สงขลายันนราฯ รับท่วมฉับพลัน ทะเลคลื่นสูง3ม.

เตือน 4 จังหวัดใต้ฝนถล่มหนัก สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย-อันดามัน กับมีหย่อมความกดอากาศต่ำจากมาเลเซียด้วย อุตุฯ กำชับให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักสะสม ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม ทะเลคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ด้านลุ่มน้ำบางนราล้นตลิ่ง ปักธงเหลือง เตือนให้ยกของหนีน้ำขึ้นที่สูง

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประกาศฉบับที่ 3 เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง มีผลกระทบจนถึงวันที่ 23 พ.ย.2566

จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งตะวันออกของประเทศมาเลเซีย ส่งผลทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ 4 จังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยยังคงระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง

ขณะที่คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกอย่างใกล้ชิด

ส่วนสถานการณ์ฝนในพื้นที่ต่างๆ ที่จ.นราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันเดียวกัน มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เป็นวันที่ 4 หลังจากสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาสประกาศแจ้งเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก ถึงวันที่ 25 พ.ย. ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยบริเวณคลองลำภู เขตอ.เมือง องค์การบริหารส่วนตำบลลำภู ได้ปักธงเหลืองเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่ม และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยทุกปี โดยมีน้ำจากพื้นที่อ.ระแงะไหลลงมาสมทบหากมีปริมาณฝนตก ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมระดับน้ำในคลองลำภูยังต่ำกว่าตลิ่งแต่ก็มีการแจ้งเตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานไม่ให้ลงเล่นน้ำเพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนพื้นที่ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ ก็ได้ปักธงเหลืองเพื่อแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังน้ำ เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่ลุ่มน้ำบางนรา ในช่วงคืนที่ผ่านมา เนื่องจากฝนตกอย่างหนักต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันเดียวกัน ส่งผลให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ บ.บาโงสลายอ ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านบาโงกูโบ หมู่6 ต.บองอ อ.ระแงะ ระดับน้ำสูง 50 – 60 ซ.ม. สร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร มีครัวเรือนได้รับผลกระทบ 13 ครัวเรือน อีกทั้งยังมีชาวบ้านประสบอุบัติเหตุรถพ่วงข้างขายกับข้าวตกลงไปข้างทางเนื่องจากถนนในหมู่บ้านคับแคบและลื่น รวมทั้งต้นไม้ได้ล้มทับกีดขวางการจราจร ในพื้นที่ บ.โคกกาด ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านตอหลัง หมู่ 3 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ

ท่วมใต้ – เจ้าหน้าที่นำอาหารและสิ่งของจำเป็นไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่บ้านบาโงสลายอ หมู่ 6 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จนเกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง เมื่อวันที่ 21 พ.ย.

ขณะที่ พ.ต.ถาวร คลังทอง ผบ.ร้อย.ทพ.4510 ฉก.ทพ.45 ได้รับมอบหมายให้จัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เข้าสำรวจพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุรถพ่วงข้างตกคูน้ำข้างทาง โดยทหารพราน ช่วยกันขนของขึ้นที่สูง รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ หากระดับน้ำสูงขึ้น ให้ประสานมายังหน่วย เพื่อที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

ส่วน พ.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแยม ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน ที่ 45 (ผบ.ฉก.ทพ.45) มอบหมายให้กองร้อยในพื้นที่ ร้อยทหารพราน 4510 กรมทหารพรานที่ 45 บ้านบาโงสลายอ (บ้านย่อยบ้านบาโงกูโบ) หมู่6 ต.บองอ อ.ระแงะ จัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน

ด้านนายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผอ. สำนักงานชลประทานที่ 17 พร้อมด้วย ผอ.ส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา ผอ.ส่วนเครื่องจักรกล หัวหน้าฝ่าย ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานที่ 17 ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำและติดตามสถานการณ์น้ำ ระดับน้ำและการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่จากสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่มาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในสังกัดได้ดำเนินการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลงสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด ปัจจุบัน สำนักงานชลประทานที่ 17 ได้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน 26 เครื่อง สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จำนวน 12 แห่ง เครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 4 ชุด 8 เครื่อง เครื่องสูบน้ำไฮดรอลิก จำนวน 3 เครื่อง

นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้วใน จ.ปัตตานี 3 แห่ง และจ.นราธิวาส 2 แห่ง อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มบริเวณปลายคลองระบายน้ำคลองลาน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จำนวน 5 เครื่อง พร้อมทั้งให้โครงการชลประทานในพื้นที่เปิดประตูระบายน้ำทุกแห่งเพื่อเร่งพร่องระบายน้ำออกสู่ทะเล ได้แก่ ท่อระบายน้ำปลายคลองลาน ต.พร่อน อ.ตากใบ ,ประตูระบายน้ำกลางคลองมูโนะ ต.พร่อน, ท่อระบายน้ำสาย 13 ต.พร่อน และท่อระบายน้ำคลองระบายน้ำสาย 14 ต.พร่อน

ขณะที่สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำ 3 สายหลัก เช่น ลุ่มน้ำสายบุรี และลุ่มน้ำโก-ลก ระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะที่ลุ่มน้ำบางนรา ล่าสุดระดับน้ำล้นตลิ่งแล้ว ที่สถานีคลองตันหยงมัส บ้านตันหยงมัส หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว ขอให้ขนย้ายทรัพย์สิน สิ่งของ สัตว์เลี้ยง ขึ้นในที่ปลอดภัย

ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่งผลให้ระหว่างวันที่ 16 – 21 พ.ย.เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี พัทลุง ระนอง สงขลา ชุมพร และนครศรีธรรมราช รวม 34 อำเภอ 165 ตำบล 836 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 34,228 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ระดับน้ำเริ่มลดลง ได้แก่ พัทลุง และนครราชสีมา รวม 6 อำเภอ 48 ตำบล 274 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,857 ครัวเรือน แยกเป็น

1.พัทลุง น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ควนขนุน และอ.เมือง รวม 20 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,106 ครัวเรือน 2.นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.จุฬาภรณ์ อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.ปากพนัง รวม 28 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,751 ครัวเรือน ซึ่งปภ. โดยปภ.พัทลุงและนครศรีธรรมราช ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน

วันเดียวกัน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นห่วงประชาชนในภาคใต้หลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมฉับพลัน โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ขอให้ สส.ของพรรคในภาคใต้ลงไปช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งประสานหน่วยงานต่างๆ เข้าให้การช่วยเหลือ ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ได้ส่งถุงยังชีพของกระทรวงอุตสาหกรรมไปช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ส่วนสส.ในพื้นที่ก็ได้เร่ง ลพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือเช่นเดียวกัน ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ถ้าพื้นที่ไหนมีปัญหาสามารถแจ้งสส.พรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ให้เข้าการช่วยเหลือได้

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความห่วงใยจากพรรครวมไทยสร้างชาติขอแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้งจะได้เร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงที่พรรครับผิดชอบและสส. ในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าภาวะน้ำท่วมในภาคใต้จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน