‘มาสด้า บีที -50 ใหม่’1.9ลิตร – ได้เห็นหน้าตาตัวเป็นๆ ของรถปิกอัพใหม่ล่าสุดจากค่ายซูม ซูม ‘มาสด้า บีที-50 ใหม่’ (ALL-NEW MAZDA BT-50) แล้วบอกเลยว่ามือสั่น อยากจะทดลองขับขึ้นมาติดหมัดกันเลยทีเดียว

แม้จะรู้ๆ กันอยู่ว่ารถปิกอัพคันนี้ทั้งช่วงล่าง และเครื่องยนต์ ผลิตโดยพันธมิตรเจ้าพ่อตลาดรถปิกอัพบ้านเราก็ตาม

แต่ด้วย ‘โคโดะ ดีไซน์’ อันเป็นเอกลักษณ์ ส่งผล ให้รูปสัมผัสภายนอก ภายใน ใกล้ความเป็นรถ SUV เสียเหลือเกิน

นัดกันแต่เช้าที่โชว์รูมมาสด้า เจพี สาขา ถ.กาญจนาภิเษก รอมุ่งหน้าไปจ.ราชบุรี กว่า 300 ก.ม.

ผู้บริหารหนุ่ม ‘ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์’ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด และรัฐกิจสัมพันธ์ พร้อมด้วยผู้จัดการอาวุโสส่วนงานประชาสัมพันธ์อารมณ์ดี ‘อุทัย เรืองศักดิ์’ รอต้อนรับ

‘ข่าวสด ยานยนต์’ ได้ทดสอบรุ่น ‘DBL 1.9 SP HI-RACER’ ตัวท็อป ดับเบิลแค็บ 4 ประตู แบบขับสองยกสูง เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

กระจังหน้าดีไซน์ไม่ต่างจากรถ SUV ชนิดมองผาดๆ เผลอคิดว่าเป็น ‘มาสด้า CX-5’ กันเลยทีเดียว

ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ใครขับสวนมาเป็นอันรู้เลยว่านี่คือ BT-50 ใหม่

ภายในเน้นความเรียบหรู เบาะนั่งหนัง สีน้ำตาลปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว สามารถแยกการใช้งาน 2 จอในเวลาเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ ทั้งมีสายและไร้สาย ส่วนแอนดรอยด์ ออโต ยังเชื่อมต่อผ่านสายเท่านั้น

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 4.2 นิ้ว ปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศดีไซน์คล้ายคีย์บอร์ดเปียโน มองเห็นถนัดและใช้งานง่าย

พร้อมออกเดินทาง ได้รับเกียรติจากเพื่อนร่วมคันว่าเหมาไปเลยตลอดทริป

กดปุ่มสตาร์ตเครื่อง เสียงจากเครื่องยนต์เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารอยู่พอประมาณ ตามแบบฉบับเครื่องยนต์ดีเซล

เกียร์ 1-2 จังหวะออกตัวแม้จะไม่จี๊ดจ๊าดแต่ก็ไม่ถึงกับอืด แต่เมื่อถึงเกียร์ 3-4-5-6 ไหลลื่น

มีตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ ดีกับใครที่ไม่คุ้นกับการ ขับรถ 6 เกียร์ เพราะนึกว่าอยู่เกียร์ 4 เสียร่ำไป

นอกจากนี้ที่ตัวเลขบอกตำแหน่งเกียร์ หากเร่งเครื่องยนต์จนได้รอบแล้วยังไม่เปลี่ยนเกียร์จะมีตัวเลขกะพริบขึ้นมาเพื่อเตือนให้เปลี่ยนเกียร์ตามรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม แต่ไม่ได้เป็นภาคบังคับ เป็นเพียงคำแนะนำ

ถ.กาญจนาภิเษก แม้จะเป็นช่วงสายแต่มีเพื่อนร่วมทางค่อนข้างหนาแน่น ต่อเนื่องไปถึงถ.พระราม 2

โชคดีว่าได้ขับรุ่นขับสองยกสูง ช่วยให้มองเห็นการณ์ไกลว่าควรอยู่เลนไหนถึงจะไปได้เร็วกว่ากัน

ผ่านแม่กลองการจราจรเริ่มบางตา ทำ ความเร็วเพิ่มขึ้น วันนั้นจัดไปที่ปริ่มๆ 160 ก.ม./ชั่วโมง

ช่วงความเร็ว 110-120 ก.ม./ชั่วโมง มาเร็วและ ต่อเนื่อง หลังจากนั้นเริ่มต้องรอบ้าง รวมถึงมีอาการ หวิวบ้างเล็กน้อย กำพวงมาลัยแน่นขึ้นอีกนิดเพื่อ เพิ่มความมั่นใจ

พวงมาลัยค่อนข้างเบารับรู้สัมผัสจากพื้นถนนได้ค่อนข้างเร็ว ใช้งานในเมืองที่ต้องเปลี่ยนเลนไปมาบ่อยๆ ถือว่าดี แต่กับการวิ่งทางไกลมากๆ อาจมีอาการล้าได้จากการที่ต้องประคองพวงมาลัย

ช่วงล่างยังคงอารมณ์รถปิกอัพ เน้นความหนึบแน่น ซึ่งแน่นอนว่าต้องไปลดทอนเรื่องความนุ่มนวลไปบ้าง

ทำความเร็วที่เหมาะสม เวลาผ่านหลุมบ่อ คอสะพาน ก็ไม่ถึงกับกระเด้งกระดอนเท่าใดนัก

มุ่งหน้าไปยังโป่งกระทิง ถนนแบบสองเลนสวน ลัดเลาะขึ้นลงทางชันและทางโค้งเป็นระยะๆ ช่วงล่างจังหวะเข้าโค้งทำได้กระชับฉับไว

บางครั้งทำความเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ระบบความปลอดภัยเข้ามาช่วยจัดการให้เสร็จสรรพ แบบที่คนขับยังไม่ได้ขยับแก้อาการ

เกียร์ธรรมดา 6 สปีด จังหวะเชนจ์เกียร์เพื่อเรียกกำลังเครื่องยนต์ เร่งแซง หรือไต่ทางชัน ปกติจะใช้เกียร์ 2 เป็นหลัก แต่กับเจ้ามาสด้า บีที-50 ใหม่ แนะนำให้ใช้เกียร์ 3

เพราะหลายครั้งที่เชนจ์ไปถึงเกียร์ 2 แล้วกำลังเครื่องยนต์หายไปจนต้องใส่เกียร์ 3 แทบไม่ทัน

เสร็จสรรพขับไปจนจบครบเส้นทาง 355 ก.ม. อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.6 ก.ม.ต่อลิตร ไม่มากไม่น้อย กับลักษณะการขับขี่ในเชิงทดสอบแบบนี้ ถ้าใช้งานปกติ น่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกพอสมควร

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน