พาณิชย์ขายสินค้าราคาถูก อุตฯเติมทุนผู้ประกอบการ ศธ.ลดการบ้านนร.-งานครู

รัฐบาลสวมบท‘ซานตา คลอส’ จัดแคมเปญ 4 วัน 4 กิจกรรมความสุข มอบของขวัญปีใหม่ คนไทย มีทั้งคูปองแทนเงินสด เครดิตคืนเงิน ส่วนลดผ่านออนไลน์ และห้างดัง-แสนสิริ- เอไอเอส-สายการบิน พาณิชย์ลดราคาสินค้ากระหน่ำสูงสุด 82% คาดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.2 หมื่นล้าน ศธ.ก็มอบของขวัญให้ครู นักเรียน ทั้งช่วงปีใหม่ วันเด็ก วันครู ลดงานครู ลดการบ้านนักเรียน ส่วน‘อว.’ แจก 9 กล่อง ทั้งให้สอบทีแคสฟรี 10 คณะ คอร์สออนไลน์เรียนฟรี ‘อุตสาหกรรม’จับมือค่ายรถใหญ่ให้สิทธิพิเศษลูกค้าซื้อรถ ยนต์ไฟฟ้ามอบของขวัญปีใหม่

รัฐจัดแคมเปญมอบของขวัญปีใหม่
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) แถลงข่าวมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนประจำปี 2567 ตามโครงการ 4 Day 4 Gifts for you ประกอบด้วย 4 กิจกรรมเพื่อคืนความสุข สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ทั้งการคืนความสุขด้วยคูปองแทนเงินสด เครดิตเงินคืน และส่วนลดผ่านทางออนไลน์ และห้างสรรพสินค้า อาทิ ลาซาด้า ช้อปปี้ ซีพี ท็อปส์ เอไอเอส ฮอนด้า และบริษัท แสนสิริ เป็นต้น รวมถึงให้โค้ดส่วนลดของสายการบิน ได้แก่ไทยไลอ้อนแอร์ แอร์เอเชีย นกแอร์ และไทยเวียตเจ็ท ขณะที่ เอไอเอสมอบสิทธิ์ซื้อโทรศัพท์มือถือ เครื่องเปล่าในราคาพิเศษ แบบไม่ต้องสมัครแพ็กเกจ และไม่ติดสัญญา

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมรณรงค์ให้ ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในการเดินทาง โดยใช้ขนส่งสาธารณะในช่วงปีใหม่ และการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผ่านบริการสายด่วน 1166 และแอพพลิเคชั่น OCPB connect ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคในช่วงวันหยุดปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2566 ถึงวันที่ 1 ม.ค. 2567

ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้เพิ่มบริการของรัฐ บนแอพพลิเคชั่น “ทางรัฐ” เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลภาษีที่ดิน ระบบยื่นคำร้องขอเทียบวุฒิการศึกษาออนไลน์ หลักฐานแสดงตนกำลังพลกองทัพบก และยังมีหลักสูตรทักษะพื้นฐานดิจิทัลเรียนรู้เท่าทันภัยไซเบอร์

จัดสวดมนต์ข้ามปีทุกวัดทั่วปท.
สำหรับพุทธศาสนิกชน รัฐบาลได้จัดกิจกรรมสวดมนต์เจริญจิตตภาวนาข้ามปีในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ทุกวัดทั้งในและต่างประเทศ

ศธ.มอบของขวัญปีใหม่‘ครู-น.ร.’
ด้านพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ ศธ.เตรียมของขวัญ ให้ครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงประชาชน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือของขวัญปีใหม่ ของขวัญวันครู และของขวัญวันเด็ก โดยในส่วนของของขวัญปีใหม่นั้น หน่วยงานในกำกับของศธ. จัดเตรียมของขวัญไว้จำนวนมาก อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดกิจกรรมอาชีวะอาสาร่วมด้วยช่วยประชาชน เปิดศูนย์ให้บริการดูแล บำรุงรักษา และซ่อมแซมยานพาหนะ สำหรับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำศธ. ในฐานะโฆษกศธ. กล่าวว่า สำหรับของขวัญปีใหม่ของครู นักเรียน และผู้ปกครองนั้น ที่ผ่านมารมว.ศธ.ตั้งคณะทำงานรวบรวมผลงานด้านต่างๆ ที่ศธ. จัดทำมาตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อจัดเป็นกิจกรรมปีใหม่ให้กับนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ ทั้งโครงการลดภาระงานครูด้านธุรการและการจัดซื้อจัดจ้าง การพัฒนากฎหมายเพื่อการศึกษาให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษา ลดการบ้านเพื่อการเรียนรู้ ส่งเสริมกิจกรรมอัพสกิล รีสกิลให้กับประชาชนและผู้สนใจทั่วประเทศ

อว.คัดของขวัญ9กล่องมอบให้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้คัดสรรของขวัญปีใหม่สุดพิเศษทั้งหมด 9 กล่อง เพื่อส่งความสุขให้กับคนไทย ดังนี้ กล่องที่ 1 มอบแก่ลูกๆ นักเรียนกว่า 125,000 คนทั่วประเทศกับของขวัญที่มีชื่อว่า “สู่รั้วอุดมศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม” โดย TCAS67 ในรอบแอดมิชชั่นนั้น ทุกคนจะได้รับสิทธิ์เลือกคณะ 10 อันดับ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 900 บาทต่อคน ถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายโอกาสเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

กล่องที่ 2 ภาพถ่ายดาวเทียมพร้อมใช้ เพื่อคนไทยทุกคน กล่องที่ 3 ผูกโบคอร์สออนไลน์เรียนฟรี มอบความรู้ให้คนไทย ด้วย “อว. อะคาเดมี่ : สร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้” แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ อย่าง “RTA Thai MOOC” เพื่ออัพสกิล-รีสกิล (Upskill-Reskill) กล่องที่ 4 ของขวัญที่ทำให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ช่วยสมาร์ตกว่าที่เคย ด้วย “MHESI APP” กล่องที่ 5 เพื่อให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ค้นหาแรงบันดาลใจ กับ “อว. เปิดโลกกว้างแห่งการเรียนรู้ด้วยพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมพิเศษ” ที่เปิดให้เข้าชมฟรีในช่วงปีใหม่ กล่องที่ 6 “MHESI E-Book” ของขวัญแก่หนอนหนังสือ กับ E-Book ที่สะดวก อ่านง่าย กล่องที่ 7 “นวัตกรรมและงานวิจัยเพื่อสังคม” กล่องที่ 8 “บริการตรวจวัด – สอบเทียบ” และกล่องที่ 9 “บริการจุดพักรถ ตรวจเช็กสภาพรถฟรี เพื่อการขับขี่ปลอดภัย” เพื่อบริการประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่

‘วธ.’จัด4กิจกรรมหลักรับปีใหม่
ส่วนกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) รัฐบาลมอบของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2567 เพื่อส่งความสุขให้แก่ประชาชน ประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก ดังนี้ กิจกรรมทางศาสนา เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ได้แก่ 1.ชื่นชมโบราณสถานยามค่ำคืน กับกิจกรรม “อารามอร่าม 10 วัด และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ” ระหว่างวันที่ 24 ธ.ค. 2566 – 2 ม.ค. 2567 2.สวดมนต์ข้ามปี ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2566 – 1 ม.ค. 2567 ณ วัดส่วนกลาง (วัดพระเชตุพนฯ วัดอรุณราชวราราม และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์) ส่วนภูมิภาค และวัดต่างๆ 76 จังหวัดทั่วประเทศ และ วัดไทยในต่างประเทศ

กิจกรรมท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ได้แก่ 1.เปิดให้บริการเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทุกแห่งเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค. 2566 – 5 ม.ค. 2567 2.จัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ระหว่างวันที่ 9 ธ.ค. 2566 – 30 เม.ย. 2567

กิจกรรมศิลปวัฒนธรรม เพื่อสร้างความสุขให้ประชาชน ได้แก่ 1.กิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมโดยนักเรียนและนักศึกษาในสังกัดสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชน ได้แก่การนำเสนอผลงานนาฏศิลป์ สร้างสรรค์ ระดับชาติ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค. 2566 ณ คณะศิลปะนาฏดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ 2.เปิด พื้นที่หอภาพยนตร์ให้ประชาชนเข้าชมภาพยนตร์ซึ่งจัดฉายต่อเนื่อง ตลอดทั้ง เดือน ธ.ค.2566 3.“Moral Touch คุณธรรม สัมผัสได้” เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรม ส่งเสริมความสุขและความสนุกได้ความรู้ผ่านแอพพลิเคชั่น Moral Touch

และกิจกรรมส่งความสุขแบบไทยในวาระส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยเชิญชวนประชาชนส่งความสุขออนไลน์ด้วยบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค. 2566 – 1 ม.ค. 2567

สั่งลุย – นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานพาณิชย์สั่งลุย!ลดราคา New Year Mega Sale 2024 มอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.

พาณิชย์ลดราคาสินค้าสูงสุด 82%
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงของขวัญปีใหม่ 2567 ว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมส่งมอบความสุข ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ประชาชนและผู้ประกอบการ ภายใต้มาตรการ 4 เพิ่ม ได้แก่ 1.เพิ่มอาชีพ เตรียมนำธุรกิจแฟรนไชส์ 30 ราย มาลดราคาแพ็กเกจสูงสุด 30% อาทิ แฟรนไชส์ร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเตี๋ยวตุ๋นหม้อไฟ ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิด หรือเครื่องดื่มชานม อย่าง Am Tea หรือ Zerocco เป็นต้น

2.เพิ่มทักษะ เตรียมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพที่จำเป็นให้แก่เอสเอ็มอีฟรี เป็นระยะเวลา 3 เดือน 3.เพิ่มโอกาส โดยให้เอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ สปา โรงแรม รีสอร์ต สามารถใช้ลิขสิทธิ์เพลงมากกว่า 10 ล้านเพลง ฟรี 3 เดือน และมอบส่วนลด 50-55% เป็นเวลา 1 ปี เมื่อต่ออายุการใช้งาน และลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 – 31 ธ.ค. 2569 ใน จ.นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล และ 4.เพิ่มความสุข จัดงาน นิวเยียร์ เมกะเซลส์ 2024 ทั่วประเทศ นำสินค้ากว่า 40,000 รายการและบริการกว่า 1,180 ราย มาลดราคาสูงสุด 82% เป็นเวลา 1 เดือน เริ่มตั้งแต่ 15 ธ.ค. 2566 -15 ม.ค. 2567

นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับอี-คอมเมิร์ซ และแพลตฟอร์มฟู้ด เดลิเวอรี่ ชั้นนำ 386 ราย อาทิ Shopee, Lazada, Robinhood, Lineman, Foodpanda, Grab, AirasiaSuperapp, Kerry, Jatujak mall Thailand postmart มอบโค้ดส่วนลดสูงสุด 80% สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ กว่า 13 ล้านรายการ

สำหรับรายการสินค้าที่นำมาลดราคาอาหารสด ลด 50% ข้าวสาร ลด 62% ของใช้ประจำวัน ลด 75% อาหารสัตว์ ลด 55% เครื่องใช้ไฟฟ้า ลด 76% เป็นต้น ส่วนบริการที่นำมาลดราคา เช่น ที่พัก และสปา ลด 45% ประกันภัย ลด 20% บริการทางการแพทย์ ลด 75% การเดินทาง ลด 52% บัตรเครดิต ลด 50% ซ่อมบำรุงรถยนต์ ลด 67% เป็นต้น

“คาดว่าของขวัญปีใหม่กระทรวงพาณิชย์ปี 2567 จะช่วยลดค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชนสูงถึง 4,000 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า 12,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มเอสเอ็มอีและคนตัวเล็ก ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 1,656 ล้านบาท มีผู้ได้ประโยชน์มากกว่า 6,000 ราย และที่สำคัญจะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ได้มากกว่า 20,000 ครัวเรือน” นายภูมิธรรมกล่าว

ก.อุตฯมอบของขวัญ 4 ด้าน
ด้านน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังให้ ทุกกระทรวงจัดเตรียมแผนงานและโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับประชาชน เพื่อช่วยเหลือ ในการลดค่าครองชีพช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อส่งความสุขให้กับประชาชน และลดค่าใช้จ่าย เพิ่มกำลังซื้อสินค้า อีกทั้งยังส่งเสริมการขายและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงดำเนินการรวบรวมโครงการ/กิจกรรมที่สามารถให้การช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ.2567 โดยแบ่งเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสินค้าและ บริการดี ราคาพิเศษ กระทรวงร่วมกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศ ไทย) จำกัด และ บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด จัดโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ ลดค่าใช้จ่าย ซึ่งแต่ละค่ายรถยนต์เป็นผู้กำหนด ให้กับประชาชนที่สนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เช่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ฟรีค่าติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า ฟรีประกันชั้น 1 เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังลดราคาหนังสือ มอก. และมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) 75% ของราคาปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2567 เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนนำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและมาตรฐานการตรวจสอบและรับรอง แห่งชาติ ไปใช้ได้อย่างถูกต้องทั่วถึงในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

ด้านเติมทุน เสริมสภาพคล่อง กระทรวงได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและลดค่าบริการ เช่นเตรียมการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี พ.ศ. 2567 ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 และ 3 ยกเว้นค่าธรรมเนียม ใบอนุญาต และใบแทนใบอนุญาต มอก. ฉบับละ 3,000 บาท ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองหน่วยตรวจสอบและรับรอง (หน่วยตรวจ หน่วยรับรอง ห้องปฏิบัติการ) ฉบับละ 10,000 บาท และคำขอใบรับรอง ฉบับละ 1,000 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงยังให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่นสินเชื่อพิเศษเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ดีพร้อม (DIPROM PAY) วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะเวลา ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี สินเชื่อเพื่อ ผู้ประกอบการที่ต้องการระยะเวลาการกู้ยาว (Loan for SMEs by Tenor) วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด ไม่เกิน 10 ปี สินเชื่อธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม (DIPROM Pay for BCG) วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 7 ปี เป็นต้น

ด้านเพิ่มโอกาส เสริมแกร่งธุรกิจ กระทรวงให้คำปรึกษาแนะนำ/บริการด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งออกแบบตราสินค้า ฉลากสินค้าและต้นแบบบรรจุภัณฑ์ ฟรี แกะกล่องของขวัญ เทรนด์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตฟรี ได้แก่ เวิร์กช็อปพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Tech Academy) เวิร์กช็อปนำเสนอเครื่องมือแพทย์ฝีมือคนไทย พร้อมสาธิตและทดลองใช้งาน หลักสูตรอบรม พัฒนาองค์ความรู้ด้าน Low Cost Automation และการผลิตแบบโตโยต้า และ เวิร์กช็อปพัฒนาบุคลากรไปสู่นักนวัตกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เป็นต้น

ด้านกระจายรายได้สู่ชุมชนรอบอุตสาห กรรม กระทรวงได้เร่งจ่ายเงินตัดอ้อยสดฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา จัดหาเครื่องสาง ใบอ้อยมาให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยยืมใช้ แจกอ้อยพันธุ์ดี และดำเนินโครงการเหมืองแร่ปลอดภัยห่วงใยประชาชนปี 7 ซึ่งจะ จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพของประชาชน โดยรอบสถานประกอบการเหมืองแร่ จัดนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ และต่อยอดจากการทำเหมือง มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน ให้แก่ชุมชนรอบเหมือง มอบเครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ทางการแพทย์

คลังมอบ‘อีซี่ อี-รีซีต’
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการ อีซี่ อี-รีซีต (Easy E-Receipt) จะให้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้า หรือบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือผู้ประกอบการทั่วไปเฉพาะค่าซื้อสินค้าและบริการ ไม่เกิน 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.2567 โดยต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบ 70,000 ล้านบาท เพิ่มจีดีพี 0.18% เมื่อเทียบกับไม่มีมาตรการ ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้ ประมาณ 10,000 ล้านบาท เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้มีผู้เข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น

สำหรับบุคคลที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว คือผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล โดยสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2567 ซึ่งมีกำหนดการยื่นแบบ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568

ส่วนสินค้าและบริการเข้าเกณฑ์นั้น จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากรประกาศ โดยสินค้าที่ไม่เข้าร่วม คือ ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการสัญญาณอินเตอร์เน็ต ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น

‘สุดาวรรณ’ดูแลนักท่องเที่ยวเข้ม
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับ 12 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ, กรมการท่องเที่ยว, กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กรมการขนส่งทางบก, กรมเจ้าท่า, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล, กรมการปกครอง, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำภารกิจของแต่ละหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ดูแล นักท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางให้ดีที่สุด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567

ขณะเดียวกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดความมั่นใจในด้านความปลอดภัยระหว่างการท่องเที่ยวในไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอของบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน เบื้องต้น 50 ล้านบาท ไว้สำหรับดูแลกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตจะนำเงิน ส่วนนี้จ่ายให้ 1 ล้านบาท หากบาดเจ็บ จ่ายตามจริงแต่ไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่ง นายกฯ เห็นชอบแล้วจะได้นำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน