ดอน ปรมัตถ์วินัย ลงพื้นที่! ประชุมครม.สัญจร-ระดมสมอง “ฟื้นภูเก็ต” หลังวิกฤตโควิด
ดอน ปรมัตถ์วินัย ลงพื้นที่! – ในโอกาสประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรและลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อ 3 พ.ย. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับกงสุลใหญ่และกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่าง ๆ ประจำจังหวัดภูเก็ตกว่า 14 คน อาทิ กงสุลใหญ่ออสเตรเลียและรัสเซีย และกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่างๆ
โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมพิธีการทูต อธิบดีกรมสารนิเทศ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และ นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมด้วย
ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชั้นนำและเป็นตัวแทน ของประเทศที่มีคนชาติจำนวนมากพำนักหรือเดินทางมาท่องเที่ยวในภาคใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ภาคใต้และประเทศไทย
รวมทั้งการใช้วิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาสในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับอนาคตโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งของจังหวัดภูเก็ต
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับกงสุลใหญ่และกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำจังหวัดภูเก็ตกว่า 14 คน อาทิ กงสุลใหญ่ออสเตรเลียและรัสเซีย และกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่างๆ
สำหรับประเด็นที่หารือ อาทิ การบังคับใช้กฎหมายปราบปรามมาเฟียแท็กซี่และเจ๊ตสกี เป็นต้น นอกจากนี้ ตัวแทนกงสุลกิตติมศักดิ์ได้ให้ข้อเสนอแนะเรื่องการปรับปรุงมาตรการเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับจังหวัดภูเก็ต
อาทิ แนวทางการปรับปรุงหลักฐานด้านประกันภัยสำหรับวีซ่านักท่องเที่ยว การพิจารณาวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวพิเศษหรือเอสทีวี การขอวีซ่าสำหรับลูกเรือ (เรือยอชต์) และการพิจารณา ตรวจลงตราให้แก่ชาวต่างชาติที่จะพำนักในไทยระยะยาวประเภท Long Stay Visa และ วีซ่าเกษียณอายุ
“ทางสวิตเซอร์แลนด์ต้องการเดินทางมายังไทยราว 70-80 คน เพื่อหนีอากาศหนาวมาไทย 5-6 เดือนเหมือนทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ไทยยังผ่อนคลายไม่ได้ในทันที” นายดอนกล่าว
นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ พูดคุยแลกเปลี่ยน
ข้อเสนอแลกเปลี่ยนในที่หารือกงสุลใหญ่และกงสุลกิตติมศักดิ์ได้ถูกนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จังหวัดภูเก็ต เมื่อ 3 พ.ย. ได้แก่
1) ภูเก็ตเป็นศูนย์การประชุมใหญ่นานาชาติ สำหรับแสดงสินค้า นิทรรศการต่างๆ ทั้งนี้จะทำให้ไม่เพียงฐานของการท่องเที่ยวอย่างดี จะผสานเป็น 2 แรงบวก สิ่งที่เป็นจุดแข็งเดิมคือการท่องเที่ยวผสมผสานกับธุรกิจช่วยเชิดชูภูเก็ตได้อย่างมาก
2) ศูนย์กลางทางพหุวัฒนธรรม ภูเก็ตมีพื้นฐานเป็นเมืองนานาชาติ นอกจากนี้ชนพื้นเมือง สืบเชื้อสายมาจากจีนฮกเกี้ยน
3) ด้านการศึกษา แนวทางนี้มาจากพื้นฐานของจังหวัดภูเก็ตที่เต็มไปด้วยโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากมาย ทำให้เราเกิดความเด่น ผุดการเรียนการสอนทางด้านการท่องเที่ยวและด้านการโรงแรม
4) ด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นฐานที่แข็งแกร่งของการท่องเที่ยวภูเก็ตที่โด่งดังในต่างประเทศ ทำให้สามารถขับเน้นด้านการมีสุขภาพทีดีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายดอนกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับแผนดังกล่าวได้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ ระบบของน้ำ ไฟฟ้า ระบบขนส่งมวลชนต้องพร้อมหลังยุคโควิด-19 ตลอดจนปัญหามาเฟียในภูเก็ต ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกหลังโควิด-19 สำหรับกระบวนการต่อจากนี้ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะรวบรวมข้อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมหารือฟื้นภูเก็ตหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีข้อเสนอแลกเปลี่ยนในที่หารือหลักๆ 4 ด้าน คือ ให้ภูเก็ตเป็นศูนย์การประชุมใหญ่นานาชาติ สำหรับแสดงสินค้า นิทรรศการต่างๆ เป็นศูนย์กลางทางพหุวัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา และด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการเที่ยวบินนำร่องเพื่อนำชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต โดยกระทรวงฯ ร่วมกับสายการบินเอมิเรตส์และกาตาร์ แอร์เวย์ นำร่องจัดเที่ยวบินระหว่างประเทศเดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้ผู้โดยสารกลุ่มต่าง ๆ อาทิ นักธุรกิจ ผู้ที่จะมาพำนักระยะยาว ผู้เข้ามารักษาพยาบาล รวมถึงนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาภูเก็ตได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นต้นไป มีสายการบินนำร่องที่พร้อมให้บริการเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ระหว่างประเทศมายังจังหวัดภูเก็ต จำนวน 2 สายการบิน ได้แก่ สายการบินเอมิเรตส์เที่ยวบินที่ EK378 จำนวน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งเดินทางถึงจังหวัดภูเก็ตทุกวันจันทร์และวันเสาร์ เส้นทางเมืองดูไบ – ภูเก็ต
สำหรับสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR978 จำนวน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งเดินทางถึงจังหวัดภูเก็ตทุกวันพุธและวันศุกร์ เริ่มให้บริการวันที่ 4พ.ย.2563 เส้นทางกรุงโดฮา– ภูเก็ต
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างหารือกับสายการบินอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อเปิดให้บริการเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และผู้เดินทางทุกคนที่จะเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
คณะจากกระทรวงการต่างประเทศและกงสุลใหญ่ต่างชาติที่เข้าร่วมถกแนวทางพัฒนาจังหวัดภูเก็ตหลังโควิด-19 แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ภาคใต้และประเทศไทย รวมทั้งการใช้วิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาสในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับอนาคตโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งของจังหวัดภูเก็ต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
