แนะเช็กตาป้อง‘ต้อหิน’ – พญ.วรัฏฐา สุภาวุฒิกุล จักษุแพทย์เฉพาะทางโรคต้อหิน ศูนย์จักษุโรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า ดวงตาของเราอาจเสื่อมสภาพมีอาการตาพร่าขุ่นมัวมองไม่ชัด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของอาการผิดปกติทางสายตา โรคทางตาที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุให้ตาบอดมากที่สุดชนิดหนึ่งคือ โรคต้อหิน หรือ Glaucoma ซึ่งถือเป็นโรคทางสายตา ที่อันตรายมากที่สุด เพราะสามารถทำให้ตาบอดถาวรได้ เกิดจาก ความดันภายในลูกตาสูงกว่าปกติ ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อมลงไปเรื่อยๆ หรือเส้นประสาทตาถูกทำลาย โดยอาจมีอาการปวดตา ตาแดงน้ำตาไหล หรือตามัว การมองเห็นแคบลง

“โรคต้อหินสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นต้อหิน ผู้ที่มีสายตาสั้นหรือยาวมาก ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือโรคที่เกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือด มีประวัติเคยได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา หรือผ่าตัดดวงตา อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถป้องกันได้ หากได้รับการดูแลและปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง” พญ.วรัฏฐากล่าว

พญ.วรัฏฐากล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจเช็กและเข้ารับการตรวจความดันลูกตาทุกๆ 1-5 ปี เพื่อไม่ให้ขั้วประสาทตาเสื่อมมากขึ้น, ห้ามซื้อยาหยอดตามาหยอดเองโดยเด็ดขาดหากต้องใช้ยาหยอดตาควรได้รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์ก่อนจะดีที่สุด, ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้นและลดความดันในตาลง, กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเพื่อบำรุงสายตา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เพราะอาจทำให้ความดันในตาเพิ่มขึ้นได้, ควรสวมแว่นหรืออุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับแสงแดดหรือทำกิจกรรมที่อาจทำให้ดวงตาได้รับบาดเจ็บและนำไปสู่การเกิดโรคต้อหิน ปัจจุบันการรักษาโรคต้อหินสามารถทำได้หลายวิธี โดยจักษุแพทย์จะตรวจวินิจฉัยรักษาตามอาการและชนิดของโรค เช่น การใช้ยาหยอดตา การกินยา ยิงแสงเลเซอร์ การผ่าตัด แต่จะเป็นเพียงการชะลอไม่ให้ขั้วประสาทตาถูกทำลายไปมากกว่าเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน