‘ร.พ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร’ – ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทุกคนล้วนเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (COVID-19) ไปพร้อมกันทั่วโลกและล่าสุดกับการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในปัจจุบัน

หนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทต่อสู้ กับสถานการณ์ดังกล่าวมากที่สุดก็คือ ‘โรงพยาบาล’ ที่ต้องรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด ทั้งในเชิงรับและเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับผู้ป่วยทั่วไป การรับมือกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ตลอดจนทำหน้าที่ตรวจคัดกรอง และเฝ้าระวังผู้ป่วยติดเชื้อ เรียกได้ว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นคราวจำเป็นที่ โรงพยาบาลต้องเร่งปรับตัว และทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อพาสังคมก้าวผ่านวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปได้

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศก้าวผ่านจุดวิกฤตมาได้ก็คือ ความพร้อมของเครื่องมือแพทย์ วัคซีน ตลอดจนเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพราะแม้เราจะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เก่งรอบด้าน แต่การขาดแคลน เครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นในสถานการณ์ฉุกเฉินก็กลายเป็นอุปสรรคต่อการรักษา และการตรวจคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อจำนวนมาก

ดังจะเห็นในช่วงแรกๆ ที่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศรวมตัวกันขอรับบริจาคหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ชุด PPE เพราะความจำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงาน

รวมถึงความจำเป็นต้องเร่งติดตั้งห้องตรวจเชื้อแบบความดันบวก และความดันลบ เนื่องจากเราไม่สามารถผลิตเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เอง ในปริมาณที่เพียงพอ ต้องอาศัยการนำเข้า และเรียนรู้เทคโนโลยีจาก ต่างชาติบทความนี้จึงจะพาไปสำรวจโอกาสของประเทศไทย หากมี โรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมทางการแพทย์เป็นของตัวเอง

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สจล. ได้ร่วมช่วยรับมือวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ด้วยการพัฒนานวัตกรรม ภายใต้โครงการ ‘KMITL 60 FIGHT COVID-19’ ได้แก่ ตู้ตรวจเชื้อ (Swab Test) แบบความดันลบ (Negative Pressure) แบบความดันบวก (Positive Pressure) และต้นแบบเครื่องช่วยหายใจ(KMITL Mini Emergency Ventilator) ส่งมอบให้กับหน่วยงานรัฐ และโรงพยาบาลทั่วประเทศ








Advertisement

ดังนั้นเพื่อต่อยอดการแก้ปัญหาการขาดแคลนนวัตกรรมทางการแพทย์ประสิทธิภาพสูง เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียมของคนไทย รวมถึงสนับสนุนรัฐบาลลด การนำเข้าเทคโนโลยีมูลค่าสูง สจล. ได้เดินหน้าโครงการจัดตั้ง ‘โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร’ (KMC Hospital : King Mongkut Chaokhun Thahan Hospital) โรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรครั้งแรกของประเทศไทย และอาเซียน

สำหรับจุดเด่นของโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ประกอบด้วย 5 มิติ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

‘ปั้นนวัตกรรมทางการแพทย์’ โดยโรงพยาบาลแห่งนี้จะให้ ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส

‘สร้างองค์ความรู้เครื่องมือแพทย์’ นอกจากการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม โรงพยาบาลยังมุ่งสร้างองค์ความรู้ด้านเครื่องมือแพทย์ เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉินจากโรคระบาด

‘เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมไทย อาเซียน’ โดยโรงพยาบาลจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยการวิจัยนวัตกรรมรวมไปถึงการออกแบบพร้อมผลิตอุปกรณ์ การแพทย์ด้วยตนเอง โดยนวัตกรรมและเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ จะเกิดจากการผสานองค์ความรู้ของหลากหลายสาขาวิชา

‘พร้อมรับมือทุกวิกฤตสุขภาพ’ ยิ่งไปกว่านั้น โรงพยาบาลตั้งใจที่จะช่วยสร้างความพร้อมในการรับมือกับทุกวิกฤตทางการแพทย์ในอนาคตของประเทศไทย

‘สร้างโอกาสการรักษาของคนไทย’ ท้ายที่สุด โรงพยาบาลมุ่งผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ภายในประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้ คนไทยสามารถได้รับการรักษาที่ถูกขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ศ.ดร.สุชัชวีร์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในแง่ของการต่อยอดในเชิงพาณิชย์โรงพยาบาลวิจัยนวัตกรรมทางการแพทย์ ไม่เพียงเป็นที่ พึ่งพาด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ให้แก่ คนไทย แต่ยังสามารถสร้างโอกาสในการผลิตและส่งออกอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียน นำมาซึ่งรายได้มูลค่ามหาศาลให้แก่ประเทศ

เบื้องต้นโรงพยาบาลจะมีศักยภาพรองรับผู้ป่วย 60 เตียง ในพื้นที่บริเวณกรุงเทพฯ ตะวันออก และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งแผนการพัฒนาโรงพยาบาลแห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเน้นย้ำจุดยืนของ สจล. ในฐานะสถาบันที่คอยผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกไปรับใช้สังคม พร้อมสร้างสรรค์ผลงานวิจัย และนวัตกรรมที่ไม่เพียงตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง มาโดยตลอด 60 ปี

โดยระยะแรกภายหลังจัดสร้าง โรงพยาบาลดังกล่าวแล้วเสร็จ ก็จะเตรียมพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์รับยุคดิจิตอล (Digital Health Care) ที่สามารถหนุนผู้ป่วยใช้งานจากที่บ้านได้รับการรักษาแพทย์ทางไกล (Telehealth) ในยุคดิจิตอล เพื่อ ให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมประสิทธิภาพสูงจากที่บ้านได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่เสี่ยงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและใช้ภายนอกร่างกาย ลดการสูญเสียเวลา/ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยและครอบครัว

หนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ภายใต้แนวคิด Telehealth ที่เตรียมพัฒนาในอนาคต คือ เอไอวินิจฉัยโรคปอด โปรแกรมวินิจฉัยโรคปอดจากภาพถ่ายเอกซเรย์ (X-Ray) ได้แก่ ภาวะปอดรั่ว และภาวะปอดบวม พร้อมแสดงความเสี่ยงของการเกิดโรคในรูปแบบเปอร์เซ็นต์

ศ.ดร.สุชัชวีร์กล่าวอีกว่า โครงการจัดตั้งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนจากคนไทยทุกคน ถึงจะประสบความสำเร็จได้ สจล. จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมกัน ‘ให้เพื่อสร้าง’ โดยบริจาคผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง ‘โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร’

ผู้ใดที่สนใจบริจาคได้ที่บัญชี มูลนิธิ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารฯ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 693-0-32393-4

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมของ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (KMC Hospital) ได้ที่ สำนักงาน โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร โทร. 09-2454-8160, 09-2548-2640, 0-2329-8229 (สายตรง) 0-2329-8000 ต่อ 3146

ไลน์ไอดี @KMITLHospital เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/KMCHospitalbyKMITL และเว็บไซต์ www.ให้เพื่อสร้าง.com

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน