ควีนอำลาเจ้าชายฟิลิป – พิธีพระศพเจ้าชายฟิลิป พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ผ่านไปอย่างเรียบง่ายตามพระประสงค์ของเจ้าชายฟิลิปและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ต้องควบคุมการระบาด โควิด-19 อย่างเข้มงวด มีพระบรมวงศานุวงศ์และแขกพิเศษเพียง 30 คนเข้าร่วม
ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศติดตามชม การถ่ายทอดสดและร่วมใจกันสงบนิ่งไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที ในเวลา 15.00 น.
พิธีเริ่มจากการเคลื่อนหีบพระศพออกจากโบสถ์ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ไปประกอบพิธีทางศาสนายังโบสถ์เซนต์จอร์จที่อยู่ใกล้กันโดยบรรทุกหีบพระศพใส่ราชรถแลนด์โรเวอร์คันที่เจ้าชายฟิลิปทรงช่วยออกแบบดัดแปลงและรับสั่งไว้เมื่อครั้งมีพระชนม์ชีพว่าให้ใช้รถคันนี้บรรทุกพระศพของพระองค์
ขบวนเคลื่อนพระศพในระยะทางสั้นๆ มีคณะราชนาวิกโยธิน และทหารหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าชายฟิลิปแบกหีบพระศพเดินขนาบข้าง ตามด้วยพระโอรส พระธิดา และพระนัดดาของเจ้าชายฟิลิป
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงแอนน์ เจ้าชายแอนดรูว์ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงพระดำเนินแถวหน้า จากนั้นเป็นเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งทรงพระดำเนินแยกกัน โดยมีนายปีเตอร์ ฟิลิปส์ โอรสเจ้าหญิงแอนด์คั่นกลาง ตามที่เป็นข่าวดราม่าว่าสองเจ้าชายยังไม่ลงรอยกัน นับจากเจ้าชายแฮร์รีถอนตัวจากราชวงศ์และทรงไปประทับที่อเมริกาพร้อมเมแกน มาร์เคิล
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนา คณะราชนาวิกฯ จึงนำหีบพระศพเจ้าชายฟิลิปฝังไว้ที่ห้องใต้ดินหลวง เบื้องล่างบริเวณที่ร้องเพลงสวด
ส่วนสมาชิกพระราชวงศ์เสด็จออกจากโบสถ์เซนต์จอร์จ พร้อมกับพระดำเนินกลับยังปราสาทวินด์เซอร์ โดยไม่ใช้รถยนต์ จังหวะนี้เอง ทำให้เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี ทรงสนทนากันต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกนับจากเกิดข่าวดราม่า โดยดัชเชสเคตทรงเป็นผู้เชื่อมต่อ
ตลอดพิธีสื่อมวลชนและประชาชนต่างส่งกำลังใจถึงควีนมากที่สุดไม่เพียงเพราะทรงเป็นประมุขของประเทศ หากทรงเป็นคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าชายฟิลิปมายาวนาน 73 ปี
ภาพที่ควีนทรงพระกรรแสงระหว่างพิธี จึงเป็นภาพที่ชาวอังกฤษสะเทือนใจไปด้วย
ทั้งนี้ ก่อนเริ่มพิธีไม่กี่ชั่วโมง สำนักพระราชวังเผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ของควีนและเจ้าชายฟิลิปซึ่งควีนทรงคัดเลือกด้วย พระองค์เอง เป็นพระอิริยาบถที่ทรงพักผ่อนเผยถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทรงมีร่วมกัน ณ “สถานที่ทรงโปรด” ยังเนินเขาคอยล์แห่งมัค ใกล้พระตำหนักบัลมอรัล
ทั้งสองพระองค์เสด็จด้วยกันและทรงปิกนิก ณ ที่แห่งนี้หลายครั้งจึงเป็นภาพบันทึกความผูกพันที่ตราตรึงใจผู้คนทั่วเกาะอังกฤษ
