มอบตัว-ปฏิเสธ ผบช.ภ.4รุดรพ.เยี่ยมดูแลเหยื่อ

บช.ภาค 4 รุดเยี่ยมดญ.ม.2 วัย 13 ปี ที่พักรักษาตัวใน ร.พ.ขอนแก่น หลังมีอาการหวาดผวาเหม่อลอยจนย่าผิดสังเกต สอบถามจนรู้ว่าถูกโชเฟอร์รถตู้ที่จ้างให้ พาไปส่งพ่อ-แม่ที่กรุงเทพฯ มอมยาขืนใจ แพทย์ระบุ ผลตรวจพบถูกล่วงละเมิด แต่เด็กยังผวาหนักให้การอะไรไม่ได้ พฐ.ตรวจหาหลักฐานในรถตู้และเก็บดีเอ็นเอโชเฟอร์ไว้เป็นหลักฐานหลัง เข้ามอบตัว รองผบ.ตร.แจงปมภูธร-นครบาลอ้างจุดเกิดเหตุไม่ชัดเจนโยนกลองกันไปมา ลั่นตำรวจขอนแก่นต้องรับทำคดีก่อน หากพบเชื่อมโยงท้องที่อื่นค่อยประสานงานกัน ไม่เช่นนั้นโดนเชือด ม.157

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พ.ย. พล.ต.ท. สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภาค 4 พร้อม พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เข้าเยี่ยมอาการและพบกับ ผู้ปกครองของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่พักรักษาตัวใน ร.พ.ขอนแก่น เนื่องจากถูกโชเฟอร์รถตู้มอมยาขืนใจระหว่างเดินทางจากบ้านพักในพื้นที่ อ.แวงน้อย ไปหาพ่อและแม่ที่กรุงเทพฯ ระหว่างปิดภาคเรียน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.อนุวัตร เผยความคืบหน้าทางคดีว่า ดำเนินการส่งตัวเด็กไปตรวจพิสูจน์และเข้ารับการรักษาตัวที่ ร.พ.ขอนแก่น โดยพนักงานสอบสวนสอบปากคำ ผู้ปกครองเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ด.ญ.ผู้เสียหาย เดินทางไปอยู่กับพ่อ-แม่ช่วงปิดเทอมในพื้นที่บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ หลังกลับ มาบ้านมีอาการป่วย ผิดปกติ หลังสอบถาม ด.ญ.เล่าให้ฟังว่าคนขับรถตู้ได้ล่วงละเมิด ย่าจึงพาเข้าแจ้งความที่สภ.แวงน้อย และพ่อแม่เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สน.บางกอกใหญ่ หลังทราบเรื่องล่าสุดพนักงานสอบสวนส่งตัวเด็กไปพบแพทย์และเข้ารับการรักษาตัวที่ ร.พ.ขอนแก่น เบื้องต้นแพทย์ระบุสภาพจิตใจของเด็ก ยังไม่ดีและยังให้การอะไรไม่ได้ โดยบก.ภ.จว.ขอนแก่นประสานงานไปยัง สน.บางกอกใหญ่ ได้รับทราบและขอให้ เชื่อมั่นว่าตำรวจจะดำเนินการเต็มที่ตามกระบวนการทางกฎหมาย

“ขณะนี้คนขับรถตู้พยายามที่จะติดต่อ เข้ามาพบกับตำรวจ และไม่มีพฤติกรรม หลบหนี ส่วนในอำนาจการสอบสวนต้องให้ สน.บางกอกใหญ่ เป็นคนดำเนินการ โดยจากการประสานงานเบื้องต้นคนขับรถตู้ให้การปฏิเสธ แต่ยังไม่มีการเข้ามารายงานตัวกับตำรวจแต่อย่างใด ส่วนรถตู้จะตรวจสอบ หลักฐานตามกระบวนการ แต่ทั้งนี้ขอให้ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ตามพยานหลักฐาน และรอให้น้องเอให้การได้จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนได้” ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าว

ขณะที่ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.ร.พ.ขอนแก่น กล่าวว่า เท่าที่สังเกต พบเด็กยังมีความผิดปกติอยู่ ไม่ดีขึ้น และไม่พร้อมที่ให้ข้อมูล โดยหลังจากเกิดเหตุ ด.ญ.ผู้เสียหายเล่าเหตุการณ์ให้ย่าฟัง มีอาการไม่ดี ซึมเศร้า ย่าจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน แพทย์ชุมชนเห็นความผิดปกติทางด้านจิตใจจึงส่งต่อไปที่สถาบันเด็กราชนครินทร์ จิตเวชเด็ก และวัยรุ่น จ.ขอนแก่น ก่อนจะส่งมาตรวจร่างกายที่ ร.พ.ขอนแก่น

“วันนี้ตรวจคลื่นสมองและตรวจร่างกายอย่างละเอียด เท่าที่ตรวจดูยังไม่พบปัญหาทางกาย ไข้สมองอักเสบก็ไม่พบ เหลือเพียง 1-2 รายการ ที่ยังไม่ได้ตรวจ ขณะเดียวกัน ศูนย์พึ่งได้ (OSCC) ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ความรุนแรง เข้ามาดูแลด้วย ปัญหาตอนนี้คือเด็กยังไม่พร้อมให้ข้อมูลใดๆ อย่างไรก็ตาม ร.พ.ขอนแก่นไม่ใช่โรงพยาบาลที่รับการรักษาโดยตรง เพราะคนไข้ถูกส่งต่อมาเนื่องจากจิตเวชไม่มีความพร้อมด้านเครื่องมือ หากตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติจะส่งกลับ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจอีก 1-2 วัน น่าจะเสร็จ เรื่องนี้ละเอียดอ่อนจึงต้องดำเนินการ ด้วยความละเอียดรอบคอบไม่ให้กระทบจิตใจเด็กมากไปกว่านี้ ส่วนข้อมูลต่างๆ ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้มากกว่านี้” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว

วันเดียวกัน นายภานุเดช ลิ้มอารีย์ นายอำเภอ แวงน้อย พร้อมตำรวจสภ.แวงน้อย และผอ.ร.พ.แวงน้อย รวมทั้งหน่วยงาน ด้านสหวิชาชีพ ลงพื้นที่พบกับนางสวย (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ย่าของด.ญ. ผู้เสียหาย ให้กำลังใจครอบครัว พร้อม เผยว่า หลังทราบเรื่องส่งเจ้าหน้าที่ลง พื้นที่มาพบกับครอบครัวของผู้เสียหาย ต่อมาทราบว่า ตำรวจส่งตัวให้แพทย์ ร.พ. แวงน้อย ตรวจร่างกายในเบื้องต้น พบถูก ล่วงละเมิดทางเพศจริง ส่วนอาการสติแตก และเบลอหลงลืมนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่าง การตรวจสอบทางการแพทย์ ขณะนี้น้องถูกส่งตัวไปรักษาที่ ร.พ.ศูนย์ขอนแก่นแล้ว ในทางการดูแลและเยียวยาครอบครัว ผู้เสียหาย โดยเฉพาะย่ามีแพทย์จากร.พ. แวงน้อย เข้ามาดูแลสภาพจิตใจทุกวัน ส่วนทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ และตำรวจ สภ.แวงน้อย เร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย








Advertisement

ส่วนที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ภาค 4 จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย คุมตัวนายเดช (ขอสงวนนามสกุล) โชเฟอร์รถตู้ที่ถูกกล่าวหา นำรถตู้ส่งให้เจ้าหน้าที่พฐ.ตรวจหาพยาน หลักฐานเชื่อมโยงในคดี และตรวจเก็บดีเอ็นเอของโชเฟอร์ไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยยืนยันให้การปฏิเสธ

พ.ต.อ.สมมาตย์ เผยว่า คดีดังกล่าว การสอบสวนหลักอยู่ที่ สน.บางกอกใหญ่ ในส่วนของ สภ.แวงน้อย ประสานการทำงานและเร่งรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ ผู้ที่ถูกกล่าวหา เข้าพบตำรวจสภ. แวงน้อย พร้อมรถตู้คันที่รับและส่งด.ญ.ผู้เสียหาย ล่าสุดตำรวจ ได้ส่งรถตู้ไปตรวจสภาพรถ เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน ที่ ศพฐ.4 ขอนแก่น รวมทั้งตรวจดีเอ็นเอ คนขับรถตู้ด้วย นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปที่ร.พ.ขอนแก่น เพื่อเยี่ยมและดูอาการด.ญ.ผู้เสียหาย และฟังผลการรักษาจากแพทย์ว่ามีอาการอย่างไรบ้าง สามารถให้ปากคำได้หรือไม่ การเก็บหลักฐานต่างๆ รวมถึงผลการรักษา เมื่อผลออกมาจะส่งให้พนักงานสอบสวนสน.บางกอกใหญ่ รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวต่อไป

ด้านน.ส.หนิง (นามสมมติ) ภรรยาของโชเฟอร์ผู้ถูกกล่าวหา นำสมุดบันทึกการ เดินทางของลูกค้าเมื่อวันที่ 1 ต.ค. มาแสดงว่า ในวันดังกล่าวมีผู้โดยสารเต็มคันรถ และสามีเป็นคนขับ โดยพ่อของเด็กหญิงติดต่อมาให้ไปรับและเดินทางกลับใน 30 ต.ค. จริง แต่ในส่วนของเหตุการณ์ ที่มีการกล่าวอ้างนั้นรู้สึกตกใจ หลังจากที่ทราบข่าวรีบสอบถามสามี ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้ก่อเหตุ เพราะหากเป็น เรื่องจริง ทำไมผู้เสียหายไม่แจ้งความ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. แต่ปล่อยให้ผ่านมานาน 1 เดือน เชื่อใจว่าสามีไม่ได้ก่อเหตุ เพราะประกอบอาชีพรถตู้รับจ้างเป็นอาชีพหลัก มานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาครอบครัวด.ญ. รายดังกล่าว เรียกใช้บริการมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยทางพ่อของเด็กหญิงเป็นคนที่โทร.ติดต่อมาเพื่อให้ไปรับตัว เพื่อเดินทางมายังกรุงเทพฯ

ขณะที่ นายปริญญา หัสดินทร์ ณ อยุธยา หน.กลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดขอนแก่น เข้าตรวจสอบเอกสารของรถตู้คันที่ใช้ในวันเกิดเหตุ พบว่าเป็นรถตู้โตโยต้า หมายเลขทะเบียน 33-8316 กรุงเทพมหานคร จดทะเบียน ขอเป็นรถโดยสารไม่ประจำทางถูกต้องตาม พ.ร.บ. ขนส่งทางบก มีการต่อทะเบียนถึงปี 2567

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รองผบ.ตร. เปิดเผยกรณีเด็กหญิงวัย 13 ปี นักเรียน ชั้น ม.2 ถูกโชเฟอร์รถตู้มอมยาในน้ำดื่มข่มขืนจนสลบคารถ ก่อนที่ผู้เสียหาย จะไปแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ที่แรก และแจ้งความที่ สน.บางกอกใหญ่ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. แต่ตำรวจทั้งสองโรงพักให้เหตุผลว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบปากคำผู้เสียหายได้ ทำให้ครอบครัวผู้เสียหายกังวลใจเกรงว่า ผู้ก่อเหตุจะทำลายพยานหลักฐานภายใน รถตู้และหลบหนีไปและครอบครัวจะ ไม่ได้ความเป็นธรรมในที่สุด

พล.ต.ท.ธนากล่าวว่า เรื่องดังกล่าว มีการพูดคุยกันระหว่างบช.น.และบช.ภาค 4 แล้ว โดย สภ.แวงน้อย ต้องเป็นผู้รับแจ้งความ ขณะนี้ทราบว่ามีการดำเนินการรับแจ้งความไว้แล้ว โดยพนักงานสอบสวนและสหวิชาชีพจะร่วมสอบปากคำ ผู้เสียหายที่ทราบว่ายังรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ. ในจังหวัดขอนแก่น แพทย์ต้องตรวจร่างกาย แม้ว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถ ชี้ชัดได้ว่าเกิดเหตุอยู่พื้นที่ใด แต่เบื้องต้นต้องให้สภ.แวงน้อย ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่หากพบว่ามีความ เชื่อมโยงกับพื้นที่ใด สภ.แวงน้อย ต้องประสานไปยังพื้นที่เกิดเหตุนั้นๆ เพื่อ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

พล.ต.ท.ธนากล่าวทิ้งท้ายว่า ได้กำชับพนักงานสอบสวนทุก สน.-สภ.ทั่วประเทศว่า หากประชาชนไปแจ้งความไม่ว่า เกิดเหตุพื้นที่ไหน ต้องรับแจ้งความไว้ก่อน หากไม่ดำเนินการจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน