ทรัมป์สกัดผู้นำโลกยินดีไบเดน – วันที่ 12 พ.ย. ซีเอ็นเอ็นรายงานสถานการ์การเมืองในสหรัฐอเมริกาที่ยังอึมครึม หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยืนกรานไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ว่ามีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐหลายคนเปิดเผยว่า คณะทำงานของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์พยายามกีดกันนายโจ ไบเดน ผู้ชนะการเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครต ไม่ให้เข้าถึงข้อความแสดงความยินดีของบรรดาผู้นำโลกที่ส่งผ่านมายังกระทรวงต่างประเทศ

แหล่งข่าวระบุว่าการส่งข้อความระหว่างผู้นำประเทศตามธรรมเนียมแล้วจะส่งผ่านทางกระทรวงต่างประเทศ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผู้นำโลกเริ่มทยอยส่งข้อความยินดีถึงนายไบเดนตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่คณะทำงานของรัฐบาลนายทรัมป์กลับยับยั้งนายไบเดนจากการเข้าถึงข้อความที่ส่งผ่านกระทรวงต่างประเทศ และเป็นเหตุให้นายไบเดนไม่ได้รับข้อความหลายสิบข้อความ

อย่างไรก็ตาม ทีมงานของนายไบเดนสามารถติดต่อกับทางการต่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลนายทรัมป์ และทำให้นายไบเดนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้นำหลายคน รวมถึงนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา

นอกจากนี้นายไบเดนยังได้คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ด้านทำเนียบน้ำเงินระบุว่า นายมุนและนายไบเดนพูดคุยนานราว 14 นาที โดยนายไบเดนยืนยันว่าสหรัฐยังมุ่งมั่นในความร่วมมือด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้ และจะประสานงานใกล้ชิดเพื่อผลักดันการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ นายไบเดนยังกล่าวชื่นชมการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในเกาหลีใต้ พร้อมทั้งหารือถึงความร่วมมือเพื่อเร่งยับยั้งโรคระบาดครั้งใหญ่ และให้คำมั่นว่าจะพบปะกับนายมุน แจอิน อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้หลังเข้าพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค.2564

ด้านนายสกอต มอร์ริสสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย หารือทางโทรศัพท์กับนายไบเดน และเชิญว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเดินทางมาออสเตรเลียในปีหน้า เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง ครบรอบ 70 ปีสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกันระหว่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหรัฐ

ส่วนนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ สึกะ ผู้นำญี่ปุ่น ต่อสายตรงพูดคุยถึงการกระชับความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่น รวมถึงยืนยันจุดยืนการถ่วงดุลอำนาจของจีนแผ่นดินใหญ่ในทวีปเอเชีย และการเดินหน้าปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

สำหรับผลนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. แม้ยังไม่เป็นทางการนายโจ ไบเดน ผู้แทนจากพรรคเดโมแครต กวาดทั้งคะแนนเสียงประชาชนและคะแนนคณะผู้เลือกตั้งไปแบบขาดลอยที่ 279 เสียงต่อ 217 เสียง แม้นายทรัมป์จะได้เพิ่ม 3 เสียงจากรัฐอลาสกา แต่ยังตามหลัง และทำให้นายไบเดนขึ้นแท่นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46

ขณะที่รัฐจอร์เจียเริ่มนับคะแนนการเลือกตั้งใหม่ด้วยเจ้าหน้าที่แบบใบต่อใบ หลังจากการนับคะแนนรอบแรกด้วยเครื่อง นายไบเดนนำนายทรัมป์ไป 14,000 คะแนน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน