เทสล่ามา28พย.ดูพื้นที่สร้างโรงงาน นิดชวนนักธุรกิจร่วมทริปจับคู่การค้า ขอบคุณ‘ธนินท์’เชียร์แจกหมื่นดิจิทัล

นายกฯ ‘เศรษฐา’ ขอบคุณ ‘เจ้าสัวธนินท์’ สนับสนุนดิจิทัลวอลเล็ตแจก 1 หมื่น พร้อมรับฟังทุกความเห็นต่าง ย้ำตอนนี้เศรษฐกิจวิกฤตแล้ว ประกาศเดินสายต่างประเทศมาถูกทางแล้ว ดึงนักลงทุนไม่ใช่แค่ลมปาก ชวนนักธุรกิจไทยร่วมทริปจับคู่การค้า เผย 28 พ.ย.นี้ ผู้บริหารเทสล่าบินดูพื้นที่สร้างโรงงานผลิต แจงดราม่าใช้คำไม่สุภาพระหว่างพบคนไทยในสหรัฐ ด้านเพื่อไทยตีปี๊บผลงานนายกฯ ดึง 15 บริษัทยักษ์ใหญ่มาลงทุนสำเร็จ ยกระดับเศรษฐกิจประเทศ ‘อนุทิน’ชื่นชม‘เศรษฐา’ทำงานเร็ว ลั่นพรรคร่วมหนุนแจกเงินดิจิทัล วิปรัฐบาล เผยสภาถกร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านทันทีที่รัฐบาลส่งให้ มั่นใจผ่านแน่ ‘อิ๊ง’ เร่งดันของดีแต่ละจังหวัด รวมถึง ‘หมูกระทะ’ เป็นซอฟต์เพาเวอร์

เศรษฐาลั่นหลายบริษัทสนใจไทย
เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางกลับจากการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12-19 พ.ย.

จากนั้นนายเศรษฐากล่าวสรุปผลการเข้าร่วมการประชุมเอเปคและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องว่า มีการพบปะผู้บริหาร และบริษัทเอกชนชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ทราบกันดีอยู่แล้วว่าบริษัท ไมโครซอฟท์และกูเกิ้ล ได้ลงนามเอ็มโอยูที่จะลงทุน ไม่ใช่บริษัทละแสนล้านบาท แต่เป็นบริษัทละหลายแสนล้าน โดยระยะเวลาการลงทุน 1-10 ปี น่าจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นอย่างน้อย รวมกันแล้วก็หลายๆ แสนล้าน ถือเป็นยินดี เพราะ 2 บริษัทนี้ถือว่าใหญ่ระดับโลก

เทสล่าจ่อบินดูพื้นที่สร้างโรงงาน
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้เข้าเยี่ยมบริษัทเทสล่า และพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัทเทสล่า โดยสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยและมาตั้งโรงงานการผลิต ซึ่งผู้บริหารระดับสูงบอกว่าไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว และไทยเป็นประเทศเดียวที่เขากำลังคุยด้วยอยู่ ซึ่งเขาขอทำการบ้านภายในแล้วจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ การตั้งโรงงานต้องใช้ที่ดินเยอะ เพราะเป็นโรงงานผลิตที่มีกำลังผลิตสูงมาก โดยในวันที่ 28 พ.ย. ผู้บริหารระดับสูงบริษัทเทสล่า จะเดินทางมาดูพื้นที่สร้างโรงงานในประเทศไทย ซึ่งมีคนนำเสนอทำเล 3 แห่งด้วยกัน และตนยังเชิญชวนผู้บริหารบริษัทเทสล่าไปงานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในซอฟต์เพาเวอร์ของไทย ก็จะมีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ทั้งนี้ ถือว่าการพูดคุยกับบริษัทเทสล่าประสบความสำเร็จอย่างสูง

เผยเตรียมเข้าเฝ้าจักรพรรดิญี่ปุ่น
นายเศรษฐากล่าวถึงการเข้าร่วมการประชุมที่เกี่ยวข้อง และการพบปะหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่างๆ ว่า ได้พบปะกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกฯญี่ปุ่น โดยหารือทวิภาคีทางด้านการค้า และก่อนที่ตนจะไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 15-18 ธ.ค.นี้ จะพบพูดคุยกับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่อยู่ในไทย เพื่อให้ได้ทางออกที่ชัดเจน และทั้ง 2 ประเทศยังเห็นพ้องต้องกันยกเว้นวีซ่าสำหรับนักธุรกิจ นอกจากนี้ ในการไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เป็นเกียรติของตนที่จะได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิญี่ปุ่นด้วย

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ยืนยันกับนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐว่า ไทยพร้อมเป็นทางเลือกให้บริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐมาตั้งฐานการผลิต และตนได้เชิญนายโจ ไบเดนเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 2567 เพราะไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐ เยือนไทยอย่างเป็นทางการกว่า 10 ปีแล้ว และเห็นได้ว่าหลายประเทศอยากมาลงทุนในไทย








Advertisement

‘ทรูโด’ขอให้ช่วยผลักดันเอฟทีเอ
นายกฯ กล่าวว่า ได้หารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดา แต่ ไม่ได้พูดคุยกันเรื่องถุงเท้า พูดคุยเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยนายจัสตินขอให้ผลักดันเรื่องการลงทุน FTA อาเซียน-แคนาดา ขอให้เราช่วยเร่งอาเซียนให้กระตุ้นการทำงานให้ เร็วขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า ตนได้พบกับนาย สีจิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตนเห็นท่านไปถ่ายรูปกับทีมบาสเกตบอลของสหรัฐ ทีมโกลเด้น สเตต วอร์ริเออร์ส และได้สอบถามว่าท่านชอบเล่นบาสเกตบอลด้วยหรือเปล่า ท่านบอกว่าเป็นคนมือเล็ก แต่ตนดูแล้วว่า ไม่เล็ก จับดูมีพลังและอบอุ่นด้วยความเป็นมิตร

“ผมได้ให้ความมั่นใจว่าประเทศไทยเปิดแล้วและพร้อมรับนักลงทุนจาก ต่างประเทศทุกราย รวมทั้งเปิดโอกาส ให้นักศึกษาใหม่ได้เข้ามาทำงานในประเทศไทย” นายกฯ กล่าว

แจงพูดไม่สุภาพ-ใช้คำว่าขี้ข้า
นายเศรษฐากล่าวว่า ตนมีโอกาสพบชุมชนชาวไทยในสหรัฐ ได้บอกว่าตนในฐานะผู้นำรัฐบาล มีความตั้งใจทำให้ประเทศไทยมีการลงทุนที่สูงขึ้น ฉะนั้น ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยต้องตื่นตัว และให้คนที่ปิดประตูว่าจะไม่กลับประเทศไทยแล้ว ขอให้รู้ว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้า ถ้ามีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น ก็มีโอกาสที่ทุกคนจะกลับมา ช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศได้ จึงเป็นที่มาในโซเซี่ยลมีเดียมาล้อว่า ลูกตนอยู่เมืองนอก ก็เข้าใจดีว่าประเทศเรายังต้องพัฒนา จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ทำให้ตนต้องเดินเข้าสู่เวทีการเมือง เพื่อยกระดับของประเทศให้ดีขึ้น ให้เป็นที่หมายปองของทุกคน อยากให้คนไทยกลับมาทำงานในเมืองไทยกันเยอะๆ

“มีนักศึกษาคนหนึ่งถามผมว่า มีคำแนะนำอย่างไร ผมก็บอกว่า ผมแนะนำลูกผมให้ไปเป็นขี้ข้าเขาก่อน เพราะผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ก็มีดราม่า ไปพูดว่าผมพูดจาไม่สุภาพ ถ้าเผื่อตรงนั้น มีมุมมองเช่นนี้ ผมต้องขอโทษ แต่อันนั้น ผมพูดกับลูกผม เพื่อให้เขาเห็นภาพว่า การไปเป็นลูกจ้างเขาก็ลำบาก เราจบมาใหม่ๆ เราต้องอดทน ผู้บังคับบัญชาพูดจาหรือใช้อะไร อาจไม่ถูกหูเรา แต่เราต้องอดทน บางครั้งอาจใช้ศัพท์แสง ก็เป็นการบริหารความคาดหวังของลูกผมมากกว่า แต่ยืนยันว่าเนื้อหาเหมือนเดิมคือ ถ้าจะถามผมส่วนตัวว่ามีคำแนะนำอะไรให้กับคนรุ่นใหม่ เด็กๆ อยากให้ไปทำงานก่อน อย่าไปทำสตาร์ตอัพก่อนเลย ซึ่งแล้วแต่คนแล้วกัน ถ้าส่วนตัวก็อยากให้ไปทำงานบริษัทใหญ่ๆ สัก 2-3 ปี ไปเรียนเรื่องระเบียบวินัย ไปสร้างคอนเน็กชั่น ไปสร้างเพื่อนฝูงในบริษัทใหญ่ๆ แล้วค่อยออกมาทำงาน ก็เป็นคำแนะนำส่วนตัว ก็เห็นต่างได้ ไม่เป็นไร” นายเศรษฐากล่าว

แจงหอการค้า-เศรษฐกิจวิกฤตจริง
จากนั้นเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เขตบางนา นายเศรษฐากล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย ตอนหนึ่งว่า ตนกลับจากสหรัฐ ได้พบผู้นำและ นักธุรกิจระดับโลกจำนวนมาก ขอนำเรื่องที่ได้ไปพบมาพูด เรื่องแรกดิจิทัลวอลเล็ต มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่จริงๆ แล้วปัจจัยหลักเหลือแค่เร่งด่วนจำเป็นหรือไม่ วิกฤตหรือไม่ รัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วน และสภาพเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะวิกฤต หากบอกว่าวิกฤต จีดีพีต้องติดลบ ก็พูดถูก แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราอยู่บนโลกของการแข่งขันที่สูงมาก ย้อนกลับไปดูจีดีพีของประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้เท่าไหร่ในปีที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับเรา แต่ตนเชื่อว่าเราสามารถไปได้อีก 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการเฉลี่ยของไทยต่ำกว่า 2% อยู่ที่ 1.8

“จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้อาสาเข้ามาแก้ปัญหาแล้วต้องทำให้ได้ 2 เดือนที่ผ่านมาจัดการไปแล้วพักหนี้เกษตรกร ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน รวมถึงการฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่เราดำเนินการ รัฐบาลนี้รัฐมนตรีทุกท่านทำงานหนักเพื่อก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ ดิจิทัลก็เป็นนโยบายหนึ่ง ยืนยันเวทีวันนี้ไม่ได้โน้มน้าว” นายเศรษฐากล่าว

ฟิตจัด – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ร่วมเวทีปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ในโอกาส ครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย ทันทีหลังกลับจากเวทีเอเปคที่สหรัฐถึงประเทศไทย ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา กทม. เมื่อเช้าวันที่ 19 พ.ย.

ดึงนักลงทุน-ไม่ใช่แค่ลมปาก
นายกฯ กล่าวว่า หลังจากไปประชุม เอเปคและไปหลายประเทศทั้งอาเซียนและสหรัฐ เป็นที่ประจักษ์ว่าประเทศไทยเป็นที่ต้องการของชาวโลก ทุกคนอยากมาลงทุนในไทย หรืออย่างน้อยก็มีไทยเป็นตัวเลือก ย้ำว่าการเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่มาเพื่อค้าขาย มีมาตรการต่างๆ มากมายที่จะรองรับนักลงทุน เช่น มาตรการด้านภาษี แต่ปฏิเสธไม่ได้เรื่องของ FTA ประเทศไทยมีการเจรจาเรื่องนี้น้อยมาก ยังคงล้าหลังอยู่ ดังนั้น เรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่จะเดินหน้าเรื่องนี้กับนานาประเทศ

“ลมปากอย่างเดียวไม่สามารถดึงดูดให้นักลงทุนมาลงทุนได้ แต่ต้องเดินทางไปพูดคุยเจรจาและทุกฝ่ายต้องช่วยกัน แม้หลายคนอาจมองว่าการไปประชุมเอเปคไทยประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ผมไม่มองอย่างนั้น ประเทศไทยสามารถก้าวไปได้อีก รัฐบาลจึงต้องมีการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องคมนาคม การขยายสนามบินในพื้นที่เมืองรอง จึงอยากให้ภาคเอกชนเสนอว่าต้องการการสนับสนุนอะไรจากรัฐบาล ยืนยันการพัฒนาเมืองรองเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้จะทำให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้” นายกฯ กล่าว

ชวนนักธุรกิจร่วมทริปจับคู่การค้า
นายกฯ กล่าวว่า กลางเดือนหน้าจะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียน เจแปน การไปครั้งนี้จะไปแสดงความพร้อมของไทยและจะสนับสนุนในทุกด้านสำหรับการลงทุนในไทยของญี่ปุ่น รวมถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าฟรีให้กับนักธุรกิจญี่ปุ่น และยินดีนำนักลงทุนของไทยร่วมคณะไปกับรัฐบาล เพื่อพบกับนั กธุรกิจในประเทศนั้นๆ “ประเทศไทยเปิดแล้ว พวกท่าน พร้อมไหม ถ้าพร้อมแล้วไปด้วยกัน” นายเศรษฐากล่าว

ขอบคุณเจ้าสัวธนินท์หนุนแจกหมื่น
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ สนับสนุนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท แต่ขณะเดียวกันยังมีเสียงต่อต้านการกู้เงินมาใช้ในโครงการว่า ก็รับฟัง พร้อมรับฟังความเห็นต่าง และขอบคุณเจ้าสัวธนินท์ที่ให้การสนับสนุน ซึ่งประเทศเราต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนโยบายหลักของเราไม่ว่าการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เราทำมาแล้ว ทั้งการสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลในระยะสั้นและระยะยาวด้วย รวมทั้งการย้ายถิ่นฐานการผลิตของบริษัทต่างๆ กว่าจะตอกเสาเข็มและมีสินค้าออกไปก็ต้องใช้เวลาหลายปี และ 9 ปีที่ผ่านมาการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอยู่ที่เพียง 1.8% แต่เราต้องการวิธีใหม่ๆ ในการ กระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามย้ำว่ายังมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงินมาใช้ในโครงการ เพราะมองว่าเศรษฐกิจยังเติบโตได้อยู่ ไม่ได้อยู่ในช่วงวิกฤตถึงขนาดจำเป็นต้องกู้เงินนายเศรษฐากล่าวว่า “รับฟัง รับทราบ อย่างที่ผมพูดมาตลอดว่า มันมีอยู่ประเด็นเดียวคือ วิกฤตและจำเป็นหรือเปล่า แต่ผมถือว่าวิกฤต ความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง ค่าแรงขั้นต่ำก็ขึ้นไม่ได้ เพราะธุรกิจเรา รายได้ไม่ขยายตัวขนาดนั้น รายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 300-337 บาท ต่ำมาก ผมก็เห็นใจ ผู้ประกอบการทั้งรายกลางและรายย่อยว่าไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้ เพราะมีหลายๆ เหตุผล กว่า FTA จะเจรจาเสร็จใช้เวลา 1-2 ปี และกว่าเขาจะมาตั้งโรงงานได้ต้องใช้เวลาพอสมควร กว่านโยบายหลายๆ นโยบายจะสำเร็จได้ก็ต้องใช้เวลา และระหว่างนี้เราจะทำอย่างไร ก็ต้องฝากไว้ด้วย”

ยันหลังปีใหม่-นอนทำเนียบแน่
นายเศรษฐากล่าวว่า ยอมรับว่าหลังปีใหม่จะเข้าพักบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อถามว่าได้ฤกษ์แล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ใช่ได้ฤกษ์ แต่ก็ต้องดูฤกษ์อีกที และต้องดูความพร้อมโดยเฉพาะเรื่องระบบน้ำ ที่ต้องพร้อมก่อน โดยจะพิจารณานอนเป็นวันๆ ตามภารกิจ

เมื่อถามว่ากลับจากร่วมประชุมเอเปคก็มาร่วมงานปาฐกถาการสัมมนาหอการค้าต่อเลย ไม่รู้สึกเจ็ตแล็ก ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ ไม่เจ็ตแล็ก”

แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า นายเศรษฐายืนยันเสียงหนักแน่นว่าจะนอนค้างที่ห้องพักภายในตึกไทยคู่ฟ้า เป็นที่พักชั่วคราวระหว่างปฏิบัติราชการ ขณะนี้ในห้องพักยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบน้ำ คาดว่าหลังจากปีใหม่ไปแล้ว นายกฯ จะมานอนค้างคืน และขอให้สื่อเตรียมรองเท้าไว้สำหรับเดิน เพราะนายกฯ อาจใช้เวลาช่วงค่ำลงมาเดินสำรวจสถานที่ เพราะชอบเดินออกกำลังกาย ส่วนสื่อคงไม่ต้องมานอนเฝ้า แต่ถ้าจะมาเดินออกกำลังกายด้วยก็มาได้

ลั่นมีหลายบริษัทสนใจลงทุน
เมื่อเวลา 15.30 น. นายเศรษฐา ทวีตข้อความตอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ และพรรคเพื่อไทย ที่ระบุถึงผลงานของนายกฯ ในการเข้าร่วมเวทีเอเปค ดึง 15 บริษัทยักษ์ใหญ่ ลงทุนไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศ ผลงานนายกฯ เยือนสหรัฐ

โดยนายเศรษฐายืนยันว่า “จะทำต่อไปอีก มีอีกหลายบริษัทที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศของเรา”

เพื่อไทยโชว์ผลงานนายกฯ
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย ได้ทวีตถึงผลสำเร็จของนายกฯ เดินสายเชิญชวนและดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกากว่า 15 บริษัท เพื่อมาลงทุนยกระดับเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่างๆ ไปพร้อมกัน บริษัทต่างๆ แสดงความสนใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้เผยผลสำเร็จการเจรจาดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เกิดขึ้นแล้ว 3 บริษัทคือ Google, Microsoft และ AWS (Amazon Web Services) รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รวมถึง Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) ยักษ์ใหญ่ของโลกได้ยืนยันจะขยายการผลิตชิ้นส่วนในไทยแล้ว

15 บริษัทที่นายกฯ ได้พบหารือ ได้แก่ 1.Tesla 2.HP 3.Analog Devices, Inc. (ADI) เป็นบริษัทผลิตวงจรรวม 4.Google 5.Microsoft 6.Amazon Web Services 7.Walmart บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก 8.Western Digital ผู้ผลิต Hard Disk Drive (HDD) รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 9.Open AI เจ้าของ ChatGPT 10.Apple ไ

11.TikTok 12.Booking.com เจ้าของแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของโลก 13.Citi บริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก 14.Meta และ 15.Nvidia

ขอพร – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และสมาชิกพรรค สักการะพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ก่อนลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนและเปิดสาขาพรรคที่ จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.

อิ๊งหอบคณะเปิดสาขาอุตรดิตถ์
ที่จ.พิษณุโลก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค รวมทั้งสส.พรรค ร่วมลงพื้นที่พบประชาชนชาว จ.พิษณุโลก โดยน.ส.แพทองธาร พร้อมคณะได้สักการะพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง โดยขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เข้ามาทักทาย ให้กำลังใจและขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างอบอุ่น

จากนั้นเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธาร และคณะ เข้าร่วมการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคเพื่อไทย จ.อุตรดิตถ์ โดยน.ส.แพทองธารกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกับชาวอุตรดิตถ์ ขอบคุณที่ไว้วางใจ สส.และเลือกพรรคเพื่อไทยให้มารับใช้ประชาชนมาตลอดซึ่งการเปิดสาขาพรรค จ.อุตรดิตถ์ เพื่อให้ใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น หากมีปัญหาขอให้มาบอกเล่าให้พรรครับทราบ เพื่อรับรู้ว่าปัญหาจริงๆ คืออะไร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เราจะได้รวบรวมและแก้ไขปัญหาโดยด่วน และอะไรที่สำคัญ เราจะผลักดันเป็นนโยบายของพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สำเร็จ ขอให้ประชาชนมีความสุข และรวยขึ้นจากรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

สู่เวทีโลก – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ เยี่ยมชม สินค้าโอท็อป พร้อมผลักดันสร้างซอฟต์เพาเวอร์สู่เวทีโลก ระหว่างเปิด สาขาพรรคพท.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.

ลุยสร้างซอฟต์เพาเวอร์จังหวัด
จากนั้นน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคมีเป้าหมายตั้งสาขาในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้พรรคใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น โดยมีเครือข่ายครอบครัวเพื่อไทยไว้เพื่อให้ประชาชนได้ใกล้กับพรรค ได้สะท้อนปัญหาอย่างแท้จริง เพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ รัฐบาลมีแนวนโยบายสนับสนุนสินค้าของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ สร้างเป็นซอฟต์เพาเวอร์ให้กับประเทศ หากแต่ละพื้นที่มีของดีประจำจังหวัด เราก็อยากสนับสนุน จ.อุตรดิตถ์ก็มีเรื่องอาหารและผลไม้ ก็รู้สึกว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและโอกาส

เมื่อถามถึงกรณีมีแนวคิดจะผลักดัน หมูกระทะเป็นซอฟต์เพาเวอร์ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ต้องการผลักดันเรื่องหมูกระทะ เพราะแค่ความรู้สึกบอกว่าเป็นหมูกระทะ ก็ดึงคนเข้ามาร่วมกันได้ ซึ่งอาหารนั้นหากเราทำให้อร่อยขึ้น สะอาดขึ้น ก็อาจทำให้ชาวต่างชาติเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เราก็ได้เห็นของเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ที่มีอาหารสไตล์จิ้มจุ่มหรือปิ้งย่างนั้นราคาสูงมาก แต่ขอเรา ราคาดีมากๆ ก็อยากสนับสนุน เพราะเรามีสินค้าที่ดี มีวัฒนธรรมที่ดีอยู่แล้ว อีกทั้งอาหารของไทยนั้นได้เปรียบ และสามารถผลักดันเป็นซอฟต์เพาเวอร์ได้แน่นอน ซึ่งหมูกระทะเองในแต่ละจังหวัดก็มีซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนกันด้วย ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง น่าจะสามารถดึงแต่ละจังหวัดให้มาร่วมกันได้ รวมถึงเมนูอื่นๆ ในแต่ละจังหวัดด้วย

เสี่ยหนูชม‘เศรษฐา’ทำงานเร็ว
ที่ไบเทคบางนา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาหอการค้าฯ และมอบรางวัลสำเภาทอง ให้แก่ผู้ว่าฯที่ได้รับรางวัล โดยกล่าวตอนหนึ่งถึงการทำงานร่วมกับนายกฯว่า เห็นถึงความพร้อมจะพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นคนทำงานรวดเร็ว ว่องไวและตัดสินใจเฉียบขาด ทุกเรื่องที่ได้รับนโยบายมาก็สบายใจ ว่า นโยบายหรือ คำสั่งจากนายกฯ เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ได้นึกถึงเรื่องของพรรค ทุกเรื่องคือเรื่องของรัฐบาล

นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ตั้งใจทำนโยบายให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย มั่นใจว่าภารกิจที่ให้สัญญาเอาไว้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้คำยืนยัน จะให้ความร่วมมือกับนายกฯในทุกนโยบาย ที่จะทำให้ประเทศเกิดประโยชน์

เชื่อพรรคร่วมหนุนดิจิทัลวอลเล็ต
จากนั้นนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า ตนให้สัมภาษณ์มาตลอดว่านโยบายของรัฐบาล ถ้าไม่มีสิ่งใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย พรรคร่วมรัฐบาลก็พร้อมให้การสนับสนุน นโยบายที่ปรากฏอยู่ในการแถลงนโยบายของนายกฯต่อรัฐสภา เราต้องสนับสนุน แต่ทุกอย่างมีขั้นตอน ทางหน่วยงานที่เกี่ยวกำลังเร่งหาหนทาง นำมาปฏิบัติให้เร็วที่สุด ต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน อาจต้องมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ด้วย เราต้องดูว่าถ้าไม่มีข้อขัดข้อง หรือขัดแย้งกับกฎหมาย เราก็ต้องสนับสนุน

28 พย.แถลงแก้หนี้นอกระบบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางที่นายกฯ จะให้มหาดไทยดูแลหนี้นอกระบบ นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ได้เชิญตน ผบ.ตร. และอธิบดีกรมการปกครอง ไปหารือเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะแถลงข่าวในวันที่ 28 พ.ย. ถึงความร่วมมือในการปราบปรามและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้หมดสิ้นไป การคิดอัตราดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนดทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะทำหน้าที่ของตัวเอง

เมื่อถามถึงจำนวนบัญชีเจ้าหน้าที่และลูกหนี้ มีจำนวนมาก นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง คนมีหนี้ทั่วประเทศ เราต้องทำตัวเป็นที่พึ่งให้กับคนเหล่านี้ หลายคนถูกเอาเปรียบมานาน ส่วนอำเภอต้องประกาศรับลงทะเบียนจากเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ รวมทั้งสำรวจด้วยตัวเองด้วย กรณีคนที่ไม่กล้าเพราะเกรงกลัวอิทธิพล ซึ่งเป็นไปตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล จะเร่งดำเนินการหลังประชุมหารือกัน

คาดสัปดาห์หน้ารู้ผลพรบ.กู้เงิน
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังศึกษา ข้อกฎหมาย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ปลายสัปดาห์หน้าน่าจะได้ทราบผล หากผ่านขั้นตอนตรวจสอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะส่งเรื่องไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบถามการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย มาตรา 77

วิปเชื่อเสียงพรรคร่วมเห็นชอบ
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงรัฐบาลเตรียมออกร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า รัฐบาลให้ฝ่ายกฎหมาย อย่างกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียด เบื้องต้นก่อนส่งเนื้อหาให้สภาฯ ต้องทำประเด็นที่เป็น ข้อสงสัยต่างๆ ให้กระจ่างก่อน ดังนั้น เมื่อรัฐบาลพร้อมเมื่อใด วิปรัฐบาลก็พร้อม ซึ่งการเสนอร่างพ.ร.บ.กู้เงินต่อสภาฯ จะถูกบรรจุให้เป็นเรื่องด่วนที่พิจารณาเป็นอันดับแรก

นายอดิศรกล่าวต่อว่า กรอบการพิจารณาวาระแรกนั้น อาจจะใช้เวลา 1 วันเต็ม หรือ 2 วัน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของ วิปรัฐบาล และต้องมีเวลาเพียงพอที่ให้ฝ่ายตรวจสอบได้ซักถามและรัฐบาลได้ชี้แจง และเมื่อผ่านวาระแรกแล้ว ต้องตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตามปกติการพิจารณาจะอยู่ที่ 30-90 วันโดยยึดความรอบคอบที่สุด จากนั้นนำกลับมาให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2-3 ที่ต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ทั้งฉบับ ตนมั่นใจในความมั่นคงของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะโหวตเห็นชอบ จากนั้นต้องส่งวุฒิสภาพิจารณา

ชี้เป็นสิทธิ์ยื่นศาลรธน.ได้
นายอดิศรกล่าวด้วยว่า ส่วนที่สว. บางคนกังวลต่อการออกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จะขัดต่อกฎหมายวินัยการเงินการคลังหรือรัฐธรรมนูญนั้น เชื่อว่าจะทำให้คลายกังวลได้ตั้งแต่ชั้นพิจารณาของสภาฯ แล้ว และการพิจารณาของสว. จะไม่ใช้เวลานานไปกว่าที่สภา พิจารณา แต่หากท้ายสุดสว. ไม่เห็นชอบ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ ของสภา ที่จะยืนยันร่างพ.ร.บ.กู้เงินเป็นกฎหมายต่อไป

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าในตอนท้ายจะถูกยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีก นายอดิศรกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบได้ เพื่อความละเอียดรอบคอบ แม้กฎหมายจะออกมาช้า ตนเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลแน่นอน แม้ช่วงนี้จะมีผู้คัดค้าน แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดจะเป็นที่ยอมรับร่วมกันได้ เหมือนปี 2544 ช่วงที่จะมีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แม้ในสภาฯ จะโต้เถียงอย่างหนัก แต่สุดท้ายโครงการดังกล่าวก็สามารถเกิดขึ้นได้และใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

พท.ซัด‘ธนาธร’แกล้งไม่รู้
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เสนอแนวคิดการใช้เงิน 5 แสนล้านบาทโดยเอาไปทำรถเมล์ไฟฟ้า ทำน้ำประปาดื่มได้ เอาไปให้การแพทย์และเอาไปทำระบบจัดการขยะว่า ฟังแล้วแปลกใจ เพราะนายธนาธร พูดเหมือนแกล้งไม่รู้ ไม่คิดว่าจะมีแนวคิดย้อนยุค ส่งประเทศกลับไปเป็นแบบรัฐราชการเหมือนในอดีตอีกหรือไม่ เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี จะมีส่วนที่เป็นงบสำหรับนโยบายต่างๆ อย่างนี้ อยู่แล้ว และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้เร่งเป็นวาระเร่งด่วนอยู่แล้ว แค่ 2 เดือนเศษ ก็มีความคืบหน้าอย่างมากมายหลายโครงการ

วันนี้เครดิตความน่าเชื่อถือของประเทศไทยดีขึ้นอย่างมาก เป็นการทำงานของรัฐบาลที่ผลักดันให้เกิดการเจริญเติบโตของประเทศและการลงทุนในด้านต่างๆ การที่นายธนาธร พูดเช่นนั้น ตนเชื่อว่ารู้อยู่แล้วว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เมื่อประสบความสำเร็จ จะเป็นผลงานของพรรคเพื่อไทยนานเท่านาน เหมือนที่คนไทยชอบพูดว่า พรรคเพื่อไทยมาบริหารเศรษฐกิจก็จะดีทุกครั้งไป ซึ่งอาจกระทบความนิยมของพรรคอื่นๆ แต่ตนมั่นใจว่าจากประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทยในอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องรับประกันได้ว่าจะนำประเทศไทยกลับมาสู่ยุคโชติช่วงชัชวาลได้อีกครั้ง

ด้อมส้มจ่อยื่นลาออกก้าวไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 พ.ย. กลุ่มประชาชนที่เป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกล จะเดินทางไปที่ทำการพรรค เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจกับพฤติกรรมต่างๆ ของ สส.พรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ พร้อมแสดงเชิงสัญลักษณ์เพื่อสะท้อนความไม่พอใจนี้ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนด้วยเสียงของประชาชน

ตัวแทนกลุ่มระบุว่า ตนเป็นเพียงประชาชนทั่วไปที่เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว และเคยเป็นด้อมส้มมาก่อน ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร โดยตนจะเดินทางยื่นหนังสือ ทั้งนี้ ทางกลุ่มไม่ได้หวังผลว่าจะต้องเป็นหัวหน้าพรรคลงมารับเท่านั้น

รมว.ดีอีเอสเร่งปราบแก๊งคอลฯ
วันที่ 19 พ.ย. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) กล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา จำนวน 41 คน เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดแยกเหยื่อออกจากกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับว่า รัฐบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือคนไทยให้เกิดความปลอดภัย โดยเฉพาะสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ทุกหน่วยงานพยายามเร่งให้การช่วยเหลือนำคนไทยกลับมาประเทศไทยให้เร็วที่สุด กระทรวง MDES ในฐานะที่รับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ได้ติดตามเรื่องนี้มาอย่างใกล้ชิด

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า เบื้องต้นกำลังตรวจสอบผู้ที่ถูกช่วยเหลือมาบางรายอาจมีส่วนเชื่อมโยงกับอาชญากรรมออนไลน์และอาจมีหมายจับติดตัว จึงต้องแยกแยะว่าเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกล่อลวงไปหรือไม่ นอกจากนี้ ตนยังได้ประสานให้พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมสอบสวนหาเบาะแสและขยายผลดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปราบปรามปัญหานี้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากที่ผ่านมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก่อปัญหาคุกคามคนไทยมายาวนานด้วย

รัฐลุยแก้หนี้กยศ.ลดเบี้ยปรับ
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อเสนอแนะแก้ไขสถานการณ์หนี้ของประชาชนรายย่อย โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะประกาศมาตรการแก้หนี้ทั้งระบบในปลายเดือนพ.ย.นี้

นายชัยได้หยิบยกการให้สัมภาษณ์ของนายอาจิน จุ้งลก ประธานมูลนิธิเพื่อการปฏิรูปสิทธิลูกหนี้กับ The ACTIVE Thai PBS ว่า นายอาจินระบุว่าคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยมีความเชี่ยวชาญ และเกาะติดการทำงานด้านหนี้มานานกว่า 3 ปี จึงต้องอาศัยความกล้าตัดสินใจของรัฐบาล โดยยกการปรับ ลดหนี้ กยศ. ซึ่งเป็นการนำเอากฎหมายออกมาใช้บังคับจริง โดยเฉพาะผู้จัดการ กยศ.ที่ไม่เคยใช้มาตรการเหล่านี้ในการลดหนี้ เอื้อประโยชน์ให้ประชาชนผู้ค้ำประกัน 3.2 ล้านคน ปลดหนี้ได้ตามกฎหมายใหม่ ย้ำให้ลูกหนี้ กยศ.อย่าลังเล รีบไปที่กรมบังคับคดี เพราะการเดินหน้าของรัฐบาลรอบนี้ ลูกหนี้ได้ประโยชน์อย่างแน่นอน นอกจากนี้แก้หนี้นอกระบบต้องมีศูนย์ One Stop Service ปราบเจ้าหนี้นอกระบบ ปรับโทษให้รุนแรง มีรางวัลนำจับ และแนะเพิ่มกำลังคน 2 แสนคนที่พร้อมทำเรื่องนี้เป็น “หมอเงิน หมอหนี้” กระจายอยู่ในทุกชุมชนเพื่อปล่อยกู้และเก็บเงินแทนเจ้าหนี้นอกระบบ ที่เป็นมาตรการเชิงรุก มิติใหม่การแก้หนี้ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน

นายชัยกล่าวอีกว่า นายกิตติรัตน์ได้ระบุว่า ขณะนี้ กยศ.อยู่ระหว่างการคำนวณยอดหนี้ของลูกหนี้ใหม่ โดย กยศ.ได้ขอให้กรมบังคับคดีชะลอการบังคับคดี และชะลอการยึดทรัพย์ลูกหนี้ขายทอดตลาดเพื่อรอคำนวณยอดหนี้ใหม่ก่อน ขณะที่นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ.ยืนยันว่า ลูกหนี้ กยศ.ทุกรายจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายใหม่ เช่น การลดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% จากเดิม 18% นอกจากนี้กยศ.จะเปิดให้ปรับโครงสร้างหนี้ โดยผู้ค้ำประกันเดิมทุกคนที่มีภาระอยู่จะหลุดพ้นจากภาระค้ำประกัน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนม.ค. 67 เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน