“ธรรมนัส” รมช.เกษตรฯ ทยอยแจกที่ดินส.ป.ก.ที่ยึดคืน 4.9 แสนไร่ให้เกษตรกรทำกิน ในปี 2564 เดินหน้าจัดสรรแปลงใหญ่ เล็งสร้างเมืองสมาร์ตซิตี้ โดยให้กระบี่น้อยเป็นโมเดลยกชั้นส.ป.ก.ทั่วประเทศ หวังสร้างชุมชนเข้มแข็งทลายก๊วนอิทธิพลขจัดขรก.ตามัวไม่เอาผิดละเลยปฏิบัติหน้าที่
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ร่วมกับทหารเข้าตรวจในพื้นที่ต่างๆ ที่มีกลุ่มก๊วนที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เพื่อเข้ายึดที่ดินส.ป.ก.คืนจำนวนมากปี 2563 ดำเนินการฟ้องร้อง และยึดคืนที่ดินส.ป.ก.ที่มีผู้ยึดครองโดยขาดคุณสมบัติที่ดินหมดสัมปทานมากกว่า 1 แสนไร่
เมื่อรวมกับที่ดินที่มีรอการจัดสรร ทำให้ตลอดทั้งปีได้แจกที่ดิน ทำกินจำนวนพื้นที่ 494,609 ไร่ โดยแจกให้เกษตรกรไปแล้วจำนวน 43,128 ราย และกำลังทยอยปิดประกาศยึดคืนเพื่อแจกให้เกษตรกรที่ได้ลงชื่อ เพื่อขอรับที่ดินส.ป.ก.อีกจำนวนมาก
ในปี 2564 ส.ป.ก. จะเดินหน้านำที่ส.ป.ก.ที่ยึดคืนจำนวนมากเตรียมจัดสรรให้เกษตรกรในรูปแปลงใหญ่ โดยทำในรูปแบบชุมชนภายใต้ชื่อสมาร์ตซิตี้ โดยจะเริ่มจากกระบี่น้อย จำนวน 5,479 ไร่ แจกให้เกษตรกรในพื้นที่ประมาณ 200 ครัวเรือน เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย 2 งาน ที่เหลือจะจัดสรรให้ทำกินเป็นแบบแปลงใหญ่ จัดหาน้ำประปา จัดหาแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตร และไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชุมชนเมื่อเกษตรกรมีที่ทำกิน
สำหรับทำการเกษตรมีอาชีพในที่ชุดชุมชนจะเติบโต และเข้มแข็ง เกิดเป็นชุมชนเมือง ที่มีส่วนราชการ โรงพยาบาล โรงเรียน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะพื้นที่กระบี่น้อย เป็นพื้นที่แปลงใหญ่ ทำเลใกล้สนามบิน ในอนาคตหากสมาร์ตซิตี้ดำเนินการสำเร็จ ถือเป็นโครงการนำร่อง สมาร์ตซิตี้ไปทำให้แหล่งอื่นๆ ในที่ส.ป.ก.ทั่วประเทศ ภายในงบจัดสรรสาธารณูปโภคพื้นฐาน 200 ล้านบาทต่อแห่ง
“ในพื้นที่กระบี่น้อยเป็นพื้นที่สัมปทานปาล์มที่หมดอายุก่อนหน้านี้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง เป็นแหล่งที่อาจทำให้ข้าราชการรัฐ หลับหูหลับตา ไม่ดำเนินการเอาผิด เพราะมีก๊วนต่างๆ เข้าไปยึดครอง มีการยิง ฆ่ากันตาย เพื่อหาประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ส.ป.ก.จึงร่วมกับกองกำลังทหารตำรวจ และมหาดไทย เข้าไปจัดการล้มปาล์มแล้วนำมาจัดทำเป็นชุมนุม พัฒนาเป็นแปลงใหญ่ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการให้เงิน 200 ล้านบาท เพื่อจัดทำแหล่งน้ำแล้ว กลางปี 2564 คาดว่าเกษตรกรจะสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้”
นอกจากนี้มีล้มสวนปาล์มจำนวนมาก อาทิ ในจ.ชุมพร ล้มสวนปาล์มแล้วจำนวน 5,900 ไร่ มีเกษตรกรอาศัยอยู่ 700 ครัวเรือน กลุ่มนี้จะได้รับโอกาสในการถือครองและทำกินเป็นรายแรกๆ หากเป็นคนในพื้นที่จริง มีหลักฐานชัดเจน ตรงกับคุณสมบัติที่ส.ป.ก.กำหนด
