วันที่ 15 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กอ้างอิงบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร Forbes ในเดือนก.ค. 61 โดยระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มไทยซัมมิทต้องเผชิญความผันผวนในหลายด้าน ตั้งแต่ภัยน้ำท่วมปี 54 นโยบายรถคันแรก หรือช่วงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้ตัวเลขรายได้รวมมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม รายได้ยังเติบโตเฉลี่ย 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และเติบโตสูงสุดที่ 7.5 หมื่นล้านบาทในปี 55 จากนโยบายคืนภาษีรถคันแรก

น.ส.ชนาพรรณ ระบุต่อว่า ยอดการผลิตรถยนต์ของไทยในปี 55 สูงมากเนื่องจากมีนโยบายรถคันแรก เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมโดยรวมเนื่องจากน้ำท่วมใหญ่ในปี 54 ซึ่งโรงงานที่ถูกน้ำท่วมส่วนใหญ่ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน รัฐบาลจึงออกหลักเกณฑ์รถคันแรกขึ้น ซึ่งเป็นธรรมดาว่า เมื่อยอดขายของลูกค้า ซึ่งคือผู้ผลิตรถยนต์มีมาก ในฐานะของผู้ผลิตชิ้นส่วนก็ย่อมขายมากไปด้วย

น.ส.ชนาพรรณระบุอีกว่า คำสัมภาษณ์ผ่านมา 3 ปี และเหตุการณ์ผ่านมาเกือบ 10 ปี แต่ยังมีผู้ที่พยายาม นำเรื่องนี้ไปโยงการเมือง ทั้งที่ช่วงนั้นไม่มีบุคคลในครอบครัวเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเบี่ยงเบนประเด็นว่านโยบายนี้ออกมาเพื่อเอื้อกลุ่มไทยซัมมิท ทั้งที่ ผู้เดือดร้อนและกดดันรัฐบาลคือนักลงทุนต่างชาติ และไทยซัมมิทไม่ได้เป็นผู้เรียกร้องวิ่งเต้นใดๆ ในเรื่องนโยบายนี้เลย การขึ้นลงของรายได้เป็นไปตามปกติจากคำสั่งซื้อของลูกค้าเท่านั้น

โดยเฉพาะงบประมาณเหล่านี้ถูกนำไปช่วยสนับสนุนแก่ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมและประชาชน ที่ซื้อรถ ไม่ได้สนับสนุนบริษัทใดๆ เลยที่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งการบิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ ทำให้ตนและบริษัทเสื่อมเสีย และยังถูก นำมาใช้จนถึงปัจจุบัน เพื่อโจมตีให้บริษัทเข้าไปพัวพันกับการเมือง จึงขอความเป็นธรรมให้กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ที่ประกอบกิจการด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใสมาตลอดด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน