เปิดปมวิวาทแก๊งโจ๋

บุกชกหมอถึงในรพ.

แค้นเพื่อนถูกแทงดับ

อัยการฮึ่มโทษหนัก

แฟ้มคดี

เปิดปมวิวาทแก๊งโจ๋ – เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ที่แม้จะพยายามเข้มงวดป้องกันปราบปรามอย่างไรก็ดูจะไม่มีผลสัมฤทธิ์เท่าใดนัก

สำหรับการก่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงพยาบาล

ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคู่อริที่มีเรื่องติดพัน ติดตามมาล้างแค้น หรือเอาคืนฝ่ายตรงข้ามที่บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

จนสถานที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุด เป็นที่ให้คนได้พึ่งพิง กลายเป็นที่อันตราย

อย่างเหตุการณ์ที่ จ.สมุทรปราการ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการวิวาทของ 2 แก๊ง ลามไปจนถึงตามไปลงไม้ลงมือถึงโรงพยาบาล

แถมรุนแรงถึงขั้นชกหมอผู้หญิง แล้วยังตามไปราวีคู่อริอีกโรงพยาบาลหนึ่ง

สุดท้ายถูกจับกุมดำเนินคดี ก็ต้องรอดูว่าผลของกระบวนการจะออกมาเป็นอย่างไร

จะมีความยุติธรรมให้เห็นเป็นที่ประจักษ์หรือไม่

แก๊งโจ๋บุกร.พ.-ชกหน้าหมอ

เหตุการณ์ระทึกขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจ สภ.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเกิดเหตุทำร้ายร่างกายและทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ โดยในขณะที่กำลังจะเดินทางไปตรวจสอบ ก็ได้รับแจ้งว่าเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นอีก ที่โรงพยาบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ

นาทีวิวาท

ทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ที่ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ต.สำโรงกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงเข้าตรวจสอบ พบสภาพภายในห้องฉุกเฉินพังพินาศ อุปกรณ์ทางการแพทย์เสียหาย สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้จำนวนหนึ่ง และเร่งติดตามจับกุมกลุ่มที่เหลือ

โดยมูลเหตุของเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นจาก นายอรรถพล หรือ แฮ็ก บุญประเสริฐ ที่เป็นคนของแก๊งมหาวงษ์ ข้ามถิ่นเข้าไปในซอยโรงเหล็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ของอีกแก๊งหนึ่ง เพื่อเอายาบ้า 10 เม็ดไปแลกสว่านไฟฟ้ากับคนที่รู้จักกันในซอยดังกล่าว แต่ขณะเดินผ่านบ้านของกลุ่มคู่อริแก๊งโรงเหล็ก ถูกสั่งห้ามเข้าจนมีปากเสียงกัน

จากนั้นถูกฝ่ายตรงข้าม 2 คนเข้ามารุมต่อยจนล้มกองกับพื้น และหนีออกมาขี่จักรยานยนต์และโทรศัพท์หาเพื่อนในซอยมหาวงษ์ให้มาช่วยเหลือ ก่อนที่แก๊งมหาวงษ์จะรวมตัวกันมาเอาคืนที่จุดเกิดเหตุภายในซอยโรงเหล็ก

ขณะที่กำลังชุลมุนอยู่นั้น ฝ่ายแก๊งโรงเหล็กใช้เหล็กขูดชาฟต์แทงเข้าที่ไหปลาร้าของนายรัชต์พงษ์ หรือคิว วาสนา อายุ 22 ปี เพื่อนที่ตามมาช่วย ก่อนหลบหนีไป เพื่อนๆ จึงช่วยกันพานายรัชต์พงษ์ขึ้นรถ จยย.มาส่งที่โรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ

สภาพความเสียหาย

เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์พยายามช่วยชีวิตคนไข้อย่างเต็มความสามารถ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ หลังจากที่ทราบว่าเพื่อนเสียชีวิต นายภานุวัฒน์ หรือกั๊ก แย้มสุข อายุ 28 ปี ก็บุกเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พร้อมตะโกนถามว่า “ไหนใครว่าเพื่อนกูตายตั้งแต่ที่เกิดเหตุ”

พญ.ธนิกานต์ สู่พานิช แพทย์ผู้รักษาก็ตอบรับว่าหมอเอง ทำให้นายภานุวัฒน์ชกเข้าที่ใบหน้าด้านขวาของหมอจนทรุดลงไปกองกับพื้น จากนั้นบุรุษพยาบาลจะเข้ามาช่วย นายนิพล หรือ มิน วันชม อายุ 23 ปี น้องชาย ก็เข้ามาชกบุรุษพยาบาลบาดเจ็บอีก

จนกระทั่งครอบครัวของนายคิว ผู้เสียชีวิตเข้ามาห้ามปรามเรื่องถึงได้ยุติ แต่ก็ไม่จบเท่านั้น เมื่อแก๊งมหาวงษ์ นำโดยนายภานุวัฒน์ยังคงก่อเรื่องไม่หยุด โดยครั้งนี้ตามไปล้างแค้นคู่อริแก๊งโรงเหล็กถึงโรงพยาบาลอีกแห่ง

เป็นพฤติกรรมที่เหิมเกริมอย่างยิ่ง

ตามมาตื้บอริในห้องฉุกเฉิน

หลังก่อเหตุที่โรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ ก็ยกพวกบุกมายังโรงพยาบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ที่ทราบว่า นายธนพล หรือ แจ๊ค ทองชัยยะ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นคนแทงนายคิวเสียชีวิต มารักษาตัวเนื่องจากบาดเจ็บที่ศีรษะ ปาก และแขนซ้าย โดยขณะที่แพทย์กำลังรักษาอยู่ในห้องฉุกเฉิน แก๊งมหาวงษ์กว่า 20 คนก็เข้าไปตะลุมบอน ทำลายข้าวของพังเสียหาย ผู้ป่วยที่รักษาตัวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่หนีตายกันจ้าละหวั่น

วงจรปิดชัด

โดยนางพยาบาลห้องฉุกเฉินระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค. มีผู้บาดเจ็บถูกแทงเข้ามารักษา หลังจากรักษาจนเสร็จ ประมาณ 20.00 น. ฝ่ายคู่กรณีขี่ จยย.กว่า 20 คัน มีอาวุธทั้งไม้เบสบอล ไม้ กรูเข้ามาไล่ทำร้ายเพื่อนของผู้บาดเจ็บ ทำให้ทุกคนหนีเข้ามาในห้องฉุกเฉิน แต่ฝ่ายที่ก่อเรื่องก็ตามมาที่ห้องฉุกเฉิน ขว้างปาเก้าอี้ สิ่งของจนชุลมุน

เจ้าหน้าที่เกรงว่ากลุ่มวัยรุ่นจะตามขึ้นไปทำร้ายคู่อริที่รักษาตัวอยู่ชั้นบน จึงต้องปิดลิฟต์ขึ้นลงอาคาร ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นยังลงทำลายข้าวของจนกระจกห้องหมอแตก ก่อเหตุนานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะหลบหนีไป

ทั้งนี้ พล.อ.ท.นพ.ชูพันธ์ ชาญสมร ผอ.ร.พ.วิภาราม-ชัยปราการ เปิดเผยว่า รับผู้บาดเจ็บรักษาหลังพบว่าถูกแทงที่บริเวณหน้าอก เมื่อมาถึงโรงพยาบาลพบผู้ป่วยไม่สามารถวัดชีพจรได้ และมีเลือดออกในช่องอก จึงรักษาด้วยการเจาะปอดระบายเลือดออกซึ่งมีจำนวนมาก

แพทย์จึงออกไปคุยรายละเอียดอาการกับญาติ เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บตามคำร้องขอจากญาติ และพยายามขอให้ส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อ แต่แพทย์ประเมินแล้วว่าผู้บาดเจ็บมีความเสี่ยงหากเคลื่อนย้าย จึงพยายามช่วยชีวิตอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายผู้บาดเจ็บเสียชีวิตในเวลา 20.45 น.

สำหรับ พญ.ธนิกานต์ สู่พานิช ยังจิตใจไม่ดีและขวัญเสียมาก ต้องขอยุติการปฏิบัติหน้าที่

เล่านาทีระทึก

ด้าน นายรังสี ธีระศิลป์ ผู้ช่วย ผอ.ร.พ.เมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย เผยว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ในโรงพยาบาล หลังจากที่พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นบุกกันเข้ามาภายในห้องฉุกเฉินและเข้าทำร้ายร่างกายกัน เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปห้ามปราม แต่กลับจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ จนต้องพากันหาที่กำบัง ส่วนการดำเนินการทางกฎหมายนั้นยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์

ส่วนความเสียหายพบว่ามีหลายจุดหลายอย่าง รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น กรรไกรทางการแพทย์ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุหยิบฉวยกันไปเป็นอาวุธทำร้ายกัน

ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

อัยการฮึ่มฟ้องคดีหนักแน่

ขณะที่การดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แบ่งเป็นกลุ่มมหาวงษ์ 24 คน ซึ่งติดตามจับกุมได้แล้ว 22 คน เหลืออีก 2 คนคาดว่าจะเข้ามอบตัวเร็วๆ นี้ ส่วนแก๊ง โรงเหล็กนั้น มีทั้งหมด 5 คน จับกุมไปแล้ว 1 คน คือ นายธนพล ที่ก่อเหตุแทงนายคิวถึงแก่ชีวิต ส่วนที่เหลือให้ทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่แจ้งข้อหา

คุมตัวฝากขัง

พร้อมส่งทั้งหมดฝากขังศาลสมุทรปราการ คัดค้านประกันตัว ส่งตัวเข้าเรือนจำสมุทรปราการ

ขณะที่พนักงานสอบสวนแบ่งเป็น 3 คดี โดยคดีแรกที่ซอยโรงเหล็กแบ่งเป็น 2 ข้อหา คือ ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บโดยมีอาวุธของแหลมมีคม และบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน

คดีที่ 2 ที่ร.พ.วิภาราม-ชัยปราการ แบ่งเป็น 2 ข้อหา ประกอบด้วยร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ

คดีที่ 3 ที่ร.พ.เมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย แบ่งเป็น 3 ข้อหา คือ ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยมีอาวุธ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์

ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า คดีทำร้ายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ผ่านมาพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอลงอาญามาหลายสำนวนแล้ว เพราะโรงพยาบาลควรเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุด คราวนี้กลับกระทำต่อบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ใครคิดกระทำอีกขอให้เลิก

“อัยการฟ้องหนักแน่ เตรียมก้มหน้ารับกรรมที่ก่อไว้ คดีจำพวกนี้ศาลพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญามาแล้ว กับเหตุตีกันในโรงพยาบาล เพราะก่อนหน้านี้ศาลมีคำพิพากษาอย่างรวดเร็ว และเด็ดขาด โดยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 62 ศาลจังหวัดอ่างทองจำคุกวัยรุ่น 9 คน ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในสถานบันเทิงจนบาดเจ็บ มีผู้นำส่งร.พ.อ่างทอง แต่คู่กรณียังไม่เลิกตามมาทำร้ายกันในห้องฉุกเฉินจนอุปกรณ์ทางการแพทย์เสียหาย คดีนั้นศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน รับสารภาพเหลือ 3 เดือน พฤติการณ์ร้ายแรงไม่ยำเกรงกฎหมายศาลจึงไม่รอลงอาญา”

นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า โรงพยาบาลต้องเป็นสถานที่กู้ชีพฉุกเฉิน ช่วยเหลือผู้ป่วย และปลอดภัยสำหรับทุกฝ่าย พฤติกรรมใหญ่โต ทำทรัพย์สินของราชการเสียหาย ตีทำร้ายในโรงพยาบาล เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจที่สุด อัยการจะพิจารณาบรรยายฟ้องถึงพฤติกรรมที่ท้าทายกฎหมายใหญ่โตไม่เกรงกลัวกฎหมายขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก หรือฟ้องขอให้เพิ่มโทษหากมีประวัติเก่า

ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นมาอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน