ปอเนาะปัตตานีปลูกฟ้าทะลายโจร – ปัตตานี – นายดุลนาเซ ฮามะ โต๊ะครูสถาบันปอเนาะอันน่าซิรียะห์ ม.2 ต.ตาแกะ อ.ยะหริ่ง เผยว่า ใช้ฟ้าทะลายโจร รับมือโควิดให้กับนักเรียนในปอเนาะ เพื่อเดินหน้าการเรียนการสอนของสถาบันปอเนาะ เดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง หยุดยาวไม่ได้ จึงพร้อมกับการรับมือโดยใช้ฟ้าทะลายโจร
ที่ผ่านกระบวนการวิจัยศึกษาเป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์แผนไทยและได้รับรองประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าฟ้าทะลายโจรสามารถต้านโควิด
อยากเรียกร้องให้สถาบันปอเนาะทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หันมาใช้สมุนไพรไทยรับมือกับการระบาดโควิด ให้มีการปลูกพืชฟ้าทะลายโจรภายในปอเนาะเพื่อใช้เป็นเวชภัณฑ์ยารักษาโรคให้กับปอเนาะต่อไปในอนาคต ไม่เพียงแค่รับมือกับการระบาดของโควิดเพียงอย่างเดียว
ด้าน น.ส.โสภี บัวผัน ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกพืชสมุนไพรด่านทับตะโก ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เผยว่า เกษตรกรรวมตัวก่อตั้งเป็นกลุ่มผู้ปลูกพืชสมุนไพร เพื่อเพิ่มจำนวนผลผลิตและสร้างราคาที่เป็นธรรม ต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง เป็นเกษตรแปลงใหญ่พืชสมุนไพร มีสมาชิกจำนวน 34 ราย พื้นที่รวมกว่า 500 ไร่ ปลูกพืชสมุนไพรมากกว่า 10 ชนิด อาทิ ฟ้าทะลายโจร กระชาย ไพร ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ม้าฮ่อ และว่านนางคำ เป็นต้น
ส่งผลให้ราคาจากเดิมที่เคยจำหน่ายแบบตากแห้งราคาอยู่ที่ประมาณตันละ 25,000 บาท และแบบบดผงราคากิโลกรัมละ 300 บาท ปัจจุบันมีขยับราคาขึ้นเป็น 40,000 บาท และแบบบดผงอยู่ที่กิโลกรัมละ 600 บาท ด้วยราคาที่สูงขึ้น มีผู้นำเข้าฟ้าทะลายโจรแบบบดผงจากต่างประเทศ แต่ในเรื่องของคุณภาพ ทั้งสี กลิ่น และรสชาติที่แตกต่าง จึงไม่เป็นที่นิยม ราคาจำหน่ายถูกกว่าอยู่ที่กิโลกรัมละ 350 บาท นอกจากนี้ในส่วนของกระชายก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
สำหรับประชาชนที่รับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันและไม่ได้มีอาการป่วยด้วยโรคไข้หวัด หรือโรคโควิด รับประทานด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 5 วัน จะเป็นอันตรายต่อตับและไต บางรายมีอาการแพ้เป็นผื่นขึ้นควรงดรับประทาน
เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ใน จ.ราชบุรี มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ทางกลุ่มฯ เพาะต้นกล้าฟ้าทะลายโจรจำนวน 1,000 ต้น เพื่อมอบให้ทางจังหวัดนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนชาว จ.ราชบุรี ได้นำไปปลูกใช้บริโภคในครัวเรือน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันและรักษาโควิด-19 โดยสามารถติดต่อขอรับได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดราชบุรี
