‘เบลล์ นันทิตา’อัพเดตชีวิตคู่ – ไปใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่นักร้องเสียงดี ‘เบลล์’ นันทิตา ฆัมภิรานนท์ หรือ ‘เบลล์ 2 เสียง’ จากเวที Thailand Got Talent ก็ยัง ส่งน้ำใจช่วยเหลือคนไทยในภาวะวิกฤตโควิด
โดยล่าสุดเจ้าตัวสายตรง เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวจากเมืองลุงแซม พร้อมอัพเดตชีวิตคู่ รวมถึงสถานภาพตอนนี้ที่เป็นผู้หญิง ร้อยเปอร์เซ็นต์
ตัวอยู่อเมริกา ส่งน้ำใจช่วยเหลือคนไทยเจอวิกฤตโควิด?
เบลล์ – “ช่วงนี้ประเทศไทยอยู่ขั้นวิกฤต มีคนติดเชื้อมากขึ้น รู้สึกเห็นใจประชาชนคนไทยที่ตกงาน เราจะช่วยยังไงดี เบลล์ก็มองไปที่จังหวัดบ้านเกิดตัวเองที่โคราชที่ยอดผู้ติดเชื้อเยอะขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เห็นใจบางคนที่ตกงานไม่มีเงิน เลยมีความตั้งใจอยากทำข้าวแจกให้ได้ทุกสัปดาห์ จะทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เบลล์ก็ส่งเงินไปให้ที่บ้าน บอกช่วยทำให้หน่อย ทำกับข้าวแล้วเอาไปแจก ซึ่งก็มีคนมารับเยอะมาก ถึงเบลล์จะอยู่อเมริกา ก็ขอทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้เพื่อนคนไทยด้วยกัน ให้มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป”
การฉีดวัคซีนที่อเมริกาเป็นยังไงบ้าง?
เบลล์ – “ประมาณสองเดือนก่อนหน้านี้ เขาให้ผู้สูงอายุมาฉีดก่อน ผ่านไปสองอาทิตย์เป็นกลุ่มวัยกลางคน หลังจากนั้นเป็นวัยรุ่น ไปจนถึงทุกวัย ใช้เวลาแค่สองเดือนให้ทุกคนได้รับวัคซีน แต่จะมีบางกลุ่มที่ไม่รับวัคซีน แต่ส่วนใหญ่พอมีภูมิคุ้มกันหมู่มากขึ้นแล้ว ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงมา คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ตอนนี้พอมีสายพันธุ์ใหม่มา ยังไม่แน่ใจว่าจะมีการบูสเตอร์หรือเปล่า ตอนแรกวัคซีนมี 3 ตัว ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่จอห์นสันฯรู้สึกจะมีปัญหาบางอย่างเลยดึงออก จะเหลือสองตัวที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอเมริกาคือ ไฟเซอร์กับโมเดอร์นา”
อเมริกามีการล็อกดาวน์ไหม?
เบลล์ – “มีค่ะ แต่จะเรียกเหมือนเคอร์ฟิว หลัง 4 ทุ่มจนถึงตีห้าห้ามออกจากบ้าน แต่ ไม่ได้ทำตลอด เขาทำเป็นช่วงที่ให้รอวัคซีน แต่หลังได้วัคซีนแล้วก็ไม่มี ซึ่งช่วงล็อกดาวน์เขาก็มีการเยียวยาให้กับธุรกิจย่อย รวมถึงซิติเซ่นที่อาศัยในอเมริกา ซึ่งเบลล์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่นี่สวัสดิการดูแลเขาดีมาก”
“ก่อนหน้านี้อเมริกาคือจุดวิกฤตที่สุด เบลล์ผ่านจุดที่แย่ มาแล้ว ตอนนั้นประเทศไทยยังดีอยู่ อยากจะบอกให้ทุกคนอดทน เสพข่าวให้พอเหมาะ อย่าเสพถึงขั้นทำให้เศร้าใจมาก พอเศร้ามากจะขาดสติ จมอยู่กับความรู้สึกไม่ดี อาจจะเป็นที่มาของการเป็นซึมเศร้า เราเปลี่ยนมาเป็นให้กำลังใจตัวเองก่อน ต้องเชื่อว่า ผ่านไปได้แน่ เพราะเบลล์อยู่ตรงนี้ ในประเทศที่คนติดเยอะกว่าประเทศไทยมากๆ เบลล์ยังสามารถผ่านกันมาได้ ใช้ความอดทนและพยายามระวังดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ทุกอย่าง มีทางออกแน่นอนค่ะ เชื่อว่าทุกคนจะต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น”
แต่งงานใช้ชีวิตคู่มา 3 ปีแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง?
เบลล์ – “มีความสุขดีค่ะ เราเลือกผู้ชายที่ใช่สำหรับเรา เพราะเขารักเราอย่างที่เราเป็นเราโดยเขาให้เกียรติเบลล์เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเลย หลังแต่งงานได้ทำอะไรหลายอย่างร่วมกันที่เป็นความฝันที่เบลล์ฝันไว้หลายสิ่ง หลังจากเบลล์จดทะเบียนสมรส ก็มีความรู้สึกว่าเป็น ผู้หญิงจริงๆ ไม่ว่าเบลล์จะทำอะไรเขาก็สนับสนุนทุกอย่าง”
“เบลล์เรียนจบแค่ปวช. พอมาอยู่ที่นี่ อยากเอาโอกาสนี้เข้ามาเติมเต็มชีวิตด้วยการเรียนหนังสือต่อ ตอนนี้เบลล์กำลังเรียนอนุปริญญาสายวิชาเกี่ยวกับดนตรี Voice Performance คือการร้องเกี่ยวกับเรื่องเสียง เพราะอีกหนึ่งความฝันเราอยากเป็นครูสอนร้องเพลง เป็น ครูสาวประเภทสองที่สอนร้องเพลงได้ เพราะอายุเราก็มากขึ้นทุกวัน เด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าเรียนจบกลับไป ไปสอนร้องเพลง อย่างน้อยเราอาจจะทำงานเบื้องหลัง ดันเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ช่วยคนที่อยากเป็นนักร้องทำฝันเขาเป็นจริง เป็นความฝันอีก สเต็ปในอนาคต”
แสดงว่ามีแพลนกลับมาอยู่เมืองไทย?
เบลล์ – “ค่ะ เบลล์จะไม่อยู่ที่นี่นาน ถ้าตายขอตายที่เมืองไทยค่ะ คุยกับสามีแล้วว่าเขาอายุมากขึ้น ช่วงรีไทร์ก็จะกลับไปอยู่เมืองไทยกัน เราจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไทย”
ตอนนี้เป็น Female เต็มตัวแล้ว?
เบลล์ – “ใช่ค่ะ เป็น Female เขาให้เกียรติเราเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ กฎหมายที่นี่ดูแลดีค่ะ ในไทยเราเรียกร้องกันมานานในเรื่องนี้ เบลล์อยากให้พิจารณาได้แล้วค่ะ อย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว หลังจากที่เขาเปิดรับให้เรา จดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างมันดีไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการไปสมัครงาน ทำงาน เราได้รับสิทธิเสรีเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทุกอย่างเท่าเทียม นี่คือสิ่งที่เบลล์อยากให้เกิดขึ้นในเมืองไทย”
“ถ้าเป็นไปได้อยากให้ผู้ใหญ่ช่วยพิจารณา ถ้าเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน เบลล์เชื่อว่าประเทศชาติเราก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุขมากกว่านี้ มีอีกหลายคนที่มีความสามารถและมีศักยภาพจะช่วยเข้ามาพัฒนาประเทศ ทำให้ประเทศชาติเจริญยิ่งขึ้น เพียงแต่เขาติดในเรื่องโอกาสตรงนี้ แค่คำว่าเพศสภาพ พอโดนปิดกั้นมันก็ทำให้ความฝันของหลายคนตายไป”
“ถ้าวันใดที่ประเทศชาติเปิดโอกาสให้ LGBTQ มีความเท่าเทียมกัน เราจะได้เห็นอะไรหลายๆ มุมที่ไม่เคยเห็นที่จะช่วยเข้ามาพัฒนาทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ก็อยากให้ประเทศไทยสักวันหนึ่งเป็นแบบนี้ค่ะ”
วีรนุช จันทำ
