บันเทิง - 'ปราง'ไม่ดูถูกโอกาส ได้ประสบการณ์สอน

โดย พลเทพ สารภิรมย์

ผ่านมาแต่บทติ๋มๆ ไม่มีปากไม่มีเสียง จนมาถึงละคร ‘เมียอาชีพ’ ที่ออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 นางเอกสาว ‘ปราง’ กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล โดนใจสุดๆ ที่ได้พลิกบทบาทมาเป็นนางเอกสู้คน แรงมา แรงกลับ ไม่โกง
นานๆ จะได้เห็นคาแร็กเตอร์แปลกใหม่ของสาว ‘ปราง’ วันนี้เลยต้องล็อกคิวมานั่งคุยกัน

‘กับละครเรื่องใหม่ ‘เมียอาชีพ’ เป็นยังไงบ้าง?

ปราง – “ฟีดแบ็กดีค่ะ ดีใจกับคำชมและกระแสที่ได้รับ จริงๆ ชมทุกตัวละครด้วยซ้ำ นั่งอ่านทวิตเตอร์ ยิ้มไปดูละครไป ดีใจที่ชอบค่ะ จริงๆ ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก เพราะเป็นการพลิกบทบาท แล้วเป็นละครแนวใหม่ๆ ปรางว่าไม่ค่อยมีละครแนวนี้ แนวนางเอกสู้คนขนาดนี้ และแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันขนาดนี้ เพราะเรื่องล่าสุด บุพเพสันนิวาส คนติดปรางในบทนั้น ไปไหนมาไหนคนยังชอบเราเป็นแม่หญิงจันทร์วาด พอมาเปลี่ยนเป็นดาวในเรื่องนี้ก็เลยลุ้นมาก ซึ่งปรางก็แอบเชื่อว่าคนรอดูปรางในบทบาทแบบนี้มานานมากแล้ว”

‘เมียอาชีพ เล่าเรื่องราวยังไง?

ปราง – เล่าเรื่องตัวละครชื่อดาวที่เป็นคนสู้ชีวิต ทำทุกอาชีพที่ได้เงินเพราะต้องการเงินมารักษาพ่อ แต่สุดท้ายการพยายามหาเงิน กลายเป็นว่าต้องตกไปรับอีกหน้าที่หนึ่งคือหน้าที่เมีย เลยชื่อเมียอาชีพ แต่ดาวเป็นคนไม่ยอมคน รักความถูกต้อง ใครด่ามาฉันสู้ ใครอย่ามารังแก คือสู้คน และต้องสวยมีเสน่ห์มาก เจอพระเอกครั้งแรก พระเอกต้องตกหลุมรักเลย ก็แอบคิดเหมือนกันว่าตอนแรกที่ได้โจทย์มาคือจะทำยังไงให้คนที่มาเจอแล้วตกหลุมรักครั้งแรก มันยากนะ และปรางอยากเล่นให้คนดูเชื่อว่า ถ้าเราไม่ได้ดูสวยมาก คนดูก็จะไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นก็จะพยายามงัดทุกอย่างที่มีมาสุดๆ ทั้งเรื่องของสายตา ใช้ให้เยอะที่สุด ให้คนเชื่อว่าสวยถึงขนาดตกหลุมรักในครั้งแรก

‘เรื่องนี้ “ดาว” จะพีกมากๆ ตอนไหน?

ปราง – ประมาณกลางๆ เรื่องก็พีกแล้ว ความจริงถูกเปิดเผยหมดแล้ว ก็อยากให้ลุ้นเอาใจช่วยด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องความรักของพระเอก (ไม้ วฤษฎิ์) กับ บอล (กัมมัญญ์) ว่าเราจะต้องเลือกใคร ผู้ชายคนหนึ่งพอเขารู้ความจริง เขากลับโกรธ รับไม่ได้กับสิ่งที่เราเป็น แต่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่รู้ความจริงทุกอย่างว่าเราคือใคร แต่เขายังรักเราอยู่ พอปลายเรื่องจะเกิดคำถามว่าคุณจะเลือกใคร ความรัก คุณควรจะรักเขาในแบบที่คุณเป็น หรือแบบที่พยายามเป็นกันแน่ มันมีคติเกี่ยวกับความรักเยอะมากเรื่องนี้

‘ร่วมงานกับหนุ่ม ‘ไม้’ วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ เป็นไงบ้าง?

ปราง – เพิ่งได้ร่วมงานกันเรื่องแรกเลย ทุกอย่างคือแรกหมด อยู่ช่องเดียวกันจริง แต่ไม่เคยได้เจอกัน แล้วละครเรื่องนี้ไม่มีเวิร์กช็อป ปกติละครจะมีเพื่อให้นักแสดงคุ้นเคยกันก่อน เรื่องนี้ไม่มีเลย เพราะฉะนั้น พอมาเล่นบทแบบนี้คนก็เชื่อ มองว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เพราะอย่างให้ปรางมาเล่นกับพี่ปั้นจั่น (ปรมะ) ก็อาจจะไม่ได้นะคะ (หัวเราะ) อาจจะไม่เขิน ก็เป็นอีกหนึ่งมุมมองใหม่ เพราะตอนแรกก็คิดว่าไม่ได้เวิร์กช็อปกันเลย จะทำได้มั้ย แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างมันโฟลวดีค่ะ

‘เห็นบอกว่ามีเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ?

ปราง – ใช่ค่ะ อ่านบทแล้ว โห…เรื่องนี้สิบแปดบวกป่ะเนี่ย (หัวเราะ) คือมีเลิฟซีนเยอะมาก แต่ปรางก็คิดว่าแฟนๆ คงชอบแหละ แต่ปรางก็แบบ ด้วยความที่เราเล่นพีเรียดค่อนข้างเยอะ พีเรียดมีแค่ฉากเดียวเท่านั้นแหละที่เป็นเลิฟซีนทั้งเรื่อง อย่างมากก็หอมแก้ม จูบแค่ฉากเดียว แต่เรื่องนี้สมัยใหม่ มีความกุ๊กกิ๊ก โรแมนติก เราต้องไปรับจ้างเป็นเมีย ทุกแอ๊กทิวิตี้ต้องใกล้ชิดกับพระเอกมาก ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เยอะสุดแล้วในชีวิต แต่เมื่อเรารับบทมาแล้วต้องเต็มที่ พยายามไม่คิดอะไรมาก ต้องเล่น ซึ่งทางพี่หนุ่ม (กษาปส์ สัมมาบัตท์) ผู้กำกับฯ ค่อนข้างฟรี ให้เราเล่นเอง และมีอิมโพรไวส์อะไรได้หมด อยากได้ความเขินจริงอะไรจริง เขาปล่อยเลย แทบไม่ซ้อมเลยด้วยซ้ำ ปรางชอบนะที่เขาปล่อยให้เราได้ลอง การที่เขาปล่อยให้เรามีความรู้สึกไหลไปเรื่อยๆ มันเลยออกมาเป็นธรรมชาติมาก และปรางก็แฮปปี้กับการทำงานมาก

‘ตัวละคร ‘ดาว’ ที่เล่น อย่างที่บอก คือต้องเป็นคนสวย แล้วพอเล่นแล้วมีคนชมว่าสวยจริงๆ รู้สึกอย่างไร?

ปราง – ดีใจมากเลยนะ แค่มีทวิตเตอร์ที่มีคนมาบอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมพระเอกถึงตกหลุมรัก แค่นี้ก็ดีใจมาก เพราะฉะนั้นก็พยายามใช้เสน่ห์ทุกอย่างแล้ว ต้องลงให้สวย ผมสะบัดออกมาสวยๆ อะไรอย่างนี้ ซึ่งเท่ากับว่าแอ๊กติ้งที่เราทำไปนั้นมันถูกต้อง (หัวเราะ) คือทุกอย่างที่เราดีไซน์มามันใช้ได้ (หัวเราะ)

‘มีความกังวลเกิดขึ้นบ้างไหม?

ปราง – จริงๆ ก็พยายามนึกให้ออกว่าผู้หญิงแบบไหน คือจะมีผู้หญิงประเภทที่สวย แต่ไม่มีเสน่ห์ หมายถึงว่าไม่ได้น่าเข้าใกล้ ผู้ชายจะไม่กล้าเข้าใกล้ แต่อันนี้คือต้องสวย มีเสน่ห์แล้วผู้ชายจะเข้าใกล้ เหมือนคุยแล้วน่ารักด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ปรางว่ายาก คือคนสวย บางทีคนเข้าไม่ถึง แต่พี่อุ๊ (พัชนี-ผู้จัด) ให้โจทย์ว่ามันต้องสวย ต้องมีเสน่ห์ แล้วผู้ชายเข้าถึงด้วย คือคุยแล้วสนุกดี มันก็ยากนะคะ

‘เรื่องนี้แต่งตัวสวย แล้วต้องมีวอบๆ แวมๆ เซ็กซี่เบาๆ ด้วย?

ปราง – ใช่ค่ะ แต่ละชุดที่พี่อุ๊เลือกมา โห…นี่แต่งได้จริงๆ เหรอคะ หนูตกใจ นางเอกใส่ได้เหรอคะ ชุดแบบนี้ แต่พอฟีดแบ็กออกมาทุกคนชมว่าสวย ทุกคนมองข้ามความโป๊และเซ็กซี่ของชุดนั้นไป ปรางก็ดีใจ ปรางต้องลดน้ำหนักเลยนะ เหมือนพอมาฟิตติ้ง ชุดมันฟิตมาก ถ้าปรางต้องใส่ชุดฟิตขนาดนี้ ปรางต้องแอ๊กติ้งไม่ได้แน่ (หัวเราะ) ปรางเลยต้องไปลดน้ำหนักตัวเองลงมาอีก เหมือนเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองด้วย เราจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลแบบมันฟิตมันพุงออกหรือเปล่า ถ้าเราผอมลงเราก็จะได้มั่นใจด้วย

ได้ดั่งใจไหม พอลดลงมา?

ปราง – โอ้โห ชุดพอดี คือเหมือนตัวเองต้องลดน้ำหนักตามชุดที่พี่อุ๊เลือก (หัวเราะ)

นอกจากแต่งตัวสวยเปรี้ยวแล้ว ต้องฝีปากดีด้วยใช่ไหม?

ปราง – ใช่ เป็นคนไม่ยอมคน สู้คนมาก ก็สนุกกับบท ที่ผ่านมาปรางจะได้บทโดนกระทำ ฉันเจ็บแต่ฉันไม่พูด ส่วนใหญ่จะได้นิ่งๆ และแสดงออกทางสายตา แบบเก็บไว้ข้างใน อันนี้แบบคิดอะไรพูดออกไปเลย เป็นนางเอกฉลาด นางฉลาดที่จะพูด เล่นแล้วสนุก ได้แสดงออกเต็มที่

ดาว กับ ปราง มีความคล้ายคลึงอะไรกันบ้าง?

ปราง – ปรางมองว่าปรางเป็นคนมองโลกในแง่ดี ตัวดาวก็มองโลกแง่ดี ทำให้ใครก็อยากเข้าถึง ถึงแม้ว่าเขาจะมีปมหรืออะไรก็ตาม และก็เป็นความที่ชัดเจนมั้งคะ เพราะปรางเป็นคนพูดอะไรตรงๆ คล้ายๆ ตัวดาวค่ะ

คาดหวังกับเรื่องนี้แค่ไหน?

ปราง – ใช้คำว่าคาดหวังไม่ได้ คือเรารับเรื่องนี้มา ก็ไม่ได้รู้สึกถึงว่ามันเป็นละครที่ทุกคนจะคาดหวัง คือละครมาออนแอร์ในช่วงที่ผ่อนคลายจากสถานการณ์โควิด เราก็เลยไม่ได้มองถึงจุดนั้น แต่เราตั้งใจ แล้วก็อยากให้คนดูบทบาทที่เปลี่ยนไปของตัวเรามากกว่า ไม่ได้เก็บเอาไปเครียด อาจจะคาดหวังก็ตรงที่ละครเราเป็นละครคัมแบ๊ก จากการรีรันของช่อง แต่ตอนเล่นตอนถ่ายทำไม่มีความกดดันค่ะ

ได้รับเล่นมาแล้วหลายบทบาท ยังมีบทไหนที่อยากเล่น แต่ยังไม่ได้เล่นบ้าง?

ปราง – อยากเล่นบทฝาแฝดค่ะ เพราะว่ามันจะต้องมีความได้เล่นสองคนในเรื่องเดียว ซึ่งมองว่ามันคงยากมากๆ เพราะทุกวันนี้ขนาดเล่นตัวเดียวยังยากมากเลย เพราะฉะนั้นปรางรู้สึกว่าตอนเล่นเรียบร้อย พอมาเล่นบทแบบนี้คนก็เชื่อ แล้วถ้าเราเป็นอย่างนั้นในเรื่องเดียวมันคงสนุกมาก ต้องลองดูค่ะ

วางแพลนอนาคตกับวงการบันเทิงไว้อย่างไร?

ปราง – มีบทอะไรมาก็รับหมดค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ปกติตั้งแต่เข้าวงการมา ผู้ใหญ่ให้บทอะไรมาก็รับหมด บทนางรอง บทไม่ใช่นางเอก หรือตอนนี้เป็นนางเอก ปรางก็ยังตั้งใจหมดทุกอย่าง หมายถึงว่ายิ่งประสบการณ์ที่ผ่านมามันสอนเราว่าไม่ว่าบทอะไรก็ตาม ถ้าเราตั้งใจ แล้วโอกาสมันมาแล้ว มันมีสิทธิ์สร้างชื่อเสียงให้กับเราทั้งนั้นแหละ คือเราอย่าไปดูถูกโอกาส อย่าไปมองข้ามทุกสิ่งที่เราได้รับมา เราไม่มีทางรู้หรอก โอกาสนั้นอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของชีวิตก็ได้ค่ะ