ทรัมป์กลับลำด่าม็อบ-ลูกทีมแห่ทิ้ง! – วันที่ 8 ม.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา บุกอาคารรัฐสภา หรือยูเอสแคปิตอล กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่าบรรดาผู้ร่วมรัฐบาลทยอยลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับเหตุจลาจล ได้แก่ นางเอเลน เชา รัฐมนตรีคมนาคม นางเบตซี เดวอส รัฐมนตรีศึกษาธิการ นางสเตฟานี กริแชม หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของนางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง นางไนตา ลอยด์ เลขานุการสังคมทำเนียบขาว นางซาราห์ แมตธิวส์ รองโฆษกทำเนียบขาว นายแมตธิว
พอตติงเจอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของนายทรัมป์ ฯลฯ ส่วนตำรวจประจำรัฐสภาลาออกอย่างน้อย 3 นาย รวมถึงนายสตีเฟน ซันด์ หัวหน้าตำรวจ หลังถูกวิจารณ์ว่าคุมม็อบไม่อยู่จนกำลังพลถูกม็อบทำร้ายตายไป 1 นาย

ด้านผู้นำ 2 สภาสหรัฐ ได้แก่ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐ และนายชัก ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมเครติกในวุฒิสภา เรียกร้องให้ครม.ใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 โอนอำนาจให้รองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ แทนนายทรัมป์ แม้จะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนหมดวาระในวันที่ 20 ม.ค. ด้วยเห็นว่าการกระทำของนายทรัมป์ละเมิดประชาธิปไตยร้ายแรง ไม่คู่ควรอยู่ในตำแหน่งอีกแม้แต่วันเดียว

ด้วยแรงกดดัน นายทรัมป์จึงประณามเหตุจลาจลเป็น “การโจมตีที่ชั่วร้าย” หลังเคยยกย่องม็อบผู้สนับสนุนตน พร้อมส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิขับเพื่อไล่ม็อบ แม้ว่าบางสื่อรายงานว่านายทรัมป์ลังเลและให้นายเพนซ์สั่งการแทน

นายทรัมป์ยังกล่าวให้ความมั่นใจจะส่งมอบอำนาจอย่างราบรื่น ช่วงเวลานี้ต้องการเยียวยาและประนีประนอม แต่ยังเลี่ยงเอ่ยชื่อนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

วันเดียวกัน สภาตุลาการสูงสุดแห่งอิรักออกหมายจับนายทรัมป์ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากการสังหารฆ่าพล.ต.อาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผบ.กองกำลังระดมประชาชน พร้อมกับนายพลกาซิม สุไลมานี ผบ.กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน เมื่อ 3 ม.ค. 2563

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน