จอร์จินโญ ไวนัลดุมจอมทัพเนเธอร์แลนด์ – หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ของศึกยูโร 2020 อย่างเนเธอร์แลนด์ จบรอบแบ่งกลุ่มเก็บ 9 คะแนนเต็มจากการลงสนาม 3 นัด

โดยนับตั้งแต่หมดยุคของเวสลีย์ ชไนเดอร์ หรือราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ต พวกเขาก็ขาดผู้เล่นจอมทัพไป

ก่อนหน้านี้ แฟรงก์ เดอ บัวร์ กุนซือเนเธอร์แลนด์ใช้นักเตะหลายคนมาลองเล่นในตำแหน่งนี้ ทว่ายังไม่ลงตัว

SNetherlands’ Georginio Wijnaldum celebrates scoring their second goal with Memphis Depay Pool via REUTERS/Peter Dejong

จนสุดท้ายต้องให้ จอร์จินโญ ไวนัลดุม แข้งป้ายแดงปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งตำแหน่งที่แท้จริงของเขาคือกองกลางตัวคุมเกมมารับบทจอมทัพจำเป็น ทว่าดาวเตะวัย 30 ปีรายนี้กลับโชว์ฟอร์มโดดเด่นตั้งแต่นัดแรก และทำประตูแรกให้ทีมในศึกยูโรครั้งนี้ กระทั่งเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม ไวนัลดุมเหมา 2 ประตู

พร้อมสถิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่านบอลสำเร็จ 85%, สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง 5 ครั้ง, เลี้ยงสำเร็จ 2 หน, ยิง 3 ครั้งตรงกรอบ 2 ครั้งเป็น 2 ประตู, สกัดบอลสำเร็จ 3 ครั้ง และแย่งบอลกลับมาอยู่ในการครอบครอง 6 ครั้ง เป็นต้น

SNetherlands’ Georginio Wijnaldum scores their second goal Pool via REUTERS/Peter Dejong

นอกจากนั้นยังทำให้ไวนัลดุมยิงให้กับทัพ “กังหันสีส้ม” รวม 25 ประตู ทำลายสถิติยิงให้ทีมชาติของ มาร์โก ฟาน บาสเทน และ เดิร์ก เคาต์ 2 ตำนานแข้งเนเธอร์แลนด์เป็นที่เรียบร้อย ทำให้เขาคว้ารางวัลสตาร์ ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครองแบบไร้คู่แข่ง

นอกจากนั้นยังส่งผลให้ไวนัลดุมกลายเป็นนักเตะในตำแหน่งกองกลางเพียงรายเดียวที่ได้ขึ้นนำในตำแหน่งดาวซัลโวของยูโรครั้งนี้ร่วมกับบรรดายอดกองหน้า อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกส), โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม) และปาตริก ชิก (สาธารณรัฐเช็ก) ตามสถิติล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.

ไวนัลดุมจะยังรักษามาตรฐานของตัวเอง และพาเนเธอร์แลนด์ไปถึงฝั่งฝัน นั่นคือแชมป์ยูโร 2020 ได้หรือไม่?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน