คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
จังหวะ การเมือง – พลันที่กลุ่ม“โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” มีสมาชิกถึง 1 ล้านคน
สะท้อนให้เห็นว่าการปรากฏขึ้นของ #ย้ายประเทศกันเถอะ มิได้เป็นเรื่องของ“อารมณ์”ในแบบวูบไปและวูบมาเหมือนกับการปรากฏของ“ผีพุ่งใต้”
ตรงกันข้าม กลับเป็นเรื่องหนักแน่นและจริงจัง
ยิ่งพวกเขามีความหนักแน่นและจริงจัง ก็ยิ่งทำให้การโฉบเข้ามาเพื่อสร้าง“ซีน”ของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กลับกลายเป็นเรื่องหน้าแตกอย่างชนิดแหกเป็นริ้ว
เมื่อเจอ “คนจริง” ก็ต้องถอยกลับ “พัทลุง” อย่างเงียบเชียบ
สังคมมักมอง “นักการเมือง”อย่างคาดหวังว่าจะต้องเข้าใจต่อ “สถานการณ์”
แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่อประเมินและคาดหมายจังหวะก้าวของแต่ละสถานการณ์ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง การให้ความเห็นจึงถลำลงไปในปลักแห่งความผิด พลาดได้
กรณีของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เด่นชัดไปแล้ว
ยังมีกรณีของนักธุรกิจซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคกล้า ได้แสดงความกล้าด้วยการออกมาคาดโทษต่อประชาชนที่ไม่เข้าสู่กระบวนการฉีดวัคซีนว่าจะต้องถูกตัดสิทธิ์ต่างๆ
คล้อยหลังความเห็นไม่นาน “ทัวร์” ก็ลงสะพรึ่บ
กระนั้น เส้นทางความคิดของแต่ละ “นักการเมือง” ล้วนมาจาก“รากฐาน”ของตน
กรณีของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็มีรากฐานมาจากพรรคประชาธิปัตย์ กรณีของรองหัวหน้าพรรคกล้าก็ต้องยอมรับว่าพรรคกล้าแตกหน่อมาจากพรรคประชาธิปัตย์
สถานภาพทาง“ความคิด”ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไร
ในยุคเผด็จการของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม หรือยุค จอมพลถนอม กิตติขจร ครองเมือง พรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาต่อต้านอาจกลายเป็น“พระเอก”
แต่ ณ วันนี้ภาพของ “ประชาธิปัตย์” ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
ในสถานการณ์ที่ “คนรุ่นใหม่”กำลังเสนอตัวเข้ามามีบทบาทในทางสังคม
พรรคประชาธิปัตย์ค่อยๆ ถอยไปยืนอยู่ระนาบเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย
กลายเป็นพรรคการเมืองที่กำลัง “เอาต์” ในทาง “ความคิด”