรับผิดชอบโดยลาออกเพื่อแสดงสปิริตหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่ไปถึงขนาดนั้นเพราะไม่รู้ว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยและต้องดูว่ามีความผิดมากน้อยแค่ไหนเพียงไร เรื่องนี้ต้องดูด้วย และอย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้น
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าว นายชาดาและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รายงานให้ทราบบ้างหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้มีการรายงาน แต่ได้ฟังจากที่นายอนุทินให้สัมภาษณ์ และ ถูกต้องแล้วที่ระบุว่าไม่ว่าจะเป็นใครถ้าผิด ต้องจัดการ และไม่แน่ใจว่านายอนุทินพูดจริงหรือไม่ ว่าความจริงแล้วนายชาดาเป็นคนสั่งจัดการเอง ที่ผ่านมา นายชาดาเองพยายาม ที่จะดำเนินการเรื่องการปราบผู้มีอิทธิพล และนายอนุทินบอกเองว่าไม่รู้ว่าท่านเป็นคนสั่งการเองหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ
ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทินกล่าวกรณีเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำเรื่องเช่นนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง แสดงว่าเป็นเรื่องที่ ทุกหน่วยงานเห็นพ้องต้องกัน ว่าต้องกำจัดบทบาทผู้มีอิทธิพลที่ต้องให้เกิดเป็นรูปธรรม การจับผู้กระทำความผิดฮั้วประมูลเป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นหลักอยู่แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ เห็นหรือไม่ว่าไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ถ้าเป็น ผู้มีอิทธิพลต้องไม่โดนจับนั้น นี่เป็นบทพิสูจน์ว่าไม่ว่าใครก็ช่วยไม่ได้ถ้าทำผิดกฎหมาย และไม่มีใครกล้าช่วยด้วย
เมื่อถามว่ากระทรวงจะยกระดับเข้มมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่อยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าทำผิดกฎหมาย และคง ไม่ต้องยกระดับอะไร เพราะภารกิจกระทรวง มท.และหน่วยงานความมั่นคง ต้องปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ มันเป็นนโยบายรัฐบาลเป็นข้อสั่งการของรัฐบาลตั้งแต่เข้ามาเลยว่าไม่ให้มีเรื่องพวกนี้ กรณีนี้เป็นลูกเขยไม่ใช่คนใกล้ตัว ลูกเขยนี่ เขาเลือกกันเอง พ่อตาอย่างมากก็รับสินสอดทองหมั้นก็แค่นั้นจะไปสั่งอะไรได้
เมื่อถามว่าในฐานะเป็นรมว.มหาดไทย จะกำชับในเรื่องนี้อย่างไรโดยเฉพาะในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ต้องกำชับ มันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย คนที่ทำผิดกฎหมายตั้งใจที่จะทำผิดกฎหมาย ถ้าทำแล้ว ถ้ายังเซ่ออยู่ คิดว่าทุกวันนี้การทำผิดกฎหมายไม่มีใครจับได้ เทคโนโลยีสื่อสารไปถึงไหนแล้ว พอจับกุมได้ตรวจโทรศัพท์เห็นเลยว่ามีการเชื่อมโยงกัน
“เพราะฉะนั้นถ้ายังโง่อยู่ เซ่ออยู่ก็ต้องโดนแบบนี้ คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด คนฉลาดก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง สมน้ำหน้าสิ แล้วไงว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ชัดเจนไหมล่ะ โดนไล่ทีวิ่งแบบ แล้วเป็นนักเลงตรงไหน ไม่เห็นมีท่าเลย” รมว.มหาดไทยกล่าว
เมื่อถามนายชาดารายงานแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โทรศัพท์มารายงานเลย บอกว่าหัวหน้าอย่าไปกังวลอะไรเลย ท่านก็เป็นคนบอกเองว่าหลักฐานพร้อมเมื่อไร ท่านผู้ว่าฯ อุทัยธานี พิจารณาสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนที่รัฐสภา นายชาดาเข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการ(กมธ.) การปกครอง เรื่องมาตรการจัดระเบียบสังคมและการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หลังใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงออกมาให้สัมภาษณ์กรณีลูกเขยถูกจับกุมว่า ที่ผ่านมา เคยพูดไว้แล้วว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน ในฐานะรมช.มหาดไทย โทรศัพท์หา ผวจ.อุทัยธานีว่า กรณีอย่างนี้สั่งพักปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีหลายกรณีที่มีลักษณะอย่างนี้ ทางผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์มาหาตน ตนก็โทรศัพท์หารมว.มหาดไทยว่า ให้พักปฏิบัติหน้าที่ เหมือน กรณีอื่นหรือไม่ผวจ.อุทัยธานีบอกว่ากำลัง ดูกฎหมายอยู่ แต่อย่างไรก็คงต้องพักการปฏิบัติหน้าที่
“จำไว้นะครับ ฟังดีๆ นะครับ ใช้สมองคิด การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ เอารองนายกของทีมนั้น ขึ้นมารักษาการแทน ท้องถิ่นแห่งนั้น ก็อยู่แบบซังกะตาย จนกว่าจะครบวาระ ถ้าผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุดก็เข้ามาเป็นต่อ แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ เมื่อวานนี้ลูกเขยผมหลังจากได้รับการประกันตัว ผมก็คุยเลย ลูกเขยผมก็ขอโทษ ผมบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร เราครอบครัวเดียวกัน แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในต.ตลุกดู่” นายชาดากล่าว
รมช.มหาดไทย กล่าวอีกว่า เมื่อนายวีระชาติลาออกกระบวนการต่อไปคือการจัดการ เลือกตั้งใหม่ ใครจะลงสมัครว่ากันไปตามระบบ ถือว่าเป็นมาตรฐานของสังคมไทย ในทางการเมืองท้องถิ่น นายวีระชาติได้ ลาออกเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนตัวถือว่าเมื่อนายวีระชาติลาออกแล้วก็ให้ประชาชนไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่าคดียังไม่สิ้นสุด แล้วไม่ออก ทำให้คนที่ไปจับกุมเสียความรู้สึกว่า จับวันนี้ พรุ่งนี้ไปเป็นนายกต่อ แต่นายวีระชาติมีสิทธิ์ที่จะพักการปฏิบัติหน้าที่ แต่ส่วนตัวเห็นว่าการพักปฏิบัติหน้าที่เป็นการถ่วงความเจริญและไม่มีสปิริตทางการเมือง เป็นการเอาเปรียบพี่น้องประชาชนตำบลตลุกดู่ เมื่อนายวีระชาติลาออก เทศบาลก็จัดการเลือกตั้งได้ทันที นี่คือสิ่งที่ตนทำในฐานะรมช.มหาดไทย และในฐานะที่คนใกล้ชิดมีเรื่อง ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น
“ที่สำคัญจับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ผมทำอย่างไรครับ ด้วยความเคารพจริงๆ ครอบครัวผมไม่มีปัญหาอะไร ผมในฐานะพ่อ ผมต้องโอบกอดลูกผมทุกคน ด้วยความรัก ด้วยความอบอุ่น แล้วเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวผมรักกัน และผมทำหน้าที่ในฐานะรมช.มหาดไทย เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขอร้องอย่างหนึ่งว่า อย่าเอารูปลูกหลานผมมาออกข่าว ทั้งด้อม เอไอ อวตาร ด่าผมด่าไป คุณมีสิทธิ์ด่านายชาดา แล้วแต่มุมมองของคุณ แต่วันนึงคุณจะเสียใจที่ด่าผมเท่านั้นแหละ แต่อย่า เอารูปลูกหลานผมมาออก แล้วมันจะเกิด สงครามโซเชี่ยล ผมหาอวตารไม่เจอ ผมก็ เอาคนที่อยู่เบื้องหน้า วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าวันนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว นายกฯ ก็ปวดหัวทุกวันเรื่องอิสราเอล ไม่ใช่มาด่ากันอยู่ในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์” นายชาดากล่าวทิ้งท้าย