‘แตงโม’คบหนุ่มนอกวงการ – เปิดตัวมีหนุ่มนอกวงการมาดูแลหัวใจ คบมา 8 เดือนยังไม่มีเรื่องทะเลาะโดยสาว ‘แตงโม’ นิดา พัชรวีระพงษ์ เผยว่า

“เป็นคนที่พาโมออกจากหลุมดำได้ ออกจากเซฟโซนได้ เมื่อก่อนเครียดถึงขั้นไม่ไปไหนเลย เขาก็ค่อยๆ พาเราทำกิจกรรมเล่นกีฬา สุขภาพก็ค่อยๆ ดีขึ้น นอนหลับดีขึ้น เรื่องเครียดต่างๆ ก็ได้เขาเป็นที่ปรึกษา ถามว่าเจอกันได้ยังไง จริงๆ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ 8 ปีที่แล้วพอโมโสดที่ผ่านมาเราได้ติดต่อกันก็เลยคุยกันมาเรื่อยๆ”

ระหว่าง 8 ปีนั้นไม่เคยสปาร์กกันเลยเหรอ “สปาร์กวันเดียววันแรกที่เจอเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แล้วก็แลกไลน์กัน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกัน หายเงียบกันไปเลย”

คนนี้คิดจะเปิดตัวไหม “จริงๆ ไม่ได้ปิด แล้วใครจะมองว่าโมอยู่ ก่อนแต่ง ก็ยอมรับนะ (ทุกวันนี้คืออยู่ด้วยกัน?) ใช่ค่ะ ส่วนว่ามองอนาคตมากไปกว่านี้ไหม มีคิดแต่ไม่หวังเพราะบางทีอาจผิดหวัง เพราะฉะนั้นเราจะทำวันต่อวันให้ดี วันนี้พรุ่งนี้พอมันดีแล้วเราก็รู้สึกอยากทำต่อให้มันดี ขึ้นเรื่อยๆ”

หนุ่มคนนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นในไอจีเลยเหรอ เพราะที่ผ่านมาก็ถือว่าขี้อวดแฟนใช้ได้อยู่ “ไม่แล้ว รู้สึกว่าพอเป็นเรื่องสาธารณะไปหมด จะไม่ค่อยเป็นส่วนตัว แต่พอครึ่งๆ ไม่เปิดไม่ปิดรู้สึกว่ายังพอมีความเป็นส่วนตัวได้บ้าง”

เขาเข้าใจใช่ไหม “ตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงหรืออะไร เขาก็มีธุรกิจของเขามีแบรนด์เสื้อผ้า แล้วก็เป็นนักกีฬาของเขา”

ความรักที่ผ่านมาไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ทุกครั้งพอต้องเริ่มต้นใหม่เคยแอบกลัวไหมว่าจะวนลูปเดิม “คิดว่าที่โมไม่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยคือตัวเขากับตัวเรา ที่ผ่านมามีทั้งดีไม่ดี โมเอาบทเรียนมาปรับตัวเอง สู้กับตัวเองเยอะมาก อะไรที่นิสัยไม่ดีเคยงี่เง่าขี้หึงโน่นนี่ โมนั่งข่มตัวเองปรับนิสัยจนเริ่มชิน จนมันเริ่มเป็นนิสัยใหม่ที่โมโตขึ้น แล้วคบกับเขามาได้ประมาณ 8 เดือนวันแรกจนวันนี้ไม่เคยทะเลาะกันเลย รู้สึกว่าที่เราปรับปรุงตัวเป็นสิ่งที่จะทำให้มีนิสัยใหม่ที่ติดตัว แล้วเราก็จะมีปัญหากันน้อยลง ตัวเขาก็จะเห็นการพัฒนาของเราด้วย”

ถามเรื่องหน้าเบี้ยวผิดรูป “คือเมื่อก่อนฉีดฟิลเลอร์ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็คือสิ่งแปลกปลอมอย่างหนึ่งที่เข้าไปในร่างกาย อยู่นานๆ สัก 10 ปีก็เริ่มมีปัญหา เริ่มทำให้ผิวเราแดงขึ้นเลยตัดสินใจขูดฟิลเลอร์ออกแล้วใส่ ซิลิโคน แต่การผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออกความเสียหายแต่ละคนไม่เท่ากัน ของเราดันเสียหายค่อนข้างเยอะอาจไปโดนเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ บางส่วน ทำให้ตอนนี้รู้สึกชาเหมือนคนไปทำฟันมา คุณหมอบอกมันสามารถประสานกันเองได้แต่ต้องใช้เวลาและการรักษาต่างๆ เช่นนวดหรือฝังเข็ม”

ครั้งนี้ถือว่าเจอพิษศัลยกรรมหนักที่สุดเลยไหม “ใช่ค่ะ ถามว่าเข็ดมั้ย เรื่องของเรื่องโมจะไม่ทำศัลยกรรมถ้าไม่ได้มีอะไรพัง ที่ทำคือเป็นผลจากที่โมเคยรถคว่ำ เย็บ 140 เข็มที่หน้ามันเลยมีพังผืดเยอะทุกรอยเย็บ แล้วเวลาเราแก่หน้าเหี่ยวลงแต่ตรงที่เย็บมันยังตึงอยู่ เลยเหมือนต้องซ่อมบำรุงตลอด ถ้ามันคงรูปปกติแล้วจบโมจบ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีกก็คงต้องทำให้มันดีขึ้น”

ยืนยันไม่ได้เสพติดศัลยกรรม ทำเพราะใช้หน้าทำมาหากิน “มันจำเป็นค่ะ จากนี้ถ้ารักษาหายแล้ว คือจบ (จะไม่ทำศัลยกรรมอีกแล้ว?) ถ้าหายดีก็คือจะไม่ทำแล้ว มีแค่โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ทรีตเมนต์หน้าใสคือเราคงขาดไม่ได้หรอกสิ่งเหล่านี้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน