เที่ยวฟาร์มแกะ แวะคาเฟ่ – สัปดาห์ก่อน มีโอกาสไปพักผ่อนที่พัทยา จ.ชลบุรี แบบพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ ตรงที่ได้ลองจองที่พักผ่าน “Airbnb” (แอร์บีเอ็นบี) จากปกติจองเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ตที่เปิดให้บริการทั่วไป

การได้พักที่ Airbnb ทำให้รู้สึกว่า การพักผ่อนของเรานั้นมีความพิเศษ ทั้งในเรื่องที่พักที่ไม่เหมือนใคร ทริปนี้เลือกพักบ้านสไตล์พูล วิลล่า ในโครงการ Majestic Residence Village ย่านพัทยาใต้ อ.บางละมุง ภายในบ้านประกอบด้วย 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น มีพื้นที่นั่งเล่นริมสระ ภายในโครงการมีชายหาดที่สะอาดสวยงามมีความเป็น ส่วนตัว ด้วยความที่เป็นบ้าน ทำให้การตกแต่งมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำแบบใครก็ยิ่งทำให้ผู้มาเยือนอย่างเราร้องว้าวๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เปิดบ้านเข้าไป

ที่น่าประทับใจไปกว่านั้นคือการที่บริษัทแม่อย่าง Airbnb ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด และมีการจำกัดจำนวนเข้าพักที่เข้มงวด ไม่ปะปนกับผู้พักรายอื่นๆ โดยออกระเบียบให้เจ้าของที่พักที่เข้าร่วมให้บริการกับ Airbnb ทุกคนต้องตกลงดำเนินการตามแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยในสถานการณ์โควิด-19

ล่าสุดมีที่พัก Airbnb กว่า 1.5 ล้านแห่งทั่วโลกสมัครเข้าร่วมปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว ซึ่งมองว่าตอบโจทย์การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่โควิด-19 ยังมีการระบาดอยู่ทั่วโลก

ใครอยากสัมผัสทริปพิเศษ ลองเข้าพักกับ Airbnb วิธีการก็ไม่ยาก แค่โหลด แอพพลิเคชั่นดังกล่าวในโทรศัพท์มือถือ หรือจะสมัครผ่านเว็บไซต์ของ Airbnb ก็ได้ สมัครตามขั้นตอน ยืนยันตัวตน รอการตรวจสอบ จากนั้นสามารถท่องโลกจองที่พักประเภทต่างๆ ตามที่ต้องการได้เลย

สำหรับประวัติย่อๆ ของ Airbnb นั้นมี ไบรอัน เชสกี, โจ เกบเบีย และ เนต เบลชาร์ซิก เป็นผู้ก่อตั้งในปี 2008 โดย ไบรอันและโจเป็นเจ้าของที่พักรายแรก และอพาร์ตเมนต์ริมถนน เราช์ในซานฟรานซิสโก ก็เป็นที่พักแห่งแรก

ตั้งแต่นั้นมาจากที่พักเพียง 2 คนก็เพิ่มเท่าทวีคูณ ปัจจุบัน Airbnb มีเคบิน 90,000 หลัง ฟาร์ม 40,000 แห่ง บ้านเล็ก 24,000 หลัง เรือ 5,600 ลำ ปราสาท 3,500 หลัง กระโจมทรงกลม 2,800 หลัง บ้านต้นไม้ 2,600 หลัง เกาะส่วนตัว 1,600 เกาะ ประภาคาร 300 หลัง และอิกลู 140 หลัง (ณ วันที่ 30 ก.ย.2563) กระจายอยู่ทั่วโลก

ในส่วนของประเทศไทย Airbnb มีที่พักกว่า 99,000 แห่งและได้ต้อนรับนักเดินทางกว่า 2.5 ล้านคนในปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ เดือนส.ค.2563 จากรายงานผลกระทบของ Airbnb ต่อเศรษฐกิจในประเทศไทย จัดทำโดยสำนักงานวิจัยออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์)

หลังสำรวจที่พัก เก็บข้าวของในห้อง เราก็ออกมาพักผ่อน เล่นน้ำสระจนชุ่มฉ่ำ และด้วยความไม่อยากออกไปข้างนอกอีก จึงสั่งอาหารเย็นแบบเดลิเวอรี่ผ่านแอพพลิเคชั่นให้มาส่งที่บ้านพักซะเลย เรียกได้ว่าอยากกินอะไรก็มีพร้อมส่ง มาเที่ยวครั้งนี้เป็นการเที่ยวแบบนิวนอร์มัลจริงๆ

กินข้าวเสร็จก็พักผ่อน ชมบรรยากาศริมสระน้ำกันเกือบ เที่ยงคืนก็แยกย้ายไปนอน

ตื่นเช้ามาอีกวัน ออกไปกินข้าวที่ Anytime Cafe อยู่ตรงปากทาง Walking Street ติดแหลมบาลีฮาย ห่างจากที่พักราว 10 นาที สามารถจอดรถฟรีสำหรับลูกค้าของร้านในตึก Mix (ที่รับฝากรถไปเกาะล้าน)

ที่นี่มองเห็นวิวทะเล มีสองชั้น มีโซนด้านนอกรับลมทะเลด้วย อาหารมีให้เลือกหลากหลาย เครื่องดื่มชา กาแฟ เบเกอรี่ ครบ ร้านตกแต่งสวยงาม สายคาเฟ่ สายชิล ไม่ควรพลาด เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 09.00-21.00 น.

พูดถึงแหลมบาลีฮายแล้ว หากใครมีเวลาสามารถนั่งเรือไปเที่ยวเกาะล้านแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะค้างคืนก็มีที่พักให้เลือกมากมาย

แหลมบาลีฮาย เป็นท่าเทียบเรือสำหรับข้ามไปเที่ยวเกาะล้าน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศไปชมหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ บริการเรือรับส่งหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งเรือสปีดโบ๊ต ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว

ที่แหลมบาลีฮายยังเป็นจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งของเมืองพัทยาและเป็นสถานที่ที่ใช้จัดงานสำคัญๆ ประจำเมืองพัทยามากมาย เช่น งานปีใหม่ งานเทศกาลดนตรี งานลอยกระทง เป็นต้น

เมืองพัทยา ยังมีโครงการ NEO เกาะล้านหรือเกาะล้านโฉมใหม่ ซึ่งโครงการในกรอบเบื้องต้นที่กำลังดำเนินการอยู่ ภายใต้งบประมาณ 350 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่พร้อมรับ นักท่องเที่ยว

ก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะล้านปีละ 5 ล้านคน ถ้าสถานการณ์โควิด-19 กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ เชื่อว่าหากการพัฒนาด้านต่างๆ แล้วเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่เกาะล้านจะมีจำนวนมากขึ้นและได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัยมากขึ้นด้วย

ขณะนี้ทุกโครงการอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงและการทำแผนโดยจะเห็นผลที่ชัดเจนในเร็วๆ นี้

วกกลับมาที่ร้าน Anytime Cafe พออิ่มท้องแล้ว ก็ออกไปเที่ยวต่อกันที่ฟาร์มแกะ Pattaya Sheep Farm ที่นี่เราไปมาหลายรอบ บอกเลยว่าไม่เคยเบื่อ ยิ่งมีเด็กไปด้วยยิ่งไม่อยากกลับเลย ทีเดียว เพราะมีสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ให้เยี่ยมชม มีกิจกรรมหลากหลายให้เลือกสรร เช่น นั่งรถไฟชมฟาร์มเพียงคนละ 20 บาท ขี่ม้ารอบฟาร์ม คนละ 100 บาท รถม้าลากนั่งได้ทั้งครอบครัว (4 คน) 150 บาท/คัน ราคาบัตรเข้าชมผู้ใหญ่เพียง 80 บาท ทั้งคนไทยและต่างชาติ

หากอยากดูโชว์สัตว์แสนรู้และโชว์นกนานาชาติเพิ่มอีกคนละ 80 บาท ส่วนเด็กสูงน้อยกว่า 120 ซ.ม. เข้าฟรี

นอกจากนี้ภายในยังมี Steak House ร้านไอศกรีม ร้านขายของฝากของที่ระลึกจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย

หลังใช้เวลาอยู่ในฟาร์มหลายชั่วโมงจนบ่ายคล้อยก็ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับความประทับใจ

วันหยุดหน้าแพ็กกระเป๋าแล้วออก เดินทางตามรอยกันเลยนะคะ

วรนุช มูลมานัส

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน