‘เกีย คาร์นิวัล’เอ็มพีวี 11 ที่นั่ง – ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากนักเลงรถครอบครัวใหญ่เมืองไทยมาอย่าง ต่อเนื่อง ด้วยเพราะ ‘เกีย คาร์นิวัล’ รถยนต์ MPV แบบ 4 แถว 11 ที่นั่ง ที่มีบุคลิกการขับขี่ไม่ต่างจากรถเก๋งทั่วไป เรียกได้ว่าแทบจะเป็นหนึ่งเดียวในเซ็กเมนต์นี้เลยก็ว่าได้

ขณะที่เจเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว มีรูปลักษณ์หรูหราทันสมัย กว้างขวางนั่งสบาย แถมยังอัดแน่นอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งด้านสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยไว้อย่างครบครัน

เพื่อพิสูจน์ให้ได้รับรู้สมรรถนะการขับขี่ ‘ธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ ศิริมงคลเกษม’ กรรมการบริหารสาวแห่ง ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จึงจัดทริปทดสอบให้สื่อมวลชนได้ลองของ

ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-จ.พระนครศรีอยุธยา นัดเจอกันที่โชว์รูมและสำนักงานใหญ่ ย่านเทียมร่วมมิตร ช่วงสายๆ

เกีย คาร์นิวัล ทั้งรุ่น EX และ SXL จอดเรียงรอหลากหลายสี

ให้ขับคันละ 2 สื่อ ขาไปได้ตัวท็อป SXL เปิดประตูสไลด์ไฟฟ้า แล้วอาสาไปนั่งที่เบาะแถวสอง เบาะนั่งหนังนุ่มสบาย แต่ตัวที่นั่งวางตำแหน่งต่ำไปหน่อย ทำให้เข่าชันเล็กน้อย ดีว่ามีพื้นที่ให้เหยียดขาพอสมควร

เบาะกลางแถวสองและสามหากไม่ใช้พับพนักลงกลายเป็นที่วางแก้วและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงยังพับยกขึ้นให้เดินเข้าไปที่แถวสี่ได้อย่างสะดวก

แต่เบาะนั่งแถวสี่ดูจากสายตาแล้ว พับลงเป็นที่เก็บสัมภาระน่าจะเหมาะกว่าใช้โดยสาร

แอร์เพดานสามารถปรับอุณหภูมิได้ด้วยตัวเอง โดยปุ่มควบคุม อยู่ที่ประตูฝั่งขวาหลังคนขับ หลังคาซันรูฟแบ่งโซนและการควบคุมชัดเจนระหว่างเบาะนั่งแถวหน้าและแถวสอง

ก่อนทดสอบทีมเจ้าหน้าที่เทคนิคยนตรกิจ เกีย ได้แจ้งว่ามีช่อง USB สำหรับชาร์จไฟฟ้า 6 จุด ขึ้นรถมาตอนแรกเห็นที่คอนโซลหน้า 3 จุด ส่วนเบาะนั่งแถวสองใช้เวลากวาดสายตาอยู่พักใหญ่ถึงได้เห็นว่ามีช่อง USB ที่ด้านข้างเบาะผู้โดยสารตอนหน้าทั้งสองตัว ขณะที่อีกช่องอยู่บริเวณเบาะนั่งแถวสามฝั่งคนขับ

‘ต้า’ วุฒิณี ทับทอง นักทดสอบสาวมือหนึ่งแห่งสำนักประชาชาติธุรกิจจัดเต็มในตำแหน่งคนขับ ทำความเร็วต่อเนื่อง 120-140 ก.ม.ต่อช.ม. และยังไม่ไหลไปถึงเกือบ 180 ก.ม.ต่อช.ม.

แต่ไม่ได้ทำให้ตำแหน่งผู้โดยสารแถวสองรู้สึกถึงความหวิวเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่จังหวะที่ระบบความปลอดภัย ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist) ที่หากไม่เปิดไฟเลี้ยว ตัวรถจะถูกรั้งให้กลับ เข้าสู่ช่องทางเดินรถ

แต่บางครั้งเหมือนจะรั้งแรงไปหน่อย ขนาดนั่งอยู่เบาะแถวสองยังรู้สึกได้ถึงอาการคล้ายโดนกระชากเล็กๆ แต่แค่แวบเดียวตัวรถก็กลับมา ตั้งตรง

ขากลับขึ้นขับรุ่น EX หรือรุ่นรองท็อป ที่มีออปชั่นน้อยกว่าอยู่พอประมาณ ไม่ว่าจะความหรูหรา สะดวกสบาย รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย แต่ในส่วนของเครื่องยนต์และช่วงล่างเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว

กำลังของเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร เรียกมาใช้งานได้อย่างทันใจ ไม่ว่าจะตีนต้นตีนปลาย ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างนุ่มนวล

ถนนช่วงเชียงรากต่อเนื่องมาถึงรังสิต ด้านซ้ายมีหลุมบ่อดักหน้าอยู่เป็นระยะ แต่ไม่ได้สร้างความกังวลที่จะลุยเข้าไป เพราะช่วงล่างให้ความนุ่มนวล สมกับเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว

ขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์จัดเต็มความเร็ว เข็มไมล์ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีเหนื่อย 120-140-160 ก.ม.ต่อช.ม. ไหลลื่นสบายๆ

เพิ่มน้ำหนักเท้าที่แป้นคันเร่งเข้าไปอีก เข็มไมล์ทะลุความเร็ว 180 ก.ม.ต่อช.ม. จนไปปริ่ม 190 ก.ม.ต่อช.ม. ช่วงล่างยังนิ่งสนิท แถมแป้นคันเร่งยังมีพื้นที่เหลือให้เหยียบได้อีก

ดีไซน์ภายนอกกระจังหน้าทรง tiger-nose เอกลักษณ์เฉพาะของเกีย เส้นสายไหลลื่นต่อเนื่อง ไปถึงชุดโคมไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน

ประตูสไลด์ไฟฟ้าทั้ง 2 บาน

เสา C ดีไซน์พิเศษและใช้วัสดุมันวาว สะดุดตา และทำให้ดู โดดเด่นขึ้นอย่างมาก มองผาดๆ แล้วให้นึกถึง รถตรวจการณ์ชั้นดีจากยุโรป อเมริกา กันเลยทีเดียว

ค่าตัวของเจ้าเกีย คาร์นิวัล ใหม่ รุ่น EX อยู่ที่ 2.144 ล้านบาท แต่ถ้าขยับไปเป็นรุ่น SXL ราคาจะอยู่ที่ 2.459 ล้านบาท

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน