ปั้นรูปหล่อพระพุทธ-พระเกจิเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส“กองทุนศิลปะช้างเผือก” ตั้งอยู่เลขที่ 111 หมู่ 5 บ้านศิวาลัย ถ.ขุนหาญ-สำโรงเกียรติ ต.สิ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายพงษ์ศักดิ์ อดิพัฒน์ตระกูล หรืออาจารย์แฉ่ง มีอาชีพรับปั้นพระทุกอย่าง

ภายในบ้านมีรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ที่ปั้นเสร็จแล้วหลายองค์ รอผู้ที่สั่งทำมารับพระเพื่อนำเอาไปประดิษฐานตามวัดวาอารามต่างๆ และมีเศียรพระเบ้าหล่อพระ รวมทั้งอุปกรณ์ในการปั้นพระจำนวนมากวางอยู่ในบ้าน

นายพงษ์ศักดิ์ปั้นเศียรพระพุทธรูป ซึ่งต้องใช้สมาธิและมีความประณีตบรรจงในแต่ละขั้นตอนของการปั้นเศียรพระเป็นอย่างมาก ถ่ายทอดความรู้สึกและฝีมือทั้งหมดที่มีลงในชิ้นงานที่ทำ เพื่อให้ชิ้นงานที่ได้ออกมามีความสวยงาม โดยเศียรพระเป็นจุดที่สำคัญมาก ทำให้รู้ว่าพระที่ปั้นออกมานั้นเป็นพระเกจิอาจารย์รูปใด ตามที่มีผู้มาสั่งให้ปั้น ซึ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของเชื้อโควิด-19 นายพงษ์ศักดิ์ต้องทำงานอยู่บ้านปั้นพระอย่างต่อเนื่องทุกวัน

อาจารย์แฉ่งเล่าว่า “เรียนจบระดับปริญญาตรีจากวิทยาลัยครูพระนคร ปริญญาตรีด้านอุตสาหกรรมศิลป์เครื่องปั้นดินเผา จบแล้วได้ไปเป็นที่ปรึกษาโรงงานอุตสาหกรรมด้านเครื่องปั้นดินเผาที่ภาคเหนืออยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นได้ไปทำธุรกิจเกี่ยวกับอิฐมอญ ต่อมาได้ไปบวชอยู่ประมาณ 3 พรรษา และปี 2555 ลาสิกขาออกมาทำธุรกิจโรงแรม แต่ต่อมาเห็นว่าเวลาที่เรามีชีวิตอยู่เหลือน้อยแล้ว น่าจะช่วยคืนคุณแผ่นดินช่วยกันสร้างที่เรียกว่าพุทธบูชา เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป จึงมาทำเกี่ยวกับการปั้นพระโดยตรง

ซึ่งเหตุที่มาทำงานด้านนี้เนื่องจากว่ามีวัดวาอารามต่างๆ สนับสนุนให้ทำงานด้านนี้ ได้มาสร้างงานตรงนี้เหมือนกับว่าให้มาร่วมกันสร้างพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา งานที่ปั้นส่วนมากจะเป็นพระพุทธรูปปางต่างๆ รูปปั้นพระเกจิอาจารย์และครูบาอาจารย์ที่มรณภาพไปแล้วตามแต่สายบุญจะสั่งให้ปั้น ส่วนมากจะเป็นขนาดหน้าตักกว้าง 16 นิ้วขึ้นไป ซึ่งพระที่ปั้นขนาดใหญ่ที่สุดจะเป็นขนาด 108 เซนติเมตร หรือประมาณ 43 นิ้ว เพราะว่าเป็นงานเกี่ยวกับปูนซีเมนต์ จึงไม่ได้ใช้คนมาก”

ขั้นตอนของการปั้น เริ่มแรกจะปั้นด้วยดินก่อนแล้วก็มาหล่อเป็นปูนปลาสเตอร์ จากนั้นนำมาตกแต่งทำพิมพ์เป็นซีเมนต์ เพราะงานด้านนี้ที่ส่งเสริมกันคือ พระโลหะ แต่ว่าจะมีคนขโมยไปใช้ส่วนตัวมากกว่า จึงทำพระเป็นปูนซีเมนต์ ด้วยว่าบุคคลทั่วไปคิดว่ามูลค่าทางโลกไม่แพงมาก จึงนิยมตั้งพระที่ปั้นไว้ได้นานจนจะสิ้นอายุขัยของปูนซีเมนต์ ซึ่งหากอยู่ในที่ร่มจะมีอายุประมาณ 50 ปี แต่ถ้าอยู่กลางแดดเต็มที่ประมาณ 100 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นอีก ส่วนในด้านค่าจ้างนั้น ถ้าปั้นให้แล้วสายบุญนำเอาไปประดิษฐานเองราคาประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าให้ตนนำเอาองค์พระไปช่วยติดตั้งให้ราคาประมาณ 20,000 บาท ขึ้นไป แล้วแต่ญาติโยมศรัทธา

พระที่ปั้นส่วนมากจะเป็นรูปปางมารวิชัย ปางปฐมเทศนาและหลายปางตามแต่จะมีคนสั่ง ส่วนที่คนนิยมมากมาจ้างให้ปั้นเพื่อนำเอาไปเช่าบูชามากที่สุดขณะนี้คือ หลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา หน้าตักประมาณ 16 นิ้ว ราคาองค์ละประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป

วัสดุที่ใช้ในการหล่อพระนั้นจะใช้เหล็กและปูนซีเมนต์ ไม่เน้นไฟเบอร์กลาสและเรซิ่น เพราะว่าหากใช้วัสดุดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของช่างที่ทำ ซึ่งการใช้ปูนปั้นจะมีการทำแบบโบราณคือ นำเอาของศักดิ์สิทธิ์ใส่เข้าไปในองค์พระเหมือนกับที่คนโบราณสร้างพระที่จะบรรจุสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ตั้งแต่ฐานพระขึ้นไป เช่น ผ้ายันต์และวันเดือนปีเกิด เป็นความเชื่อของคนที่สั่งทำพระ หากนำเอาวัน-เดือน-ปีเกิดใส่เข้าไปแล้วจะทำให้เจริญรุ่งเรือง พระพุทธเจ้าปกป้องคุ้มครองสามารถทำให้เจริญรุ่งเรือง ตามความเชื่อแบบที่คนโบราณเชื่อมั่นกันมา

ส่วนรายได้นั้น ตนจะมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ 20,000 บาทขึ้นไป หลังจากหักค่าใช้จ่ายและใช้แบบประหยัดแล้วก็สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงอยู่ในขณะนี้ โดยหากสายบุญท่านใดต้องการติดต่อสั่งปั้นพระสอบถามโทร.08-9426-7521, ID Line 092-8455381

ศิริเกษ หมายสุข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน