ลองอีกครั้งกับ‘ซูซูกิ สวิฟต์’สุดยอดรถอีโคคาร์-ประหยัดสุดๆ – ก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน มีโอกาสไปงานแถลงข่าวพบปะกับบรรดาผู้สื่อข่าวสายยานยนต์ มากหน้าหลายตา ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ สัพเพเหระหลากหลายเรื่องราว จนสุดท้ายมีคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า ในบรรดารถอีโค คาร์ ที่ได้ทดสอบกันมาแล้ว ชอบรุ่นไหนมากที่สุด

แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ซูซูกิ สวิฟต์’ ด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่าง พวงมาลัย ที่ขับสนุก อรรถประโยชน์ ในราคาสมเหตุสมผล

แน่นอนว่า ‘ข่าวสด ยานยนต์’ มีความเห็นไม่ต่างจากพวกเขา เท่าใดนัก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเป็นการทดสอบกันสั้นๆ ช่วงเปิดตัวใหม่ๆ หรือล่าสุดที่ขับตะลุยกลางใจกทม. ย่านเยาวราชไม่กี่สิบกิโลเมตร ทำให้อาจจะตอบไม่ได้เต็มปาก มากนัก

แล้วจะช้าอยู่ไยถามไถ่ไปยังผู้บริหารหนุ่มมาดอบอุ่น ‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม’ กรรมการบริหาร ด้านการขาย และการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ว่ามีซูซูกิ สวิฟต์ ให้ยืมมาทดสอบบ้างไหม แต่ครั้งนี้อาจจะขอยืมยาวสักหน่อย ได้รับคำตอบว่าเข้าไปรับได้ในทันที ซูซูกิ สวิฟต์ มีให้เลือก 2 เกรด เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ รุ่นเริ่มต้น GL ราคา 557,000 บาท และ GLX ราคา 629,000 บาท

เข้าไปรับรถที่สำนักงานใหญ่ ซูซูกิ มอเตอร์ ย่านวงแหวนอ่อนนุช ทีมงานเตรียมเจ้าซูซูกิ สวิฟต์ GLX ไว้ให้พร้อมอยู่แล้ว

ดี ไซน์ภายนอกดุดัน โฉบเฉี่ยว กระจังหน้าลายเส้นตกแต่งโครเมียม ไฟหน้า LED โปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟท้าย LED

เปิดประตูรถได้ด้วยรีโมต หรือปุ่มที่มือจับประตู กดครั้งเดียวเปิดเฉพาะประตูฝั่งคนขับเท่านั้น หากต้องการเปิดทุกบานต้องกดซ้ำอีกครั้ง เป็นการป้องกันหากมีมิจฉาชีพ เพิ่มความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับคุณสาวๆ ที่จอดรถในที่เปลี่ยว

ดูจากภายนอกแล้วอาจรู้สึกถึงขนาดที่ กะทัดรัด แต่เมื่อเข้าไปภายในแล้วค่อนข้างโอ่โถง นั่งสบาย

พวงมาลัยหุ้มหนังนุ่มมืออารมณ์สปอร์ตทรง D-shape มัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียง การใช้งานโทรศัพท์ผ่านสัญญาณบลูทูธ

หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว มองเห็นง่าย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องจ่ายไฟที่คอนโซลหน้า มีทั้งแบบที่จุดบุหรี่ 12V และ USB รวมถึงช่องเสียบ HDMI

พร้อมออกเดินทาง กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ การจราจรย่านนั้นแม้จะไม่หนาแน่นแต่ก็หนักไปที่รถใหญ่ เพราะใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความคล่องตัวที่มีมาอย่างเหลือเฟือ ไม่ว่าจะกำลังเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ที่แม้อาจดูเหมือนกำลังจะไม่มากเท่าไหร่แค่ 83 แรงม้าทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT

แต่บอกได้เลยว่าแรงเกินตัว เรียกมาใช้งานได้ตั้งแต่ตีนต้น กระชับฉับไว ทั้งออกตัวและเร่งแซง

ประกอบกับแพลตฟอร์ม HEARTECT ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว ทำให้ไม่ว่าจะเปลี่ยนเลน ซ้าย-ขวา ทำได้อย่างสบายมือรุ่งขึ้นมุ่งหน้าไปจ.นครสวรรค์ ขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ จัดความเร็วปลายให้รู้เรื่องกันไป ไต่ความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ 140-150-160 ก.ม.ต่อช.ม. ช่วงล่างยังนิ่งสนิท ชนิดเก๋งใหญ่บางคันยังต้องอาย

ลงแตะถ.สายเอเชีย ประเดิมความเร็วใหม่เลนขวาสุด ที่ให้วิ่งได้ถึง 120 ก.ม.ต่อช.ม.

ตั้งแต่จ.พระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง จ.อ่างทอง ระยะทางประมาณ 55 ก.ม. ขับกันไปแบบชิลชิล เครื่องยนต์ไม่เครียด เสียงเข้ามาในห้องโดยสารไม่มาก

ที่สำคัญอัตราสิ้นเปลืองเท้านิ่งๆ ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 20 ก.ม.ต่อลิตร ใกล้เคียงกับรถ ไฮบริดบางรุ่นกันเลยทีเดียว

ช่วงล่างที่หนึบแน่นแต่ยังคงให้ความ นุ่มนวลอยู่พอตัว ผ่านหลุม บ่อ คอสะพาน บนความเร็วที่เหมาะสม ไม่มีอาการกระเด้งกระดอน

เสียงสัญญาณเตือนน้ำมันใกล้หมดถัง ดังขึ้น มองดูระยะทางที่ทำไว้ได้ 592 ก.ม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 20.4 ก.ม.ต่อลิตร

ประหยัดได้ใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการใช้งานจริง และเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้วประมาณหนึ่ง

ไม่น่าแปลกใจแล้วว่าทำไม‘ซูซูกิ สวิฟต์’ ถึงได้เป็นขวัญใจสื่อมวลชน รวมถึงครองใจนักเลงรถเล็กมายาวนาน

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน