พิทักษ์สันติ – คําชี้แจงจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรณีนักศึกษาชาวต่างชาติชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย สรุปแล้วว่าไม่มีการ เพิกถอนวีซ่าเพื่อลงโทษ

สตม.ยืนยันว่าการแสดงออกเป็นเสรีภาพ ที่กฎหมายรับรองและคุ้มครองไว้

แต่ช่วงนี้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเพื่อป้องกันและระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จึงมีประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ห้ามการชุมนุม และห้ามการเคลื่อนย้ายแรงงานบางจังหวัด

พร้อมขอให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยให้ระมัดระวังและตรวจสอบ ข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดในการ เข้าร่วมกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

ที่มาของการสื่อข่าวคลาดเคลื่อนดังกล่าว คาดว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของชาวพม่าในไทยที่มีบ่อยครั้งขึ้น

เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศเมียนมา มียอดผู้เสียชีวิตที่สูงเกิน 60 ราย และยอดผู้ถูกจับกุมกว่า 2,000 คน จึงเป็นที่น่าวิตกและ น่าสะเทือนใจไปทั่วโลก โดยเฉพาะกับชาวพม่าที่อยู่ในบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างประเทศไทย

ดังนั้นการเปิดพื้นที่ให้คนแสดงออกควรต้องมีความสมดุลกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ไม่ผ่อนเกินไปแต่ก็ไม่ควรตึงเกินไป

ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ที่ขณะนี้อยู่ในแดนติดลบด้านการให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น

ไม่เฉพาะกับชาวพม่ายังรวมถึงคนไทยด้วยกัน

การแถลงข่าวของฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ ละวัน จึงควรต้องผ่านการพิจารณาให้ดีกว่าเดิม หากต้องการลดการเผชิญหน้าและสร้างความขัดแย้ง

การกล่าวหาให้ร้ายผู้ชุมนุมแบบเหมารวม เพื่อปกป้องตนเองว่าผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายใช้ความรุนแรงก่อน ทั้งที่โลกปัจจุบันการสื่อสารรวดเร็วและครอบคลุม หากรัฐยังใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ หรือปลุกระดม จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งตึงเครียดยิ่งขึ้น

กรณีล่าสุดกล่าวหาผู้ชุมนุมมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทุบทำลายสถานที่ราชการ ทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน และโบราณสถาน โดยไม่มีข้อมูลที่แยกแยะผู้ก่อเหตุที่ชัดเจน

จะยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ตำรวจยังทำ หน้าที่พิทักษ์สันติของราษฎรหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน