3จว.ใต้แค่2บาท-ยังซื้อไข่ไม่ได้ ขอผู้ประกอบการอย่ากดลูกจ้าง เตรียมถกหาแนวทางเหมาะสม

‘เศรษฐา’ไม่สบายใจขึ้นค่าแรงน้อยไป สั่งทบทวนมติคณะกรรมการไตรภาคี เผยพื้นที่ 3 จว.ชายแดนใต้ปรับขึ้น แค่ 2 บาท ซื้อไข่ฟองเดียวก็ยังไม่ได้ จ่อถกทุกฝ่ายเกี่ยวข้องหาแนวทางเหมาะสม วอนผู้ประกอบการเห็นใจ อย่ากดลูกจ้างให้ต่ำติดดิน ที่ผ่านมารัฐบาลช่วยผู้ประกอบการ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ เปิดตลาดใหม่ ลดภาษีช่วยผู้ประกอบการแล้ว ระบุจังหวัดใหญ่ต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำถึง 400 บาท โต้อ้าง ต่างชาติย้ายฐานการลงทุนแค่วาทกรรม

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการไตรภาคีมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 77 จังหวัด 2-16 บาทนั้นว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้น มานานมาก ตื่นขึ้นมาน้อยมาก ขณะที่ ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน รัฐบาลพยายามทำ หลายวิธีที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่าง เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของประชาชน รวมถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบและหนี้ ในระบบ รัฐบาลพยายามทำอยู่เพื่อลด ค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคนต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัด ขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้นซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับ ให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อจะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนในไทย ไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศที่ไทยยังไม่มีสนธิสัญญา ทางการค้า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง ต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่าพี่น้องแรงงาน คือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลพยายาม ทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือ แต่การขึ้นรายได้ ผู้ประกอบการต้องพยายามทำ ไม่ใช่มากดค่าจ้าง แล้วนายจ้างไม่ได้พัฒนากิจการของตัวเอง ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะปัจจุบันนายจ้างก็ได้ประโยชน์จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันและอีกหลายอย่างตามมาตรการของรัฐบาล วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทยต่ำติดดินแบบนี้ ในขณะที่ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่นเกาหลี และสิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆ กัน ถ้าทำเพียงฝ่ายเดียวเป็นไปไม่ได้

ชมงาน – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ นำรัฐมนตรีหลายกระทรวงเยี่ยมชมงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ประจำปี 2566 พร้อมทักทายประชาชนและถ่ายภาพร่วมกัน ระหว่างไปตรวจราชการที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอทบทวนใหม่ เดี๋ยวจะต้องไปพิจารณา ดูถึงแนวทางความเหมาะสมเพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็น การพูดคุยร่วมกัน เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจและการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้ เปิดตลาดที่มากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลา ต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา

เมื่อถามย้ำว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานาน แต่ขณะนี้ ปรับเพียงแค่ 2 บาทจะพิจารณาใหม่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ ถึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสารไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคีและในครม. เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับขึ้นค่าแรง ที่เป็นธรรม ควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ฟองหนึ่งก็ยังไม่ได้








Advertisement

เมื่อถามย้ำว่าผู้ประกอบการจะอ้างเรื่องผลประกอบการไม่ดี เพราะสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา นายกฯกล่าวว่า รัฐบาล ก็พยายามช่วยอยู่ โดยเฉพาะการลดค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรมได้ประโยชน์ จาก 4.50 บาทต่อหน่วย ลดมาเหลือ 3.99 บาท ดังนั้นขอให้คืนกับประชาชนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าหากมีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อาจจะมีปัญหาเรื่องของการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ อันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้น จาก 300 เป็น 400 บาท ไม่มีหรอก รัฐบาลยังมีมาตรการส่งเสริมด้านภาษี มีระบบสาธารณสุขที่ดี สถานศึกษาก็ดี โครงสร้างพื้นฐานและสนามบินก็ดี ท่าเรือน้ำลึกก็มี ที่ตนเดินทางไปต่างประเทศก็ได้เซ็น เอ็มโอยู (MOU) กับหลายบริษัทใหญ่ๆ ทั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ถ้าผู้ประกอบการไม่ช่วยกัน ก็ไปลำบาก

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะพยายามทำให้ได้ถึง 400 บาทตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม ในจังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 บาท แต่จังหวัดเล็ก อาจจะไม่ถึง ต้องดูความเหมาะสม ขอย้ำว่าสิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อให้นายจ้างสามารถส่งสินค้าออกไปได้ และยังอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสื่อสารไปยังผู้ใช้แรงงานอย่างไรเพื่อไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงานดูการกระทำว่าตนมีความจริงใจขนาดไหน อย่างไร เราให้ความ สำคัญสูงสุด การที่ตนไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรม รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจ

“วันนี้ผมไม่ได้มาหาเสียง เพราะการ หาเสียงจบไปแล้ว แต่เราพูดถึงความเป็นจริง ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต้องได้รับ การดูแลควบคู่กันไปด้วย ขออ้อนวอน ไปถึงนายจ้างให้ความเป็นธรรมกับผู้ใช้แรงงานด้วย” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอเข้ามาหรือไม่

“ถ้าเสนอเข้ามา ผมไม่ยินยอม ไม่เห็นด้วย แน่นอน ผมเชื่อว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เราดูที่ความเหมาะสม เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้างดาต้า เซ็นเตอร์ เป็นนิมิตหมายอันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ” นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามว่ารู้สึกเหมือนมีความฉุนเฉียวที่พูดถึงเรื่องนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับฉุน การที่เป็นนายกฯ ต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียงกับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว

นายเศรษฐา ยังกล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับระหว่างลงพื้นที่ที่ศูนย์ประสานงาน อำเภอท่ามะกาอีกว่า “มีเรื่องที่ทำให้ผม ไม่สบายใจ คือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่า พี่น้องหลายคนเป็นห่วงอยู่ตรงนี้ ความเห็นส่วนตัวและถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำต้องถูกยกระดับขึ้นมา เรายอมรับไม่ได้ที่มีการประกาศ กันเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เดี๋ยวคงจะต้องมีการพูดคุยกันในเวทีที่เหมาะสม โดยใช้เหตุผลคุยกันตรงนี้ เป็นเรื่องที่เรายอมรับไม่ได้ และต้องแก้ไขกันต่อไป”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน