คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

บาทก้าว การเมือง – เด่นชัดแล้วว่า การออกโรงของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ทรงพลังทางการเมือง

ยิ่งเมื่อประสานเข้ากับนวัตกรรมของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และเชื่อมเข้ากับบทบาทของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และ นายไผ่ ดาวดิน ยิ่งเด่นชัด

เพราะเท่ากับ “เก่า” และ “ใหม่” ได้เข้าสู่เอกภาพ

อย่าแปลกใจที่จะปรากฏรูปธรรมของพลังอันก่อให้เกิด “ฝันร้าย” ทางการเมืองโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นภาพ “มอเตอร์ไซค์ม็อบ” ยาวเหยียดราวกับสายน้ำ

นี่แหละที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมไม่ได้

ทุกจังหวะก้าวของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ล้วนแฝง ไว้ด้วย “ความหมาย” อันลึกซึ้ง

เริ่มตั้งแต่การเลือกเข้าร่วมกับขบวนที่มี นายสมบัติ บุญงามอนงค์ อยู่ในฐานะเป็นเจ้าความคิด ตามมาด้วยการสวมเสื้อแดงปักอักษร “ไพร่” ผงาด

นี่คือการย้อนกลับไปยังเดือนพฤษภาคม 2553

ขณะเดียวกัน บทบาทของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ คือผู้เสนอสโลแกน “ที่นี่มีคนตาย” ปลุกวิญญาณ “เสื้อแดง ภายหลังการล้อมปราบอย่างเหี้ยมโหด

เดือนสิงหาคม 2564 สปิริต “เสื้อแดง” ก็ฟื้น คืนมา

ปรากฏการณ์ “คาร์ม็อบ” ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดคือ “ตัวอย่าง”

เป็นตัวอย่างไม่เพียงแต่เป็นการฟื้นสปิริตของ “เสื้อแดง” อันฝังอยู่อย่างยาวนาน หากแต่ประสานเข้ากับ “กลุ่มราษฎร” อันถือได้ว่าเป็น “พลังใหม่”

มองจากสายตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมยากแยกจำแนก

เพราะแม้ “ราษฎร” จะปรากฏเงาร่างขึ้นพร้อมกับการชู “3 นิ้ว” อันทรงความหมาย แต่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ “ชู 3 นิ้ว” อย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว

ปฏิมาแห่ง “เสื้อแดง” จึงประสานเข้ากับ “ชู 3 นิ้ว” องอาจ

ความสงสัยที่กลุ่มกุมอำนาจยังมองไปอย่าง ไม่มั่นใจเท่าใดนัก

นั่นก็คือ บทบาทและการเคลื่อนไหวของ โทนี่ วู้ดซัม จะสมานประสานเข้ากับกระแสความตื่นตัวของ “ชู 3 นิ้ว” ได้นุ่มเนียนและมากน้อยเพียงใด

หาก โทนี่ วู้ดซัม พร้อมที่จะ “ชู 3 นิ้ว” เมื่อใด ก็ย่อมเมื่อนั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน