คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ภาคีเซฟบางกลอย ทวงถามและยื่นข้อ เรียกร้องต่อรัฐบาลอีกครั้ง โดยระบุว่า สืบเนื่องจากการแก้ไขปัญหาชาวบางกลอย- ใจแผ่นดิน แก่งกระจาน ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
อีกทั้งสถานการณ์ตึงเครียด จากการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับชาวบ้าน 28 คน และเตรียมส่งสำนวนฟ้องให้อัยการในวันที่ 28 พ.ค.นี้
นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานยังใช้ปฏิบัติการที่เรียกว่า “ใจแผ่นดิน ยอดดวงใจของแก่งกระจาน” หลังปรากฏข่าวเฮลิคอปเตอร์ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกยิงเมื่อวันที่ 19 พ.ค.
จากเหตุการณ์นี้อาจถูกนำมาเชื่อมโยงกับชาวบางกลอย อันไม่เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหา
ขณะนี้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่เป็นไปตามข้อตกลง มีแต่ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้าย ส่งผลกระทบต่อกระบวนการแก้ไขปัญหา
ภาคีเซฟบางกลอยจึงขอให้ชะลอส่งฟ้องชาวบ้านไว้ก่อน ยุติแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ให้ประชุมเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านคดีความของชาวบ้าน ก่อนการดำเนินการใดๆ ของตำรวจและอัยการ
ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ยุติการดำเนินการใดๆ ในระดับพื้นที่ เนื่องจากมีบันทึก ข้อตกลงกันไว้แล้ว และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง
รวมทั้งให้ชี้แจงกรณียิงเฮลิคอปเตอร์ และผลปฏิบัติการใจแผ่นดิน ยอดดวงใจแก่งกระจาน อย่างเป็นทางการ ตรงไปตรงมา
ท่ามกลางข้อเรียกร้องกลับสู่ใจแผ่นดิน มีความพยายามสกัดขัดขวาง ทำลายความชอบธรรมฝ่ายชาวบ้าน ระดมเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่กดดัน จับกุมอย่างรวดเร็วผิดสังเกต ส่งเข้าเรือนจำทันที
กล่าวหาแผ้วถางพื้นที่ใหม่ทำไร่เลื่อนลอย ทั้งที่เป็นการทำไร่หมุนเวียนเกื้อกูลพึ่งพิงธรรมชาติ ในแวดวงวิชาการและนักอนุรักษ์ต่างก็ยอมรับทฤษฎีดังกล่าว และหากทำลายป่าจริง ก็คงไม่เหลือความอุดมสมบูรณ์จนประกาศเป็นอุทยานฯ ได้
ใจแผ่นดิน ยอดดวงใจแก่งกระจาน จะเกิดขึ้นได้ต้องยอมรับทำความเข้าใจถิ่นฐานดั้งเดิม วิถีชีวิตฝ่ายชาวบ้านด้วย ดังนั้นการแก้ไขปัญหา จึงต้องยืนอยู่บนหลักสำคัญที่ว่า ทำอย่างไรให้ชาวบ้านกลับไปอยู่ใจแผ่นดิน
ไม่ใช่ยังปล่อยให้เกิดปฏิบัติการ ซ่อนเร้น สร้างความตึงเครียด นำไปสู่ การบิดเบือนใส่ร้าย