ไฟไหม้รพ.โควิดอิรักสังเวยหมู่64ศพ – วันที่ 13 ก.ค. เอพีรายงานโศกนาฏกรรมไฟไหม้หอ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลอัลฮุสเซน เมืองนาสิริยาห์ ทางใต้ของประเทศอิรัก คร่าชีวิตคนในอาคารอย่างน้อย 64 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 100 คน เมื่อช่วงดึกของ วันจันทร์ที่ 12 ก.ค. เป็นความโกลาหลตลอดค่ำคืน
ทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยพยายามควบคุมเพลิงที่โหมไหม้ และช่วยผู้ติดอยู่ข้างใน แต่ทำไม่ได้มากนัก เนื่องจากความมืดมิด กระทั่งรุ่งเช้าจึงเห็นร่างผู้เคราะห์ร้ายที่เจ้าหน้าที่ห่อมาวางเรียงด้านหน้าโรงพยาบาล
บรรดาญาติพากันร่ำไห้ปิ่มขาดใจ และโกรธแค้นทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเขตธีคาร์ และรัฐบาลกลางที่ปล่อยปละละเลยให้อาคารสาธารณะสำคัญไม่มีความปลอดภัย ท่ามกลางบรรยากาศดังกล่าว ผู้ประท้วงและตำรวจปะทะกัน จนรถตำรวจถูกเผา
ตายเกลื่อน – นาทีไฟไหม้โรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยโควิดเมืองนาสิริยาห์ ภาคใต้ของอิรัก คนในอาคารเสียชีวิตกว่า 60 ราย จากนั้นญาติชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่ปล่อยปละละเลยระบบรักษาความปลอดภัย เมื่อวันที่ 13 ก.ค. (รอยเตอร์)
สาเหตุไฟไหม้ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่มีรายงานเบื้องต้นว่าเป็นเพราะถังออกซิเจนระเบิด และเจ้าหน้าที่บางคนเผยว่า ไฟฟ้าลัดวงจร ตอกย้ำระบบสาธารณสุขอิรักในสภาพย่ำแย่ หลังเผชิญกับความขัดแย้งนานหลายปี โดยแผนกผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลที่เกิดเหตุเพิ่งสร้างเมื่อ 3 เดือนก่อน รองรับได้ 70 เตียง
นายมุสตาฟา อัลกัดฮีมี นายกรัฐมนตรีอิรัก สั่งจับกุมผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่วนนายโมฮัมหมัด อัลฮัลบูซี ประธานรัฐสภาอิรักระบุว่า เพลิงไหม้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงความล้มเหลวที่จะคุ้มครองชีวิตชาวอิรัก ถึงเวลาแล้วที่จะไม่ให้ความล้มเหลวขั้นหายนะเกิดขึ้นอีก
โศกนาฏกรรมไฟไหม้ครั้งใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองต่อเนื่องจากเมื่อเดือนเม.ย. ถังออกซิเจนระเบิดทำให้เพลิงไหม้คร่า 82 ชีวิตและบาดเจ็บอีก 110 คนที่โรงพยาบาลในกรุงแบกแดด ส่งผลให้นายฮัสซัน อัลทามิมี รมว.สาธารณสุขต้องลาออก
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในอิรักยังน่าวิตกมากจนระบบสาธารณสุขตึงเครียดอย่างหนัก ซึ่งเผชิญภาวะสงครามและปัญหาทุจริตอยู่แล้ว มียอดผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นสูง สถิติสัปดาห์ก่อนอยู่ที่วันละ 9,000 คน ยอดผู้เสียชีวิตมีมากเกิน 17,000 ราย จากยอดผู้ติดเชื้อ 1.4 ล้านคน
องค์การอนามัยโลกระบุว่า อิรักได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส เพียง 1 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศราวๆ 40 ล้านคน
