ปราบแผ่นดินไหว – ฝ่ายอนุรักษนิยมตื่นตระหนก ม็อบปลดแอกนัดชุมนุมใหญ่ครั้งแรก เต็มถนนราชดำเนิน คนรุ่นใหม่ล้นหลาม มีทั้งนักร้องนางงาม ระหว่างที่ยังตีอกชกหัว นอนตาไม่หลับ ตื่นเช้ามาก็เจอเด็กมัธยมทั่วประเทศชูสามนิ้ว ผูกโบสีขาวไล่เผด็จการ ช็อกตาตั้งเลยทีนี้

สุวินัย ภรณวลัย ให้คำนิยาม “แผ่นดินไหวเชิงวัฒนธรรม” ชัดเจนเฉียบคม แต่กลับโทษว่า คนรุ่นใหม่วัยทำงาน นิสิตนักศึกษา นักเรียน ถูกล้างสมอง คล้ายปฏิวัติวัฒนธรรมจีนยุคเหมา

ปฏิวัติวัฒนธรรมยุคเหมา ใช้อำนาจรัฐปลุกความคิดสุดโต่ง เป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้าม แต่นี่คือปฏิวัติวัฒนธรรมต้านอุดมการณ์ครอบงำของรัฐ ของฝ่ายอนุรักษ์ ซึ่งปลุกความคิดสุดโต่ง เป็นเครื่องมือรัฐประหารตุลาการภิวัตน์มา 15 ปี

วันนี้คือกระแสตีกลับ disruption ของวัฒนธรรมอำนาจอนุรักษนิยม ที่พังทลายทั้งในแง่อุดมการณ์ความคิด และในแง่ ที่ผู้มีอำนาจไม่สามารถดำรงตนอยู่ในศีลในธรรมตามปากสอน

ทำไมเด็กมัธยมออกมาจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง “ไล่เผด็จการ” เผด็จการไม่ได้หมายความแค่ตู่ แค่ทหาร แต่รวมระบบการศึกษา อำนาจนิยมในโรงเรียน ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม ไปจนบังคับให้เชื่อฟังโดยไม่มีเหตุผล (เด็กผู้หญิงน่าจะถูกกดทับมากกว่า)

คนรุ่นใหม่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เพราะโตในโลก disrupt อนาคตไม่มีหลักประกัน ต้องพร้อมปรับตัวกับความ ไม่แน่นอน คนรุ่นใหม่โตมากับโลกออนไลน์ ซึ่งไม่ใช่แค่ส่งดอกไม้ “สวัสดีวันจันทร์” แต่ใช้ศึกษาหาความรู้ ความบันเทิง พร้อมกับใช้ถกเถียงกันทุกเรื่อง ตั้งแต่หนัง เพลง ดารา มาถึงการศึกษา การเมือง ประวัติศาสตร์ ฯลฯ

แพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ใช่หาความรู้จากนั่งฟัง แต่มาจากการถกเถียงแลกเปลี่ยน โดยเสมอภาคกัน เพราะในโลกออนไลน์ ทุกคนเป็น “นิรนาม” เอาชนะกันด้วยเหตุผล ใครแสดงความเห็น ไม่เข้าท่า ก็โดนทัวร์ลงไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม (กระทั่งหญิงหน่อย)

ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ก็โตมาอย่างรู้จักเคารพสิทธิกัน ทุกคน เสมอหน้า ห้ามแซงคิว (รัฐมนตรีศึกษาจึงต้องไปต่อแถว) เช่นพวกเขาโตมากับเพื่อนที่เป็น LGBT ซึ่งถ้าใคร Bully แม้แต่ครู ก็โดนแฉคลิปออนไลน์

มันจึงปะทะโดยตรงกับระบบการศึกษาไทย ซึ่งเดิมทีก็ล้าหลัง แต่ 5-6 ปีนี้ถอยหลัง ยัดเยียดอุดมการณ์แห่งรัฐ ค่านิยม 12 ประการ เพิ่มวิชาหน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์สดุดีท่องจำ ภายใต้อำนาจครูบังคับ

ขณะเดียวกันก็มีปัญหาคุณภาพพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ เด็กอาจไม่ปฏิเสธการกราบไหว้ ถ้าครูเป็นที่เคารพรัก ถ้า ผอ.อยู่ครบ 4 ปีจะย้ายไป เด็กรักอาลัย แต่ไม่ใช่ ผอ.มาใหม่ ให้เข้าแถวต้อนรับกราบไหว้เจ้ายศเจ้าอย่าง

“ครูไหวใจร้าย” ไม่ใช่ชนะใจเด็กด้วยไม้เรียว แต่ด้วยความรักเอาใจใส่ ทำตัวเป็นแบบอย่าง “ครูเป็นสลิ่ม” ไม่ใช่แค่ความเห็นต่าง แต่บังคับให้เด็กเชื่อความคิดตกยุคล้าหลัง ด้วยอำนาจ ด้วยไม้เรียว ตัดคะแนน ด้วยโมหะโทสะ

แบบเดียวกับศาสนา ไม่ใช่แค่คำสอนห่างไกลสังคม แต่พระตัวเป็นๆ ก็ทำให้เสื่อมศรัทธา

สถาบันครอบครัว ก็อย่าโทษว่าเสื่อมเพราะเด็ก พ่อแบบไหนกัน ออกมาดูแคลนลูกตัวเองว่าถูกล้างสมอง เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ของขั้วที่สังกัด

ฉันใดฉันนั้น รัฐประหารสืบทอดอำนาจ อ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเพื่อให้ “คนดีปกครองบ้านเมือง” แต่ตรงกันข้าม ศีลธรรมเสื่อม ยุติธรรมลำเอียง ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ได้เป็นแบบอย่างให้เด็กเชื่อถือ

เด็กจำนวนมากบอกว่าพ่อแม่เป็นสลิ่ม น่าจะใช่ คนชั้นกลางสอนให้ลูกนับถือคนดี เกลียดนักการเมือง “โตไปไม่โกง” แต่วันนี้ ตอบลูกไม่ได้ คนดีอะไร กวาดต้อนนักการเมืองซากเดนมาค้ำ ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง พ่อค้าแป้งเป็นรัฐมนตรี

สอนเด็กพอเพียง แต่ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่าง ยืมนาฬิกาหรูมาใส่ “ยืมใช้คงรูป” คิดว่าเด็กไม่รู้หรือ ใครตั้ง ป.ป.ช.

โทษพรรคอนาคตใหม่? ธนาธร ปิยบุตร เสือกตั้งพรรค มาให้คนรุ่นใหม่นิยม หาเสียงสะอาด นักการเมืองคุณภาพ กลับโดนยุบพรรค แฟลชม็อบจึงลุกฮือ เพราะหมดเชื่อถือ ความยุติธรรม แต่นั่นตั้งแต่ต้นปี วันนี้ม็อบเยาวชนไปไกลแล้ว “3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืน 1 ความฝัน” มีหลายประเด็นรวมกัน เช่น “อุ้มเขาทำไม” ภาพวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏทุกม็อบ

รัฐยังคิดว่าแผ่นดินไหวเชิงวัฒนธรรม เป็นแค่กระแสวูบวาบ เด็กเห่อตามเพื่อน ตามแฟชั่น หลอกตัวเองว่าชู 3 นิ้วคือ ลูกเสือ โทษคนอยู่เบื้องหลัง โหมความเกลียดชังก้าวหน้า ก้าวไกล ไล่จับแกนนำม็อบ ขณะที่ยอมแก้รัฐธรรมนูญเป็นพิธี ลดกระแส ซื้อเวลา แล้วคิดว่าจะหยุดแผ่นดินไหวได้

ใช้อำนาจตำรวจ อ้างกฎหมายกวาดจับ ใครยังเชื่อถือความยุติธรรม? ใช้อำนาจอย่างไรก็ไม่สามารถสกัดขวาง “แผ่นดินไหว” ฟอกล้างความคิด ทลายการครอบงำทางวัฒนธรรม

ต่อให้รัฐประหาร ปิดสื่อปิดโลกออนไลน์ปิดประเทศเป็นเกาหลีเหนือ จับคนเป็นพันๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะความคิด คนรุ่นใหม่ เพียงแค่ทำให้กลัวพูดไม่ได้แสดงออกไม่ได้ แล้วก็พัง พินาศกันไปทั้งประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน