ย่ำแย่กว่าที่คิด – เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี พร้อมประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ได้รับผล กระทบจากโควิด-19 มากกว่าที่เคยประเมิน
ขณะเดียวกัน ก็ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลดลงเหลือ 0.7% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.8% และปี 2565 ลดลงเหลือ 3.7% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9%
สาเหตุเนื่องจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ายังอยู่ในระดับสูง ภาคเอกชนที่ได้รับผล กระทบมาก และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงมากในปีหน้า
ส่วนตลาดแรงงานเปราะบาง โดยเฉพาะภาคบริการ และ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
ขณะที่ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แสดงความคิดเห็นว่าสถานการณ์เวลานี้ย่ำแย่ โอกาสจะฟื้นตัวคงลำบาก
นอกจากนี้ยังไม่เห็นด้วยกับมาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ขนาดล็อกดาวน์บางพื้นที่ยังแย่ขนาดนี้ ถ้าล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เศรษฐกิจจะแย่ขนาดไหน
สิ่งที่สำคัญคือ รัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนเข้ามาฉีดให้ประชาชนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด ดูแลค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนที่ประมาณ 2,000 บาทต่อคน คุ้มค่ากว่าการแจกเงินเยียวยา
กกร.ขอให้ภาครัฐอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้อย่างเสรี ไม่ต้องผ่านผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่าย และหน่วยงานรัฐ ภาครัฐเป็นผู้ออกใบสั่งซื้อและออกค่าใช้จ่าย
ให้องค์การอาหารและยา (อย.) เร่งอนุมัติวัคซีนยี่ห้ออื่น โดยไม่ต้องรอบริษัทวัคซีนนำเอกสารมายื่น เพื่อเพิ่มทางเลือกและเพิ่มโอกาสในการจัดหาวัคซีนมากขึ้น
พร้อมกันนี้ก็ขอให้สนับสนุนการลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับภาคเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน รวมถึงค่าวัคซีน และให้เอกชนช่วยสนับสนุนการผลิต และจัดหายา ฟาวิพิราเวียร์ ที่กำลังมีความต้องการสูง เพื่อให้เพียงต่อความต้องการ
เป็นข้อเสนอที่ควรค้อมหัวรับฟัง!!
เภรี กุลาธรรม