โลกจวกพม่าฆ่าม็อบ-สังเวยพุ่ง! – วันที่ 1 มี.ค. เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานปฏิกิริยาจากประชาคมโลก ประณามเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเมียนมาใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมต่อต้านรัฐประหารตามหัวเมืองต่างๆ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. จนมีผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิตสูงสุดในวันเดียว 18 ราย และมากกว่า 30 คนบาดเจ็บ หากนับตั้งแต่มีการประท้วงวันที่ 6 ก.พ. สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองเมียนมา (เอเอพีพี) ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 26 รายแล้ว ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากการถูกยิงด้วยกระสุนจริง และเมื่อเข้าสู่เดือนมี.ค. เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเมียนมายังคงเดินหน้าปราบปรามการชุมนุมด้วยความรุนแรง ทั้งยิงแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำแรงดันสูงต่อผู้ชุมนุมในหลายเมือง

นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ประณามว่าการปราบปรามใช้ความรุนแรงที่น่ารังเกียจ และขอยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนชาวพม่าผู้กล้า สหรัฐขอเรียกร้องให้ทุกประเทศรวมใจเป็นหนึ่งเสียงที่สนับสนุนเจตจำนงของชาวเมียนมา

นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวประณามทางการเมียนมาเช่นกัน ว่าการใช้กำลังรุนแรงต่อผู้ประท้วงที่ชุมนุมอย่างสันติและการจับกุมโดยพลการเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขอให้ประชาคมโลกรวมใจเป็นหนึ่งและส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังกองทัพเมียนมาว่าต้องเคารพความต้องการของประชาชนชาวเมียนมาซึ่งได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง และหยุดการปราบปรามได้แล้ว

นายโจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานฝ่ายนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) แถลงประณามเช่นกันและยืนยันว่าอียูจะเดินหน้าตอบสนองด้วยการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร ความรุนแรงไม่อาจสร้างความชอบธรรมให้กับการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย การยิงประชาชนผู้ไร้ซึ่งอาวุธเป็นการบ่งชี้ว่ากองกำลังความมั่นคง เพิกเฉยต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด และจำต้องถูกดำเนินคดี

ส่วนรัฐบาลอินโดนีเซีย พี่ใหญ่ของอาเซียน นางเรตโน มาร์ซูดี รมว.การต่างประเทศ แถลงว่ามีความวิตกอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ในเมียนมา “อินโดนีเซียขอเรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงละเว้นการใช้กำลัง และยับยั้งชั่งใจเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่จะเพิ่มมากขึ้น

ทนายได้พบซูจีครั้งแรก-ถูกฟ้องเพิ่ม

วันเดียวกัน นายขิ่น หม่อง ซอว์ ทนายความ เปิดเผยว่านางซู จี ร่วมการไต่สวนมูลฟ้องในชั้นศาลผ่านวิดีโอคอล หลังทางการตั้งข้อหานำเข้าอุปกรณ์วิทยุสื่อสารผิดกฎหมายจำนวน 6 เครื่อง และละเมิดกฎหมายภัยพิบัติทางธรรมชาติจากกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงรณรงค์หาเสียง ถือเป็นครั้งแรกที่นายขิ่นเห็นนาง ซู จี หลังหายหน้าไปจากสาธารณชนนับตั้งแต่ถูกกองทัพบุกจับเมื่อวันที่ 1 ก.พ.

นายขิ่นย้ำว่านางซู จี ยังดูแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าจะถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก 2 กระทง ได้แก่ ละเมิดกฎหมายสื่อสารกับปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบ และศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปในวันที่ 15 มี.ค.

ยังเดือด – ผู้ประท้วงชาวเมียนมาในนครย่างกุ้ง วิ่งหลบแก๊สน้ำตาที่ตำรวจยิงสลายการชุมนุม ท่ามกลางการประณามจากนานาประเทศถึงการใช้ความรุนแรงของทางการ เมียนมา ส่งผลให้ประชาชนที่เสียชีวิตจากการปราบปรามเพิ่มขึ้นเป็น 26 ราย (เอเอฟพี)

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน