‘น้องแนท’ครองสถานะ‘ม่าย’ เลือกทางเดิน-สร้างคุณค่าให้ตัวเอง

‘น้องแนท’ครองสถานะ‘ม่าย’ – สร้างความฮือฮาหลังโชว์ทะเบียนหย่ากับอดีตสามีชาวอเมริกัน ‘ฮาโรลด์ เจนนิงส์ เนสแลนด์ จูเนียร์’ สำหรับนางแบบสาวแนว อีโรติกวัย 36 ปี ‘น้องแนท’ เกศริน ชัยเฉลิมพล

วันนี้เจ้าตัวมาเปิดใจแบบหมดเปลือกถึงเรื่องราวชีวิตคู่ที่ไปต่อไม่ได้

โล่งใจเลยไหม ได้อิสรภาพกลับคืนมา?

แนท – “โล่งมากค่ะ รอตั้งแต่ก.ค.2560 อีก 2 เดือนจะครบ 4 ปีแล้ว จริงๆ เพิ่งฟ้องหย่าปีที่แล้ว ก่อนหน้านี้ขอให้เขามาหย่า ก็รอ เขาก็อ้างว่ายังไม่สะดวก รอ 2 ปี รู้สึกทำไมให้รอนานขนาดนี้ จนปี 2563 สถานการณ์ โควิดก็เข้าใจว่ามาไม่ได้ จนปี 2564 โควิด ยืดเยื้อ ก็รู้สึกไม่ได้แล้ว ขอให้ทนายจัดการ ทำเรื่องฟ้องหย่า ส่งเอกสารให้สามี พอทางนู้นไม่มีการตอบกลับหรือเดินทางมา ทีนี้หลังจากศาลได้ตัดสินพิจารณาแล้วต้องรออีก 1 เดือนเพื่อดูว่าสามีจะแย้งอะไรมั้ย ถ้าภายใน 1 เดือนไม่มีหรือเจ้าตัวไม่มา คดีก็สิ้นสุด”

จบกันจากกันด้วยดี?

แนท – “ด้วยดีมั้ย คือก่อนหน้านี้เราบล็อกเขา เพราะเขาไม่ยอมปล่อยเรา เรารู้สึกถูกเอาเปรียบในเรื่องการใช้ชีวิต เขาบอกว่าคุณอยากมีชีวิตยังไงก็ตามสบาย แต่มันไม่ใช่ไงคะ ในประเทศไทยถ้าสมมติเราจะไปมีแฟนใหม่หรือแต่งงานใหม่มันไม่ถูกเรื่อง คุณพูดแบบนี้เหมือนเห็นแก่ตัว จนเราให้ทนายจัดการ หลังยื่นเรื่องให้ศาลแล้วก็ปลดบล็อกคุยกับเขา จนเขาเริ่มรู้เรื่องเราอยากหย่า ดูจากข่าว เขาก็เลยโอเคเข้าใจ ต้องยอมถอย”

เขาเหมือนยังรักเราอยู่?

แนท – “ยังรักค่ะ แต่ถ้าชีวิตคู่ไปด้วยกันไม่ได้ ถอยออกมาเป็นเพื่อนที่ดีก็ดี เพราะเขาก็ยังมีครอบครัว มีหลานที่ต้องรับผิดชอบ ตอนแรกคุยกันว่าถ้าคุณแม่เสีย เขาจะมูฟจากอเมริกามาที่ไทย แต่ก็ยังติดเรื่องลูกชายเขาที่ย้ายจากฟิลิปปินส์ไปอยู่ที่โน่น เขาห่วงครอบครัวเขา เขาก็ห่วงเราด้วย แต่ถ้ามาอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ไม่ควรรั้งกันไว้”

ใช้สถานะความเป็นสามีภรรยากันมากี่ปี?

แนท – “ถ้าทางนิตินัยเกือบ 9 ปี จดทะเบียนสมรสปี 2555 จนถึงปี 2564 ก็ 9 ปี แต่ด้วยพฤตินัยแทบไม่มีคำว่าสามีภรรยา เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไปๆ มาๆ อย่างนี้ เพราะต่อให้เราไม่นอนด้วยกัน แต่ความเป็นสามีภรรยาบ้านเดียวกันมันควรจะต้องอยู่ด้วยกัน”

เพราะเราย้ายไปอยู่อเมริกาไม่ได้?

แนท – “แนทเคยทำวีซ่าไป เขาให้เราย้ายไปอยู่ที่โน่น แต่ต้องมีกรีนการ์ด ซึ่งใจเราไม่อยากทิ้งเมืองไทย ไม่สะดวกใจที่จะไปอยู่ เรารู้สึกเราไม่มีใครที่โน่น ครอบครัวเราอยู่ ที่นี่ เรายังมีแม่ ส่วนเขา ถามว่าอยากมาอยู่กับเราที่เมือง ไทยมั้ย คือเราคุยเรื่องนี้กันมานานแล้ว ตั้งแต่เขาไปแก้หมันจะมีลูกด้วยกัน การมีลูกก็คุยว่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์กัน จะทำกิฟต์ ซึ่งได้ปรึกษาคุณหมอแล้ว ก็ตกลงกัน แต่พอไม่เป็นอย่างที่คุยกัน คุณย้ายมาไม่ได้ เราจะมีลูกด้วยกันได้ยังไง ก็จบลงที่การหย่า แนทเป็นคนเอ่ยเอง จดทะเบียนกันแต่ไม่เคยใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยา คุณจะรั้งไว้ทำไม ส่วนสินสมรสไม่มีค่ะ สลักหลังไว้ในทะเบียนเลยว่าไม่มีสินสมรส ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสินสอด ไม่มีอะไรเลย อยู่ด้วยกันเกื้อกูลกัน”

เสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมาไหม?

แนท – “มิตรภาพระหว่างเราที่อยู่ด้วยกันมันมีความอบอุ่น แนทดูแลเขาไม่ขาดตกบกพร่อง เอาจริงๆ แนทไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ทุกคนใน เมืองไทยมองว่าเพอร์เฟ็กต์ ส่วนใหญ่มองเราด้านลบ แต่คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับแนทจะทราบว่าพื้นฐานจิตใจเราเป็นยังไง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รั้งเราจนถึง 4 ปี”

เรียกว่าตอนนี้โสดสด สตรองมั่นใจ พร้อมเปิดตัวเปิดใจรับคนใหม่?

แนท – “แน่นอนค่ะ ก็มีกุ๊กๆ กิ๊กๆ บ้าง โสดพร้อมเปิดใจรับคนใหม่ๆ เข้ามาศึกษา ค่อยๆ ดู ไม่รีบ ยังไม่มีเป็นตัวเป็นตน ก็คุย แล้วถ้าเราอยู่ในจุดที่เขามี 1 2 3 เราไม่ควรอยู่ใน 1 2 3 ของเขา ควรเดินออกมาแล้วสร้างคุณค่าให้ตัวเอง ซึ่งแนทเป็นสาวมั่นตั้งแต่แรก ชีวิตแนทไม่เคยเอาความมั่นใจตัวเองไปทำร้ายคนอื่น แต่สร้างความมั่นใจ ตัวเองเพื่อสร้างคุณค่าในการทำงานให้ตัวเอง จริงๆ ความรักไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว อยากจะมีความรักที่ดี ความรักสร้างแรงบันดาลใจในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการงานการเงินความสุข บางทีเรามีงานมีเงินแต่ยังขาดคนที่มาเป็นกำลังใจ มันก็อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบในชีวิต”

ตอนนี้มีคนนั้น หรือยัง?

แนท – “ยังค่ะ ก็มีคนมาจีบมาคุยไม่ขาด คนเก่าๆ ที่เคยคบก็กลับมา อยากขอคืนดี เราไม่ได้มองเขาเป็นตัวเลือก เพียงแต่เราอยากเรียนรู้คนใหม่ๆ ส่วนคนเก่าๆ เราก็ยังให้คำว่ามิตรภาพ”

ชีวิตคู่ที่ผ่านมาล้มเหลว คนใหม่ที่จะเข้ามาต้องสกรีนมากกว่าเดิมไหม?

แนท – “แนทเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ คนที่จะเข้ามา แนทหวังว่าเขาจะให้ความอบอุ่น มีความรับผิดชอบในชีวิต สิ่งสำคัญ แนท ไม่ชอบคนโกหก หนุ่มที่จะกุมหัวใจแนทได้ต้องเป็นคนมีความรับผิดชอบ อันดับแรก แนทเป็นคนชัดเจนในเรื่องการดำเนินชีวิต สิ่งสำคัญคือต่อให้เรามีคุณ เราก็ไม่หยุดที่จะทำงาน ส่วนจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ไม่ฟิกซ์เลยค่ะ คบได้หมด เพียงแต่ขอให้ความคิดตรงกัน ดูแลรับผิดชอบร่วมกัน”

หนุ่มไทยกับหนุ่มต่างชาติต่างกันไหม ในมุมมองของเรา?

แนท – “แนทว่าต่างชาติมีความรับผิดชอบ มีความรักที่ให้เกียรติ แต่แนทไม่ได้บอกว่าผู้ชายไทยไม่มีข้อนี้ ก็มี แต่เราอาจจะยังหา ไม่เจอ ส่วนใหญ่ผู้ชายไทยจะรักอิสรเสรี ถ้ามีตังค์จะเห็นผู้หญิงเป็นตัวเลือก แต่เราอยู่ในจุดที่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเลือกของใคร เราดูแลตัวเองได้ เราควรวางตัวเองให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ถ้าเราดีพอและเชื่อมั่นในตัวเอง แนทคิดว่าแนทสามารถชนะใจได้แน่นอน”

อยู่ในสถานะหย่า รู้สึกยังไงกับคำว่า แม่ม่าย?

แนท – “แนทชอบคำถามนี้ เพราะแนทว่าตอนนี้แนทสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ผู้หญิงหลายคนไม่ได้ทำงานอาชีพแนท ถูกสามีทิ้ง หย่าร้างด้วยปัญหาปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่แนททำงานในสิ่งที่สังคมไทยแอนตี้ แต่แนท สามารถ เลือกทางเดินชีวิตแนทได้ โดยไม่เกี่ยวกับสามีรวยหรือแก่หรืออะไร แนทอยู่ในจุดที่คิดว่าชีวิตต้องไปต่อยังไง สามารถเลือกทางเดินให้ชีวิตได้ แต่เราไม่เคยมองว่าผู้ชายเป็นตัวเลือกที่เราจะไปเกาะคนโน้นคนนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งไหนที่อยู่แล้วทำให้ชีวิตแนทไปต่อได้ มีอนาคต แนทจะเลือกไปอยู่จุดนั้นค่ะ ไม่ได้รู้สึกว่าคำนี้ลดทอนคุณค่าในตัวเรา”

ฝันอยากมีครอบครัวมีลูกอีกไหม?

แนท – “แนทอยากมีลูกมาก ครอบครัวอยากอุ้มหลาน แต่ถ้ามีแล้วไม่ได้เกิดจาก ความรักทั้งคู่ เราก็ยังไม่พร้อมจะมี หรือถ้าเกิดมาแล้ว เราไปสร้างปัญหาให้ลูก ก็ไม่อยากจะให้เกิด ทุกวันนี้ปัญหาสังคมเยอะแล้ว ถ้าคนที่เป็นพ่อแม่สร้างปัญหาให้ลูกอีก มันก็เป็นปัญหาที่ทำร้ายจิตใจเด็ก เราเกิดมาพ่อแม่หย่าร้าง จิตใต้สำนึกของเด็กมันถูกฝังอยู่ลึกๆ ในจิตใจ ลูกจะมีคำถามภายใต้กรอบของมันตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราคิดว่าการมีลูกควรจะมีครอบครัวหรือคนที่รักพร้อมจะเทกแคร์เขาร่วมกัน”

ฝากถึงผู้หญิงที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ครอบครัว?

แนท – “ปัญหาครอบครัวมีทุกที่ทุกครอบครัว ถ้าเมื่อไหร่มีเรื่องความรักเข้ามาผูกพัน ปัญหาต้องเกิดเพราะมันจะมีความ ขัดแย้ง ความรุนแรง แต่สิ่งที่แนทอยากให้เป็นคือเราต้องเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้ามันทำให้เรามีปัญหาแล้วไปต่อไม่ได้ ควรออกมาจากจุดตรงนั้น อย่าไปคิดว่าการที่ไม่มีเขาเป็น สิ่งว้าเหว่ เดินต่อไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่คิดผิด คุณเกิดมายังไง ใช้ชีวิตเส้นทางยังไง คุณต้อง ตั้งหลักแล้วดูว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปยังไงให้เป็นกำลังใจ สร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองดีขึ้น การไม่มีเขาไม่ได้ทำให้ตัวเรามีคุณค่าลดลงหรือเพิ่มขึ้น คุณค่าทุกอย่างเกิดจากการที่คุณสามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ฝันได้”

วีรนุช จันทำ