ลงทุน-หนุนเกษตร พท.อัดพิธาหิวแสง

‘เศรษฐา’จับมือเจโทร ส่งเสริมการค้าไทย-ญี่ปุ่น เจรจาคูโบต้าทำโครงการทดลองปลูกถั่วเหลือง ช่วยยกระดับการเกษตรไทย ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 3 เท่า ใน 4 ปี นายกฯ เผยข่าวดี มีโอกาส เกิดความร่วมมือกับ Apple บริษัทยักษ์ใหญ่ ของโลก กุนซือรองนายกฯ-เพื่อไทย รุมจวก ‘พิธา’ หิวแสง ระวังพาก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน 8 ปี โว 100 วันผลงานรัฐบาลเพียบ ‘อนุสรณ์’ตอกก้าวไกลเคยโวยสภาล่ม 1 ครั้งสูญงบกว่า 8.2 ล้าน แต่ทำไมจงใจทำเอง รทสช.เตรียมชงวิปรัฐบาลแก้เกม

‘นิด’นำไทยกระชับการค้าเจโทร
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่อยู่เข้าร่วม การประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ อาเซียน-ญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 14-18 ธ.ค. โดยเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ธ.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว เร็วกว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) ที่โรงแรม Okura Tokyo กรุงโตเกียว นายเศรษฐาพบหารือกับ นายอิชิกูโระ โนริฮิโกะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้า ต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization : JETRO)

นายเศรษฐากล่าวชื่นชมที่เจโทรมีบทบาท สำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการทำวิจัยด้านเศรษฐกิจ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์แก่บริษัทญี่ปุ่นเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรม ส่งเสริมการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้มีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก และขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ด้านประธานเจโทรกล่าวว่า เจโทรพร้อม ส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้เพิ่มพูนโดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือในด้านนวัตกรรมและนวัตกรรม แบบเปิด ระหว่างสองประเทศ การมีส่วนร่วม ในการแก้ไขปัญหาสังคมในประเทศไทย การส่งเสริมประสิทธิภาพด้านทรัพยากรมนุษย์ของไทย และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศญี่ปุ่นและบริษัทญี่ปุ่น ในไทย

นายเศรษฐาทวีตข้อความว่า การพบกับ ประธานเจโทร ผมได้ย้ำว่ารัฐบาลไทยพร้อม สนับสนุนการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และให้การดูแลนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย อย่างทั่วถึง รวมถึงบริษัท Startups ที่กำลังขยายตัวในประเทศไทยด้วย

ถกลงทุน – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพบปะหารือ นายอิชิกูโระ โนริฮิโกะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ของญี่ปุ่น (JETRO) ที่โรงแรมเดอะโอคุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.

คุยคูโบต้ายกระดับเกษตรไทย
เวลา 09.30 น. นายเศรษฐาพบหารือ กับผู้บริหารบริษัท Kubota ได้หารือ เพื่อโอกาสความร่วมมือ โดยนำเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญมาเพิ่มผลผลิต เพิ่มศักยภาพของผลผลิต ลดการใช้แรงงานและค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีรายได้ที่มากขึ้น และหารือร่วมกัน เพื่อมี pilot project (โครงการนำร่อง) ช่วยเหลือเกษตรกรที่สนใจ ปลูกถั่วเหลือง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ชีวิตที่ดีขึ้น

นายเศรษฐาทวีตข้อความว่า เราได้รับ ความร่วมมือจากคูโบต้าเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร คูโบต้าเป็นบริษัทที่เกษตรกรไทยรู้จักมาอย่างยาวนาน และผมเชื่อในเทคโนโลยีของคูโบต้าว่าจะสามารถยกระดับ ความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรเราได้จริง วันนี้เราได้คุยกันถึงโมเดลการทำงาน ซึ่งผมจะขอให้ทางคูโบต้าช่วยกันทำโครงการ ทดลองปลูกถั่วเหลือง โดยทำตั้งแต่การ เตรียมดิน ปลูก เก็บเกี่ยว และกลบหน้าดินโดยไม่ต้องเผา โดยเราจะวัดผลกันแบบ Crop ต่อ Crop เลยว่าปีหน้าเราจะเห็นรายได้ เป็นอย่างไร และลด PM2.5 ไปในตัว

ที่สำคัญ โมเดลที่เราจะใช้ ต้องเป็นโมเดล ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้ชาวนา-ชาวไร่เลี้ยงตัวเองได้อย่างมีศักดิ์ศรีโดยไม่จำเป็นต้องรอความช่วยเหลือ จากภาครัฐ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนขึ้นไปจนถึงระดับประเทศ ต้องขอ ขอบคุณคูโบต้าแทนพี่น้องเกษตรกรไทย ที่จะมาช่วยกันยกระดับการเกษตรไทย

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่า จากการหารือ กับผู้บริหารคูโบต้าถือเป็นการประชุมที่ดีมาก ซึ่งเราเข้าใจผิดว่าคูโบต้า ขายแต่รถไถ อย่างเดียว แต่เขามีเทคโนโลยี เรื่องการ อัดแน่นซังข้าวโพดที่ไปทำ ถ่านไร้ควันและเชื้อเพลิง รวมถึงการเก็บเกี่ยวพืช ของอนาคต และปัจจุบันเรื่องการไถและเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งทางคูโบต้าทำได้ดีอยู่แล้ว แต่พืชในอนาคตของประเทศไทย เช่น ถั่วเหลืองไทยนำเข้าปีละล้านตัน แต่เราผลิตเองได้เพียงหลักหมื่น เนื่องจากมีปัญหา เรื่องการเก็บเกี่ยวที่ไม่คุ้มต้นทุน

จึงพูดคุยกับทางคูโบต้าที่มีเทคโนโลยี เครื่องจักรที่ช่วยลดต้นทุนได้ รวมถึง การทำระบบชลประทานในภาคการเกษตร ซึ่งระบบครบวงจรเกษตรกรรมทางคูโบต้า ดำเนินการอยู่ มีการตกลงว่าไทยจะไปดูสถานที่ และให้ทางคูโบต้ามาช่วยกันพัฒนา ตรงนี้จะเป็นช่องทางที่ทำให้เราเพิ่มรายได้เกษตรกรเป็น 3 เท่าภายใน 4 ปี ถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องดี อีกทั้งทางประธานใหญ่คูโบต้าก็ให้การสนับสนุนเต็มที่

ตนได้ขอให้คูโบต้าทำเรื่องการให้เงินกู้ กับสัญญาเช่าซื้อมากกกว่าการขายอย่างเดียว และให้ราคาดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรไทยมีรายได้อย่างแท้จริง หลังจากนี้ทีมงานจะไปคุยกับรมว.เกษตร และสหกรณ์ด้วย

เป็นเกียรติ – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ร่วมถ่ายรูปหมู่ก่อนงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกฯ ญี่ปุ่น และภริยาเป็นเจ้าภาพ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำประเทศที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่เรือนรับรองของรัฐบาล พระราชวังอะคาซากะ

ระวังถกมั่นคงในทะเลจีนใต้
เวลา 14.30 น. นายเศรษฐา มาที่บริเวณหน้าลานพระราชวังอิมพีเรียล ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพื่อพักผ่อนอิริยาบถ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวเยอรมันขอถ่ายรูป เป็นที่ระลึก ก่อนพบหารือกับผู้บริหารบริษัท Muji

ช่วงค่ำนายกฯ เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน และคู่สมรส โดยนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกฯ ญี่ปุ่น และนางคิชิดะ ยูโกะ ภริยา เป็นเจ้าภาพ

นายเศรษฐากล่าวถึงการประชุมสุดยอด อาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ ในวันที่ 17 ธ.ค. ประเทศไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน จะเสนออะไรเป็นพิเศษว่า เราเป็นหนึ่ง ในสมาชิก ปัจจุบันมีประเทศอินโดนีเซียเป็นประธาน ซึ่งประธาน คนต่อไปจะเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว และประเทศญี่ปุ่นเป็นชาติที่ลงทุนสูงมากในอาเซียนและลงทุนในประเทศไทยสูงสุด จะได้พูดคุยถึงความต้องการของเขา

อีกเรื่องจะเป็นปัญหาความมั่นคงในทะเล จีนใต้ที่ยังมีความขัดแย้งกัน เรายืนยันว่าต้องเคารพเอกราชของทุกประเทศ ต้องระวัง อย่าให้มีปัญหา เพราะถ้ามีปัญหาระบบขนส่งทางทะเลก็จะเป็นปัญหา โดยเฉพาะประเทศไต้หวันเรามีแรงงานอยู่ 60,000 คน จึงไม่อยากให้ความขัดแย้งไปไกล

ส่วนเรื่องประเทศเมียนมาต้องพูดคุยกันต่อไป เพราะเป็น 1 ในประเทศอาเซียน และมีชายแดนติดกับประเทศไทย กว่า 2,000 กิโลเมตร เราได้รับการมอบหมายอย่างไม่เป็น ทางการให้ไปพูดคุยดู และเมื่อสิบวันที่ผ่านมา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ได้ไปพูดคุยกับคู่เจรจา ที่ประเทศเมียนมา และได้ตกลงจะตั้ง คณะทำงานขึ้นมา เพื่อดูแลการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หากมีปัญหาเกิดขึ้น จะดูแลผู้บริสุทธิ์อย่างไร

แลนด์บริดจ์ไม่ชิงธุรกิจเพื่อนบ้าน
นายเศรษฐากล่าวถึงความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับนักลงทุนญี่ปุ่นกว่า 500 รายในงานสัมมนาของสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จากนี้บีโอไอ กระทรวงคมนาคมจะต้องตามเรื่องดังกล่าวต่อกับนักลงทุน และเรื่องนี้ บริษัทในอาเซียนเอง เช่น ประเทศอินโดนีเซีย ก็ให้ความสนใจ ซึ่งก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น มีเอกชนกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มาเจอตน โดยแสดงความสนใจอย่างมากที่จะร่วมลงทุนด้วย ซึ่งต้องพูดคุยกัน เพราะผลประโยชน์ของภูมิภาคนี้ ขึ้นอยู่กับโครงการแลนด์บริดจ์ด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดคุยกับนักลงทุน ญี่ปุ่นเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ในวันที่ 18 ธ.ค. จะนำเสนออะไร นายเศรษฐากล่าวว่า เราจะบอกความตั้งใจ ในการดำเนินโครงการ เพราะปริมาณสินค้าที่ขนถ่ายผ่านช่องแคบมะละกา เช่น น้ำมัน ที่ทั่วโลกใช้ช่องทางดังกล่าวในการขนส่งถึง 60% ซึ่งช่องแคบมะละกามีความแน่นอาจเกิดอาจเกิดอุบัติเหตุได้ และทำให้มีความล่าช้าในการขนส่งต้นทุนก็อาจสูงขึ้น

ฉะนั้นการที่เราสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ไม่ใช่การแย่งธุรกิจ เพราะกว่าจะเสร็จประมาณ 10 ปีปริมาณการค้าทางทะเล ทั่วโลกก็จะสูงขึ้น เพื่อนบ้านเราทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ที่คาดว่ารายได้ตรงนี้ จะหายไป เพราะผลสำรวจเบื้องต้น การค้าขายทางเรือจะสูงขึ้น แต่หากไม่มีจะเป็นปัญหา และช่องแคบมะละกา ในปัจจุบันมีความหนาแน่น หากเราสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ได้จะช่วย การขนส่งของทั้งโลก

เผยข่าวดี-มีโอกาสร่วมมือApple
นายเศรษฐาเปิดเผยข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า วันนี้มีข่าวดีครับ ผมได้รับจดหมาย ขอบคุณจากทาง Tim Cook, Apple’s CEO พูดถึงการพบกัน เมื่อตอนผมเดินทางไปซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนก่อน โดยในจดหมายเขาระบุเลยว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อม ซึ่งเมื่อร่วมกับการสนับสนุนของรัฐบาล ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษา อุตสาหกรรม แรงงาน ทำให้ผมมั่นใจครับว่า ความร่วมมือกับ Apple เกิดขึ้นได้จริง

นี่ถือเป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์จากการออกไป สร้างความเชื่อมั่น พูดคุยแสดงความพร้อมของรัฐบาล และประชาชนไทยให้กับโลก และบริษัทยักษ์ใหญ่ได้เห็นครับ ผมเชื่อมั่นครับว่านอกจาก Apple จะมีอีกหลายความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอนครับ

กุนซือรองนายกฯเตือน‘พิธา’
นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกฯ กล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธาน ที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาวิจารณ์ ผลงานรัฐบาลว่า ตอนพรรคก้าวไกล อยากเป็นรัฐบาล มากราบอ้อนวอนให้พรรค เพื่อไทย(พท.) ร่วมรัฐบาล แตกต่างกับตอนนี้มากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนั้น อ่อนน้อมถ่อมตนพูดจาดีเรียบร้อย ให้สัมภาษณ์ ชมว่าพรรคเพื่อไทยดี มีผลงานแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจปากท้องประชาชนได้ผล นำพาประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง พรรคก้าวไกล จึงมาเชิญพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล ตามเจตจำนงของประชาชน แต่พอพรรค ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านก็ออกมาตำหนิติเตียน รัฐบาลเศรษฐาสารพัดว่าไม่ดีไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสม ไม่ใช่รัฐบาลพรรคเดียว การจะทำอะไรตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด จึงไม่ได้ จำเป็นจะต้องฟังพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ด้วย

ปัญหาสะสมจากรัฐบาลชุดที่แล้ว 8-9 ปีก็มีอยู่มาก ทั้งหนี้สิน เงินกู้ต่างประเทศ ปัญหาการส่งออกและการแข่งขันกับ ต่างประเทศ ปัญหาคดีเหมืองทอง ปัญหาการซื้อเรือดำน้ำ ยังไม่รวมกลไกการบริหาร ราชการแผ่นดินที่ถูกวางไว้แน่นหนาทั้งระบบ รัฐบาลต้องทำความเข้าใจปัญหา ทุกอย่างทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เพิ่งผ่านมาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่รัฐบาลแก้ไขปัญหาหลายอย่างไปมากแล้ว

“รัฐบาลเพิ่งทำงานมาได้เพียงแค่ 3 เดือน นายพิธา ควรใจเย็น ขอให้เชื่อว่าคนไทยทุกฝ่ายล้วนแต่เป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนกันทั้งนั้น รัฐบาลกำลังเร่งทำงานในทุกด้าน อย่าพยายามวิพากษ์วิจารณ์เพียงเพราะหวังประโยชน์ทาง การเมืองฝ่ายเดียวมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นพรรคก.ก.อาจต้องเป็น ฝ่ายค้านไป 8 ปี” นายพายัพกล่าว

โอท็อป – พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยานายกรัฐมนตรี นำคู่สมรสคณะรัฐมนตรีเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อป ของผู้ประกอบการ ในงาน OTOP City 2023 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.

พท.โว 100 วันรบ.ผลงานอื้อ
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชี รายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลงานการทำงานของรัฐบาล ในรอบ 100 วัน ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าได้ทำให้เห็นการบริหารประเทศและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการพยายามหารายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายฟรีวีซ่าในกลุ่ม นักท่องเที่ยวจีน อินเดียและคาซัคสถาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยแล้ว กว่า 24 ล้าน เฉลี่ยวันละ 9 แสนคนต่อวัน เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจำนวนมาก การดึงดูด จากการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที ทั้งกูเกิ้ลและไมโครซอฟท์ ที่จะเข้ามาลงทุน ดาต้า เซ็นเตอร์ ในไทยรวมกว่า 200,000 ล้าน รวมถึงบริษัทชั้นนำอย่าง Tesla ยังคิดมาลงทุนไทย เพื่อตั้งโรงงานอีวี และซัพพลายเชน สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากความพยายามและทำงานหนักของรัฐบาล

นอกจากหารายได้ รัฐบาลยังดูแลปากท้อง พี่น้องประชาชนในอีกหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าครองชีพ ตั้งแต่ลดราคา น้ำ-ไฟ ลดราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน 20 บาท ตลอดสายรถไฟฟ้าสายสีม่วง-แดง มียอดคนใช้บริการทะลุ 100,000 คน/วัน มิติสุขภาพฉีดวัคซีน HPV ในเด็กทะลุ 1,000,000 โดส บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกโรงพยาบาลของรัฐ

ขออย่าด้อยค่า-สร้างซีน
มิติด้านการเกษตรนอกจากพักหนี้เกษตรกรรายย่อย ยังมีมาตรการให้ความ ช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรปลูกข้าวไร่ละ 1,000 บาท ดูแลราคาอ้อย 120/ตัน เจรจาเปิดตลาดการส่งออกเนื้อวัวไทยไปซาอุดี อาระเบีย มิติด้านต่างประเทศ เจราจาช่วยเหลือ ปล่อยตัวประกันไทยในอิสราเอล และเร่งทำ ข้อตกลงเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ เพื่อกระตุ้น การส่งออก มิติสังคม เลิกระบบทาสยุคใหม่ด้วยการแก้ไขหนี้นอกระบบ พร้อมผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเข้าสู่สภา

นี่เป็นเพียงนโยบายบางส่วนที่รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ทำเพื่อ พี่น้องประชาชน แต่ด้วยความแตกแยก ความเห็นต่างกันในเรื่องอุดมการณ์ เลยทำให้เรื่องดีๆ ที่รัฐบาลทำกลับไม่ได้รับการชื่นชม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล จึงอยากวอนให้สังคมเข้าใจปัญหา บางเรื่องสะสมมานาน อาจต้องใช้เวลา แต่ระยะเวลาแค่ 4 เดือน ผลงานยังมีให้เห็น ถ้าครบ 4 ปีประเทศจะเจริญขนาดไหน

“วันนี้ประเทศต้องเดินหน้ามูฟออน มองไปในอนาคต มีเป้าหมายคือความเจริญ เติบโตของประเทศ อยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันคิด เสนอทางออกร่วมกันมากกว่า ด้อยค่า และควรต้องเคารพในเสียง ส่วนใหญ่ เพราะการเมืองใหม่ที่แท้จริง ต้องสร้างสรรค์ผลงาน มากกว่าการเน้นสร้างซีน” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

จวก‘ทิม’หิวแสง-ลนลาน
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์จัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกลบอกว่า 10 เดือนรอได้เพื่อรอให้สว.หมดอายุ แต่พอรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา เดินหน้าพิสูจน์ฝีมือการทำงานอย่างตั้งใจ ทั้งเร่งรัดผลงานตามนโยบายที่ได้+หาเสียงไว้ และขยันขันแข็งเดินสายหารือในเวทีประชุม ระหว่างประเทศมากมาย เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ เข้ามาลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงาน 3 เดือนเท่านั้น นายพิธากลับรีบร้อน รอไม่ได้ ทำตัวย้อนแย้ง ออกมาวิจารณ์รัฐบาลตั้งแต่หัววัน

ขนาด ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่ได้รับการพิจารณา ต้องใช้งบปี 2566 ไปพลางก่อน ยังสามารถผลักดันนโยบายให้สำเร็จได้มากมายขนาดนี้ มีโรดแม็ปการทำงานที่ชัดเจน ทั้งลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง พักชำระหนี้เกษตรกร ดิจิทัลวอลเล็ตส่งเรื่องไปยังสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เอฟทีเอเดินหน้าต่อเนื่อง ซอฟต์พาวเวอร์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผู้นำอาเซียนก็ไปพบมาเกือบหมดแล้ว รวมถึง ด้านผลักดันกฎหมาย รัฐบาลก็พยายาม ขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. อากาศสะอาด พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม

นายพิธาเพิ่งกลับมาจากไปบุกค่ายวายจี ที่เกาหลี ไปโพสต์ข้อมูลสำคัญของบริษัทเขา ทั้งภาพคู่ตารางงาน รายชื่อเพลง จนถูกตั้งคำถามว่าเป็นพิธาหิวแสงหรือไม่ การวิจารณ์ ถือเป็นสิทธิ รัฐบาลพร้อมรับฟังแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ประชาชนไม่ต้องรอ 10 เดือน รัฐบาลเศรษฐาทำงาน 3 เดือน ก็สำเร็จมากมาย ตั้งใจทำงาน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลพยายามทำเต็มที่

“คุณพิธาต้องไม่หิวแสง ไม่รีบร้อนลนลานค้านไปหมดทุกเรื่อง ไปศึกษา ผลงานรัฐบาลให้ครบถ้วนแล้วค่อยวิจารณ์ ก็ไม่สาย งบก็ยังไม่ผ่าน ยังทำได้มากขนาดนี้ ควรให้กำลังใจรัฐบาล” นายอนุสรณ์กล่าว

เตือนสติก้าวไกลทำสภาล่ม
นายอนุสรณ์กล่าวกรณีเหตุการณ์สภาล่ม เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ระหว่างการลงมติพิจารณา ร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจนต้องสั่งปิดประชุม โดยมีผู้ลงมติ 228 คน ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ว่า สมาชิกพรรคก้าวไกลเคยกล่าวไว้เองว่าสภาล่ม 1 ครั้ง มูลค่าความเสียหายประมาณ 8,291,945 บาท ทำประเทศชาติเสียหาย ทำประชาชนเสียโอกาส เหตุการณ์สภาล่ม เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.นั้น ในขั้นตอนการแสดงตนเป็นองค์ประชุมก่อนลงมติร่างข้อบังคับดังกล่าว มี สส.พรรคก้าวกไกล แสดงตน 92 คน ไม่แสดงตน 56 คน แต่พอถึงขั้นตอนการลงมติที่ห่างจากขั้นตอนแสดงตนเป็นองค์ประชุมแค่ 2 นาที พบว่าเหลือสส.พรรคก้วไกลลงมติแค่ 2 คนจาก 92 คน ที่แสดงตน

คำถามคือถ้าเป็นสส.พรรคอื่น อยู่ในห้องประชุมสภาแล้วไม่แสดงตน หรืออยู่ แสดงตนในห้องประชุมสภาแต่ไม่ลงมติ คงโดนสารพัดแฮชแท็กปั่นขึ้นมาจาก กองเชียร์บางฝ่ายว่า #กูสั่งให้มึงแสดงตน #กูสั่งให้มึงลงมติ #ไม่อยากลงมติลาออกไป แต่พอเป็นพรรคก้าวไกลทำคนกลุ่มนี้ กลับยกย่องการขอนับองค์ประชุม พร่ำเพรื่อ การอยู่ในห้องประชุมสภาแต่ไม่ แสดงตน หรืออยู่แสดงตนแต่ไม่ลงมติ เจตนาชัดว่าต้องการทำให้สภาล่มหรือไม่ ตกลงที่เคยบอกว่าสภาล่ม 1 ครั้ง สูญเงิน 8,291,945 บาท ถ้าฝ่ายตัวเองเป็นคนทำสภาล่มเสียเอง ไม่เป็นไรแล้วหรือ เสียหายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรหรือ ตนเชื่อว่าจากนี้ สส.รัฐบาลต้องการ์ดสูง ตั้งตนอยู่ในความพร้อมขั้นสูงสุดตลอดเวลา

“การทำสภาล่มอาจเป็นเรื่องสะใจ ของบางคนบางพรรค ที่ทำให้สภาล่มได้ แต่ถ้าเราดึงสติแล้วถอยกลับออกมา ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เป็นสำคัญ ไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่เสียโอกาส” นายอนุสรณ์กล่าว

รทสช.ชงวิปรัฐบาลแก้เกม
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานสภา ผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการกำชับสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เข้าร่วมประชุมสภาว่า ทางหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคได้กำชับให้ สส.ของพรรคร่วมประชุมอยู่แล้ว แต่เนื่องจากในวัน ประชุม สภามีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพราะมีการตั้งขึ้นมาหลายคณะ ทำให้เกิดการประชุมซ้อนกัน สส.จึงต้อง ไปทำหน้าที่ในห้องประชุม กมธ.ด้วย จึงไม่ได้อยู่เป็นองค์ประชุม แต่ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฝ่ายค้านเล่นเกมองค์ประชุมกันอีก วิปรัฐบาลจะมีวิธีรับมือ อย่างไร นายอัครเดชกล่าวว่า วันที่ 18 ธ.ค. ตนจะเสนอในที่ประชุมวิปรัฐบาล ให้หารือ กับประธานกมธ.วิสามัญ เพื่อขอเลื่อน การประชุม กมธ.วิสามัญเป็นวันอื่นที่ไม่ใช่วันพุธกับวันพฤหัสฯ ที่ตรงกับวันประชุมสภา ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตราการเพื่อแก้ปัญหา เรื่ององค์ประชุม ถ้าไม่ดีขึ้น อาจจะต้อง ขอไปถึงกมธ.สามัญคณะต่างๆ ด้วย

“การมาประชุมสภาเป็นหน้าที่ของ สส. โดยปกติอยู่แล้ว ต้องบอกฝ่ายค้านว่า พยายาม อย่าเล่นเกมการเมืองมาก เพราะการประชุม กมธ.เป็นการแก้ปัญหา ความเดือดร้อนให้กับ ประชาชน ถ้ามีการเช็กองค์ประชุมอยู่เรื่อยๆ จนทำให้การประชุมไม่ต่อเนื่อง ข้าราชการที่มาชี้แจงจะเสียเวลารอคอยการประชุม กมธ. ก็สะดุด” นายอัครเดชกล่าว

ปชป.ยึดหลักนิรโทษไม่แตะ 112
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับพรรคก้าวไกลว่า หลักการของพรรคประชาธิปัตย์ เคยย้ำจุดยืนหลายครั้งว่า หากเจตนารมณ์ของร่างกฎหมายมีผลกระทบต่อคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พรรคไม่เห็นด้วย รวมถึงคดีทุจริต ที่หากมีการนิรโทษกรรมย่อมมีผลกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เพราะต้นเหตุที่แท้จริง เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของคนไม่ใช่เป็นคดีทางการเมืองที่เกิดจากการชุมนุม

“นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้เป็นเจ้าของร่างกฎหมายนั้นยืนยันแล้วว่าการนิรโทษกรรมครั้งนี้จะครอบคลุมถึงผู้ที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 ด้วย ดังนั้นหากร่างกฎหมาย ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา จุดยืนของพรรคไม่เห็นด้วยและชัดเจนว่ากระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ก็มีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยถึง 71% ซึ่งผู้แทน ปวงชนชาวไทยที่ทำหน้าที่ในสภามีความจำเป็นต้องนำมาประกอบในการพิจารณา”

การนิรโทษกรรม ต้องพิจารณาด้วยความ รอบคอบเพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นของ ความขัดแย้ง และเมื่อผู้ที่ยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมยอมรับว่าให้รวมถึงผู้ที่มีคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วย ชัดเจนว่าเขาเห็นถึงประโยชน์ที่พรรคและพวกของเขาจะได้รับอยู่แล้ว สุดท้ายประเด็น เหล่านี้จะกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เพื่อไทยกังวลสถานะสส.พัฒนา
นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งดำเนินคดีอาญาแก่นายพัฒนา สัพโส สส. สกลนคร พรรคเพื่อไทย ตามพระราช บัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.พ.ศ.2561 มาตรา 70 และมาตรา 79 ประกอบมาตรา 156 (1) หาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็ก ทรอนิกส์หรือวิธีการใด ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง นับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุด วันเลือกตั้ง โดยมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของพรรคเพื่อไทย ในช่วงเวลา 06.55 น. วันที่ 14 พ.ค.ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ กกต.กำหนดห้ามหาเสียงว่า เบื้องต้นนายพัฒนา มีการแก้ต่างไปในชั้น กกต.แล้ว ซึ่งคำสั่ง ของ กกต.ไม่ได้มีมติให้ส่งต่อไปที่ศาลฎีกา

ผู้สื่อข่าวถามว่าเบื้องต้นได้พูดคุย กับนายพัฒนาบ้างแล้วหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า เมื่อวันก่อนได้มีการพูดคุยกัน เนื่องจากเรื่องนี้นายพัฒนาได้รายงานพรรคอยู่แล้วว่ามีชื่ออยู่ในการสอบสวนของ กกต.อยู่ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีผลต่อสถานะ สส.ของนายพัฒนา นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องกังวลอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันความบริสุทธิ์ เราต้องเชื่อเจ้าตัว และหาวิธีแก้กันไป

เร่งแผนลงทุนผลิตรถไฟฟ้า
วันที่ 16 ธ.ค. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลเดินหน้า เปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เพื่อรักษาฐานการผลิต และศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอาเซียน ควบคู่ไปกับการดูแลอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาป (ICE) เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์สันดาปแห่งสุดท้าย โดยการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ครั้งที่ 1/2566 มีมติเห็นชอบและรับทราบแนวทางการดำเนินงาน ทั้งความคืบหน้าการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านแนวทางการส่งเสริม การดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (EV Conversion) แนวทางการส่งเสริม System Integrator (SI) สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต และแนวทางการส่งเสริมและจัดการแบตเตอรี่ในประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสม

ปัจจุบันมีผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มขึ้น และได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle :BEV) คิดเป็นมูลค่า 39,579 ล้านบาท กำลังผลิตรวม 359,000 คันต่อปี และผู้ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนผลิตชิ้นส่วน มูลค่า 35,303 ล้านบาท โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2566 มียอดจดทะเบียนรถไฟฟ้ารวม 67,056 คัน เติบโตมากกว่า 690% หรือ 7.9 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8,483 คัน ทำให้ตลาดรถ EV ไทยเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน

นอกจากนี้ยังมีอีก 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่ แนวทางการส่งเสริมการดัดแปลงรถยนต์ (EV Conversion) สร้างต้นแบบการดัดแปลงรถขนาดใหญ่ให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้า เช่น รถขนขยะมูลฝอย และรถบรรทุกน้ำ ในราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้, แนวทางการส่งเสริม System Integrator (SI) สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต พัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิตครอบคลุมมาตรการทางภาษีและมิใช่ภาษี เช่น พัฒนาบุคลากร SI จำนวน 1,301 คน และบุคลากรในสถานประกอบการ 3,665 คน รวมทั้งพัฒนาต้นแบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ 185 ต้นแบบ และแนวทางการส่งเสริมและจัดการแบตเตอรี่ในประเทศ สร้างมูลค่าจากการจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ตามนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เนื่องจากแบตเตอรี่มีมูลค่าสูง

“รัฐบาลสนับสนุนและเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรม EV พร้อมๆ กับการดูแลอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาป เพื่อให้ไทยเป็นฮับในภูมิภาค และดึงดูดนักลงทุน รายใหม่ๆ ให้เข้ามาตั้งฐานผลิตในประเทศ ซึ่งระหว่างการเยือนญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง จะใช้โอกาสนี้พบปะผู้ประกอบการยานยนต์ของญี่ปุ่น 7 ราย เพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมดูแลอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมทั้งจะออกมาตรการใหม่เพื่อส่งเสริมการลงทุนในสาขายานยนต์ เพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ICE ของญี่ปุ่นในไทยสามารถแข่งขันได้ในระยะเปลี่ยนผ่าน” นายชัยกล่าว

ลงทะเบียนแก้หนี้แล้ว9.7หมื่น
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึง การลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นวันที่ 16 นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียน โดยจากข้อมูลของสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เมื่อเวลา 15.30 น. มีมูลหนี้รวม 5,799.346 ล้านบาท ประชาชนลงทะเบียนแล้ว 97,803 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 86,707 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 11,096 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 68,546 ราย มีพื้นที่/จังหวัดที่มี ผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก 1.กรุงเทพฯ มีผู้ลงทะเบียน 6,163 ราย เจ้าหนี้ 5,070 ราย มูลหนี้ 489.421 ล้านบาท 2.นครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 4,207 ราย เจ้าหนี้ 3,349 ราย มูลหนี้ 253.357 ล้านบาท 3.สงขลา มีผู้ลงทะเบียน 3,897 ราย เจ้าหนี้ 2,724 ราย มูลหนี้ 242.073 ล้านบาท 4.นครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 3,788 ราย เจ้าหนี้ 2,359 ราย มูลหนี้ 277.899 ล้านบาท 5.ขอนแก่น มีผู้ลงทะเบียน 2,548 ราย เจ้าหนี้ 2,006 ราย มูลหนี้ 183.962 ล้านบาท

นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.แม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 131 ราย เจ้าหนี้ 85 ราย มูลหนี้ 5.344 ล้านบาท 2.ระนอง มีผู้ลงทะเบียน 197 ราย เจ้าหนี้ 126 ราย มูลหนี้ 14.042 ล้านบาท 3.สมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 262 ราย เจ้าหนี้ 179 ราย มูลหนี้ 8.365 ล้านบาท 4.ตราด มีผู้ลงทะเบียน 330 ราย เจ้าหนี้ 197 ราย มูลหนี้ 10.237 ล้านบาท และ 5.สิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 358 ราย เจ้าหนี้ 238 ราย มูลหนี้ 13.679 ล้านบาท

รบ.จัดของขวัญปีใหม่ด้านพลังงาน
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจัดของขวัญปีใหม่ด้านพลังงาน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.จัดกิจกรรม มหกรรม “กระทรวงพลังงานคาราวานสร้างสุข” สินค้าประหยัดพลังงาน ราคาประหยัดเงิน และจัดแคมเปญรณรงค์ให้ประชาชนร่วมซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงานช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2566 โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน 2.สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน ทุกชนิด ตลอด 10 วัน ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 2566 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2567 โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) 3.สนับสนุน ให้ประชาชนนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพรถยนต์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายก่อนการเดินทาง ในช่วงปีใหม่ที่สถานีบริการ FIT Auto จำนวน 35 รายการ พร้อมบริการเติมลมยาง ไนโตรเจนและปะยางฟรี

อีกทั้งยังจัดส่วนลดสินค้าเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน รวมถึงช่วยป้องกัน และลดการเกิดฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2567 โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) 4.จัดแคมเปญฉลากเบอร์ 5 โฉมใหม่ ลุ้นโชคใหญ่ โดยการมอบสิทธิส่วนลดซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ติดฉลาก เบอร์ 5 ใหม่ รวม 15,000 สิทธิ ณ ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ ดังนี้ โฮมโปร เมกาโฮม เดอะมอลล์ ไทวัสดุ เพาเวอร์บาย เพาเวอร์มอลล์ พารากอน และเอ็มโพเรียม รับสิทธิตั้งแต่วันที่ 1-31 ม.ค. 2567 หรือจนกว่าสิทธิจะหมด โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย และ 5.การบริการรับคำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 ประจำปี 2567 นอกเวลาราชการ ในช่วงสัปดาห์สุดท้าย ก่อนวันหยุดยาว ตั้งแต่วันที่ 25 – 28 ธ.ค. 2566 เวลา 16.30 – 18.30 น. โดยกรมธุรกิจพลังงาน

รัฐบาลชวนตรวจรถฟรีปีใหม่
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศกาลปีใหม่เป็นช่วงวันหยุดยาวที่ประชาชนนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ส่งผลให้มีปริมาณรถบนท้องถนนจำนวนมาก ซึ่งการตรวจเช็กสภาพรถให้มีความพร้อมก่อนเดินทางมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เกิดความปลอดภัยตลอดการเดินทาง และช่วยลดอุบัติเหตุจากการขัดข้องของเครื่องยนต์ รัฐบาล โดยกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” เพื่อให้บริการตรวจสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์เบื้องต้นก่อนเดินทางกว่า 20 รายการ โดยไม่คิดค่าบริการ พร้อมทั้งยังให้ส่วนลดค่าอะไหล่บางรายการอีกด้วย

สำหรับศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย สมาคมการค้าไทย-ยุโรป สมาคมตรวจสภาพรถ เอกชนไทย สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สถาบันยานยนต์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซูซูกิโมโตเซลส์คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AUTO QUIKS), บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทั้ง บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด

นายคารมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้เพื่อการขับรถในช่วงเทศกาลปีใหม่ของพี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงลดการสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชิญชวนเจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.

กอ.รมน.เร่งแก้ปัญหาฝุ่นพิษ
วันที่ 16 ธ.ค. พ.อ.หญิงนุชระวี แจ่มจำรัส รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เผยว่า ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะไฟป่า หมอกควัน รวมทั้งฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัด ภาคเหนือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รุนแรงขึ้นทุกปี กระทบต่อสุขภาพ ของประชาชน ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้าง นายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำ ให้ทุกภาคส่วนบูรณาการความร่วมมือ รับมือและแก้ไขปัญหา พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. ฐานะ รองผอ.รมน. จึงสั่งการกอ.รมน.ภาค 3 และกอ.รมน.จังหวัด 17 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด เร่งขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ บูรณาการควมร่วมมือกับทุกภาคส่วน ใช้กลไกความมั่นคงและกำลังทหารในการปฏิบัติ เพื่อให้สอดรับกับมาตรการ 3 ระยะ คือ เตรียมการ ปฏิบัติการ และหลังการปฏิบัติการ

โดยวันที่ 15 ธ.ค. พล.อ.เจริญชัยเดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุป การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดในภาคเหนือ พบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็นร้อยละ 78.07 และพื้นที่เผาไหม้ เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 67.42 จากการประเมินสถานการณ์ในปีนี้มีแนวโน้มที่จะมี ความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 3 จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าตามคำสั่งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 ธ.ค. เพื่ออำนวยการ บูรณาการ เฝ้าระวังติดตามรวมทั้งประเมินสถานการณ์ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งบูรณาการการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบร่วมกับหน่วยงาน ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนให้เข้ามาแก้ไขปัญหา

สำหรับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่อื่นๆ ได้พิจารณาแนวทางลดปริมาณฝุ่นละออง ควบคู่ลดการเผาขยะทางการเกษตร จากตอซัง ฟางข้าว ด้วยการใช้นวัตกรรมต่างๆ รวมถึงจัดชุดประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบจากการเผาในพื้นที่การเกษตร ปรับเปลี่ยนทัศนคติสู่การพัฒนาเป็นเกษตรสีเขียวตามแบบ BCG Model เพื่อลดมลพิษ ร่วมสร้างอากาศสะอาด และสร้างความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน