จ่อเคาะค่าจ้างขั้นต่ำธค. โพลชูแจก1หมื่นทุกคนใช้ได้กับร้านค้าทั่วปท. ก้าวไกลถกอีก7พย.ลงมติรอบ2ขับ‘ปูอัด’

ข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐรอลุ้น นายกฯ สั่งศึกษาความเป็นไปได้ปรับอัตราเงินเดือน ให้เร่งรายงาน ครม.ภายในเดือนนี้ โฆษกรัฐบาลแจงเป็นแค่ขั้นตอนศึกษา ยังไม่สรุป ‘พิพัฒน์’ยันเดือน ธ.ค.เคาะค่าแรงขั้นต่ำ เป็นของขวัญปีใหม่ แต่เพิ่มแค่หลักสิบ สิ้นปี 67 อาจได้เห็นแตะ 400 บาท นิด้าโพลเผยผลสำรวจ คนส่วนใหญ่หนุนแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นกับคนทุกกลุ่ม ไม่กำหนดเกณฑ์เงินเดือน ใช้จ่ายผ่านร้านค้าได้ทุกแห่งทั่วประเทศ กก.บห.พรรคก้าวไกลประชุมถกปม ‘สส.ปูอัด’ แถลงไม่ตรงตามมติพรรค ไม่ได้ขอโทษผู้เสียหายอย่างจริงใจ กลับทำร้ายซ้ำ เตรียมเสนอที่ประชุมพรรค ลงมติขับรอบสอง ระหว่างงานสัมมนาพรรค 6-8 พ.ย.

รัฐบาลแจงศึกษาขึ้นเงินเดือนขรก.
วันที่ 5 พ.ย. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ส่งหนังสือถึงกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ศึกษาการปรับอัตราค่าแรง ขั้นต่ำ และเงินเดือนข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และแจ้งครม.ทราบภายใน พ.ย.นี้ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นเพียงข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในที่ประชุมครม.โดยมอบหมายนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือน ไปศึกษาแนวทางสามารถทำได้หรือไม่ ทำได้แค่ไหน โดยให้พิจารณาอย่างรอบด้านและให้รายงานกลับมาให้ทราบเท่านั้น

“เวลานี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเมื่อผลออกมาแล้วนำเสนอให้นายกฯ ก็ยังไม่รู้ว่าแนวทางที่ศึกษาจะทำได้แค่ไหน อย่างไร และอาจทำหรือไม่ทำตามก็ได้ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ยังเป็นเพียงการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้เท่านั้น” โฆษกรัฐบาลกล่าว

นายกฯสั่งเร่งศึกษาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเผยว่า สลค.ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยงานราชการรับทราบข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ในเรื่อง “การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ”

ซึ่งมีสาระสำคัญระบุ ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2566 นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่ารัฐบาลมีนโยบายในการสร้างรายได้ สร้างชีวิตของคนไทยให้มีเกียรติ มีเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นธรรม สอดคล้องและเพียงพอต่อปัจจัยด้านการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีนั้น จึงขอมอบหมาย ดังนี้

1.ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและรายงานผลให้ครม.ทราบโดยเร็ว

เล็งปรับขึ้นเงินเดือนขรก.ด้วย
2.ให้นายปานปรีย์รับไปเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสม และเป็นไปได้ แนวทาง กรอบระยะเวลา และผลกระทบของการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน และรายงานผลให้ครม.ทราบโดยเร็ว ภายในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งครม.พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกฯ เสนอ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ








Advertisement

ก่อนหน้านี้ นายกฯ สั่งการถึงการปรับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ แบ่งเป็น 2 ครั้ง ตามความสมัครใจ โดยให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังรับไปศึกษา ส่วนเรื่องการปรับขึ้นเงินเดือนนายกฯ ให้ไปศึกษาความเหมาะสม โดยดูจากภาวะเศรษฐกิจและการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐด้วย

โพลหนุนจ่าย 1 หมื่นทุกคน
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง “หลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต” สำรวจระหว่าง 31 ต.ค. ถึง 2 พ.ย. 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค รวม 1,310 หน่วยตัวอย่าง

เมื่อถามประชาชนถึงหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบตัวอย่างร้อยละ 50.08 ระบุจ่ายทุกกลุ่มโดยไม่ต้องมีเกณฑ์เงินเดือน หรือเงินฝากในบัญชีมาเป็นข้อจำกัด รองลงมาร้อยละ 26.64 ระบุจ่ายเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 14.66 ระบุตัดสิทธิ์ผู้มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 5 แสนบาท ร้อยละ 8.01 ระบุ ตัดสิทธิ์ผู้มีรายได้/เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 1 แสนบาท ร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านเกณฑ์พื้นที่/รัศมีการใช้จ่าย พบร้อยละ 69.85 ระบุว่าควรใช้จ่ายในร้านค้าใดก็ได้ในประเทศไทย โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่/รัศมี ร้อยละ 14.50 ระบุต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในจังหวัด (ตามทะเบียนบ้าน) ร้อยละ 13.59 ระบุต้องใช้จ่ายใน ร้านค้าภายในอำเภอ (ตามทะเบียนบ้าน) ร้อยละ 2.06 ระบุต้องใช้จ่ายในร้านค้ารัศมี 4 กิโลเมตร (ตามทะเบียนบ้าน)

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงระยะเวลาในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่าร้อยละ 62.60 ระบุต้องใช้จ่ายเงินภายใน 6 เดือน รองลงมาร้อยละ 37.09 ระบุต้องใช้จ่ายเงินภายใน 1 ปี และร้อยละ 0.31 ระบุ ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ธค.ประกาศปรับค่าแรง-แค่หลักสิบ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ว่าเดือนธ.ค.นี้ กระทรวงแรงงานจะประกาศการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แรงงานทั่วประเทศไทย แต่คงไม่ถึงวันละ 400 บาท ตามที่นายกฯเคยประกาศไว้ เพราะเมื่อพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น โดยนำเงินเฟ้อและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาประกอบกัน พร้อมทั้งการเดินสายรับฟังความคิดเห็นของนายจ้างและลูกจ้าง การปรับขึ้นค่าจ้างรอบนี้แต่ละจังหวัดจะปรับขึ้นไม่เท่ากัน โดยปรับสูงสุดคือหลักสิบเท่านั้น

“การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรอบนี้แม้จะไม่เพิ่มถึงวันละ 400 บาท แต่ก็เป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ใช้แรงงาน ขณะเดียวกัน ยังช่วยให้นายจ้างไม่ได้รับผลกระทบ หนักมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีที่มีจำนวนมากอาจต้องปลดแรงงานลงหากปรับขึ้นค่าจ้างขึ้นไปสูงถึงวันละ 400 บาท แต่การปรับขึ้นค่าจ้างงวดต่อไปในช่วงสิ้นปี 2567 อาจจะเห็นค่าจ้าง 400 บาทได้ แต่ก็เป็นการขึ้นเพียงบางจังหวัดเท่านั้น” นายพิพัฒน์กล่าว

บอร์ดค่าจ้างเคาะต้นธค.
นายพิพัฒน์กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดที่มีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงที่สุดในประเทศมี 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ระยอง จ.ชลบุรี จ.ภูเก็ต โดยมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่วันละ 354 บาท รองลงมาคือค่าจ้าง 353 บาท มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เป็นต้น เพื่อให้ได้ตัวเลขที่แท้จริงและเป็นธรรมก่อนจะประชุมคณะกรรมการค่าจ้างหรือไตรภาคีนั้น ล่าสุดได้สั่งการไปยังแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลการจ้างงานในกิจการต่างๆ ในจังหวัด ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ โดยเฉพาะการสำรวจความคิดเห็นของลูกจ้างว่า ต้องการให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมากแค่ไหน ก่อนสรุปข้อมูลมาอีกครั้งภายในปลายพ.ย.นี้

ความคืบหน้าล่าสุดของการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2566 กระทรวงแรงงานประชุมเพื่อทบทวนความเหมาะสมของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้ว โดยแต่ละจังหวัดจะพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้เสร็จภายในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ก่อนส่งผลประชุมมายังคณะกรรมการค่าจ้าง เพื่อพิจารณาในช่วงต้นธ.ค.นี้ ก่อนพิจารณาเห็นชอบอัตราค่าจ้างรอบใหม่ เสนอที่ ประชุมครม.และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

กรุณพลแจงเบรกผช.สส.เคลื่อนไหว
นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีแช็ตหลุดในกลุ่ม ผู้ช่วยสส.พรรค เตือนผู้ช่วยสส.ที่กำลังจะออกจดหมายเปิดผนึก กรณี สส.คุกคามทางเพศ อ้างนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก้าวไกล ให้หยุดแสดงความคิดเห็นในเรื่อง ดังกล่าวไปก่อน เพราะจะกลบการยื่นกฎหมายสำคัญของพรรค ว่า เราไม่ได้ห้ามสส.พูด แต่การแสดงความคิดเห็นต้อง เคารพสส.คนอื่นด้วย เพราะถือว่าเป็น การกดดันให้สส.ที่ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต้องออกมาพูด รวมถึง นายชัยธวัช และพรรคได้ออกหนังสืออย่างเป็นทางการไปแล้วว่าให้นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. แถลงขอโทษ และเยียวยาผู้เสียหายภายในวันที่ 4 พ.ย. เพื่อให้ปรับปรุงตัวและแก้ไขให้ดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าข้อความในส่วนนี้ขาดหายไป

หากจดหมายออกมาก่อน 4 พ.ย. ตนมองว่าไม่ควร ตนได้รับแจ้งว่าทางผู้ช่วยสส.จะทำจดหมายเปิดผนึกจึงเข้าไปเตือน ให้หยุดสื่อสารเรื่องนี้เนื่องจากสื่อสารมามากพอแล้ว ฉะนั้นหากมีผู้ช่วยสส.ออกมาแสดงความเห็น รวมถึงกดดัน ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ให้นายไชยามพวานดำเนินการแก้ไข และการที่ผู้ช่วยสส.เพียงไม่กี่คนผลักดันจดหมายในนามผู้ช่วยสส.ของพรรค ก้าวไกลคงไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากใน แช็ตมีผู้ช่วยสส.เพียง 200 กว่าคนจากผู้ช่วยสส.ทั้งหมด และพรรคก็เตรียมผลักดันกฎหมายหลายฉบับที่สำคัญ การที่มีเรื่องนี้เป็นข่าวอยู่ตลอดเวลา จะทำให้การผลักดันกฎหมายได้รับความสนใจน้อยลง

กก.บห.ถกปม‘ปูอัด’แถลง
“เราให้เวลาเขาไปแล้วแต่ไปกดทับเขาว่าต้องจัดการเดี๋ยวนี้ แล้วจะให้เวลาเขาไปทำไม น้องๆ อาจยังไม่ทันคิดด้วยอารมณ์โกรธ และต้องการให้คนคนนี้ออกไปจากพรรค ผมก็เข้าใจ แต่ในเมื่อที่ประชุมใหญ่ของพรรคมีมติให้ออกมาแบบนี้แล้ว ผู้ช่วยมีหน้าที่สนับสนุน การทำเช่นนี้ถือเป็นการข้ามสายบังคับบัญชา” นายกรุณพลกล่าว

นายกรุณพลเผยว่า วันนี้ กก.บห.พรรคมีการนัดประชุมกัน เนื่องจากครบกำหนดระยะเวลาที่ให้แก้ไขแล้ว เพื่อดูว่านาย ไชยามพวาน ได้แก้ไขตามที่เราขอความร่วมมือไว้หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่พรรคกำหนดจะมีการเรียกประชุมสส.พรรคทั้งหมด เพื่อลงมติว่าจะขับออกจากพรรคหรือไม่

เตรียมใช้เวทีสัมมนาลงมติขับ
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการดำเนินการของพรรค หลังส่งหนังสือถึงนายไชยามพวาน กรณีพรรคมีมติให้แถลงยอมรับผิด-ขอโทษ-เยียวยาผู้เสียหายว่า มติกก.บห.และสส.พรรคขีดเส้นตายในวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าขั้นตอนนี้จบไปแล้ว วันนี้มีการประชุมกก.บห.ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ว่าการแถลงดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุม สส.และกก.บห.หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามมติและเห็นว่าขัดต่อวินัยร้ายแรงถึงขั้นต้องขับออกจากสมาชิกพรรค ก็ต้องเรียกประชุม สส.ร่วมกับ กก.บห.ซึ่งวันที่ 6-8 พ.ย.นี้มีการสัมมนาและประชุม สส.จึงคาดว่าจะมีการหารือกันในเรื่องดังกล่าวและมีมติร่วมกับ กก.บห.พรรค

ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่นายไชยามพวานแถลง ไม่ยอมรับการกระทำความผิดของตัวเอง แต่ตนต้องระมัดระวังการแสดงความเห็นที่อาจกระทบกับข้อกฎหมาย จะพูดก่อนมีข้อสรุปของ กก.บห.พรรคไม่ได้ หลังจากที่มีการดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำความเข้าใจกับสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค รวมทั้งสังคม พร้อมยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำของ สส.ในพรรค แต่พรรคไม่ได้นิ่งเฉย มีกระบวนการตรวจสอบและพิจารณาโทษ ก็อาจทำให้ประชาชนเห็นได้ว่าพรรคไม่มีวัฒนธรรมปกปิดเรื่องเหล่านี้และมีมาตรการขั้นเด็ดขาด

กก.บห.ชงที่ประชุมพรรคขับออก
เวลา 13.00 น. กก.บห.พรรคก้าวไกลได้นัดประชุมและลงความเห็นว่า การแถลงข่าวของไชยามพวานเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึก หรือยอมรับว่าพฤติการณ์ของตน เข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ อีกทั้งยังไม่ได้ขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจ ตลอดจนยังได้กระทำการก่อความเสียหายต่อ ผู้เสียหายโดยการเปิดเผยข้อมูลของ ผู้เสียหายด้วย

กก.บห.พรรคจึงมีมติว่า ให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณ เพื่อดำเนินกระบวนการวินัยสมาชิกพรรคต่อไปตามข้อบังคับพรรค โดยมีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือการพิจารณาขับพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคในที่ประชุมร่วมกันระหว่าง สส.และกก.บห.พรรค ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เร็วสุดในวันที่ 6 พ.ย.

นัดลงมติ7พย.-ส่อขับปูอัดแน่
แหล่งข่าวจากพรรคก้าวไกล เผยความคืบหน้าการนัดประชุม กก.บห.พรรคและ สส.โดยจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ย. เพื่อขอมติที่ประชุมขับนายไชยามพวาน ที่ถูกตัดสินว่าคุกคามทางเพศทีมงานหญิง 3 ราย ซึ่งกรรมการวินัยและ กก.บห.พรรคเห็นตรงกันว่านายไชยามพวาน ไม่ได้แถลงข่าวยอมรับผิดและขอโทษจากใจจริงตามหนังสือคำสั่ง กก.บห. เสียงส่วนใหญ่ในพรรครอบนี้คาดน่าจะเห็นตรงกันขับนายไชยามพวานออกจากพรรค

ขณะที่ วันที่ 6 พ.ย. เวลา 11.30 น. นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี อดีตพรรคก้าวไกล จะแถลงเปิดใจอีกรอบ โดยแจ้งว่าต้องการแถลงข่าวที่รัฐสภา พร้อมเปิดหลักฐานความขัดแย้งกับผู้ช่วย สส.ที่เป็นผู้ช่วยของ กก.บห.พรรครายหนึ่ง ซึ่งเข้ามาวินิจฉัยกรณีของตน โดยเชื่อว่าความขัดแย้งนี้เป็นต้นเหตุให้พรรคมีมติขับออก มองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองและไม่เป็นธรรมกับตน

วิโรจน์ฉะอีก-ไม่สำนึกผิด
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวกรณีกระแสกดดันทั้งจากภายในพรรคและสังคมให้ นายไชยามพวาน ลาออกเนื่องจากเจ้าตัวยังไม่แถลงยอมรับผิด ทางพรรคจะประชุมเพื่อมีมติอีกครั้งหรือไม่ ว่า สิ่งที่นายไชยา มพวานแถลงไม่ได้เป็นไปตามมติ กก.บห.พรรค และการแถลงไม่ได้เป็นการยอมรับผิด ซ้ำยังใช้การแถลงเปิดเผยข้อมูล ผู้เสียหาย ทำให้ได้รับความทุกข์เพิ่มและเดือดร้อนอย่างมาก เบื้องต้นทางหัวหน้าพรรคก็ยืนยันว่า กก.บห.ได้ยื่นข้อเสนอให้นายไชยามพวานดำเนินการ สุดท้ายก็ ไม่ได้ปฏิบัติตาม ท่าทีที่ออกมาไม่ใช่การสำนึกผิด การโค้งคำนับเป็นเพียงการแสดงเพื่อปฏิเสธการรับผิด ไม่ได้เป็นการแสดงความเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ได้ เป็นการขอโทษสังคมหรือผู้เสียหาย และ ยังมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายคุกคามผู้เสียหาย ซ้ำ และสร้างบาดแผลให้ครอบครัว ผู้เสียหายเพิ่ม

“กรรมการบริหารพรรคคงมีการพิจารณาโดยเร็วที่สุด หากไม่มีข้อมูลเป็นอื่นคงจะมีมติให้ที่ประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรคพิจารณาร่วมกันในการขับนายไชยามพวานพ้นจากสมาชิกภาพพรรคก้าวไกล” นายวิโรจน์กล่าว

ลงพื้นที่ – นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพในเฟซบุ๊ก ขณะลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวบ้านหลังชุมชนบางมด เขตจอมทอง ท่ามกลางข่าวฉาวคุกคามทางเพศ จนถูกเพื่อน สส.ในพรรครุมกดดันให้ลาออก เมื่อวันที่ 5 พ.ย.

ปูอัดเมินกดดัน-ลงพื้นที่
วันเดียวกัน นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ เฟซบุ๊กระบุ “นำวัชพืชบริเวณคลองบัวหลังชุมชนบางมดออกเรียบร้อย คลองบัวหลังชุมชนบางมดไม่เคยได้มีการนำวัชพืชออกมานานนับหลายปี ส่งผลให้น้ำระบายออกช้าและส่งกลิ่นเหม็นต่อพี่น้องประชาชน

ผมได้ประสานไปยังสำนักงานเขตจอมทอง ต้องขอขอบคุณสำนักงานเขตจอมทองที่เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว”

เสียใจดินไหวเนปาล
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า “ผมขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของประชาชนและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวรุนแรงในเขตจาจาร์โกต และรูกุม ในเนปาล เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.2566 ชาวไทยขอเป็นกำลังใจให้กับชาวเนปาลและพร้อมให้การช่วยเหลือเนปาลเพื่อฟื้นฟูจากภัยพิบัติได้โดยเร็ว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน